เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น

“มันก็เหมือนเดิมเสมอ เมื่อเราชนะ มันจะไม่ใช่เพราะระบบ แต่เมื่อเราแพ้ มันจะเป็นเพราะระบบ”
“รูเบน อโมริม” เริ่มตอบโต้เสียงวิพากวิจารณ์ด้วยท่าทีที่ “แข็งกร้าวมากขึ้น” หลัง ผลงานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้ระบบการเล่น 3-4-3 ที่ตัวของเขาเอง “ยืนกราน” มาโดยตลอดว่า “ไม่ว่าจะเป็นจะตายอย่างไร จะไม่มีวันเปลี่ยนแผนการเล่นนี้อย่างเด็ดขาด” แม้ว่า เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทีมจะจบอันดับที่ 15 และ เริ่มต้นฤดูกาลนี้ ด้วยการแพ้ 3 จาก 6 เกมแรกก็ตาม

แต่แล้ว ยังสามารถพาทีมคว้าชัยชนะได้ 2 เกมติดต่อกันในลีกได้เป็นครั้งแรก แถมหนึ่งในนั้นเป็นการ เอาชนะคาบ้าน ต่อ คู่อริตลอดกาลอย่าง “ลิเวอร์พูล” ได้ เสียงครหาที่มีต่อ “ระบบ” ซึ่ง อโมริม หวงแหน ก็เริ่มเบาบางลง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้ ระบบการเล่น 3-4-3 ของ อโมริม สามารถสร้างผลงานได้ดีขึ้นเพราะอะไรกันนะ?

วันนี้ “เรา” ลองไปสำรวจข้อมูลที่น่าจะพอเป็น “คำตอบ” ที่น่าสนใจนี้ จากการนำ ข้อมูลในพรีเมียร์ลีก 9 นัดแรก ฤดูกาลนี้ ไปเปรียบเทียบกับ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยกัน

การเล่นบอลยาวจากผู้รักษาประตู :

รู้หรือไม่?

9 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก ยูไนเต็ด มีค่าเฉลี่ย การส่งบอลยาวจากผู้รักษาประตู ต่อ 90 นาที มากถึง 23.2 ครั้ง! ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก มากกว่า เอฟเวอร์ตัน ที่ครองสถิติอันดับหนึ่งในลีกตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาเสียอีก

ยิ่งไปกว่านั้น.... ค่าเฉลี่ยที่ว่านี้ “ยังเพิ่มขึ้นกว่า” ค่าเฉลี่ย เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ของ ยูไนเต็ดทีมเดียวกันนี้ ถึง +76%!

อ่อ...แล้วหากใครยังไม่รู้? เซนเน่ ลัมเมนส์ นายประตูคนใหม่ ในนัดที่ลงประเดิมสนามกับซันเดอร์แลนด์ นั้น เขาเตะบอลยาวส่งให้เพื่อนร่วมทีมมากถึง 37 ครั้ง ส่วนในนัดที่ เอาชนะลิเวอร์พูล นั้น เตะยาวไปรวมกันถึง 45 ครั้ง เท่านั้นเอง!

ส่วน “อัลทาย บายินดีร์” นายทวารสำรองนั้น เมื่อได้ลงสนาม เขาจะส่งบอลยาวส่งให้เพื่อน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 47%

ซึ่งประเด็นการเน้นส่งบอลยาวจาก “ผู้รักษาประตู” นี้ เอง ถูกมองว่า เป็นการเล่นแบบ “เพลย์เซฟ” ของ “รูเบน อโมริม” ในส่วนหนึ่ง เนื่องจาก “ข้อผิดพลาด” ที่มักเห็นได้อยู่เสมอ คือ นักเตะยูไนเต็ด มักทำพลาดเสียบอลบ่อยครั้ง เมื่อพยายามเซทบอลจากแดนตัวเอง

เล่นเร็วขึ้นเมื่อทีมเน้นบอลยาว :

รู้หรือไม่?

การเน้นเล่นบอลแบบ Direct มากขึ้นในฤดูกาลนี้ นอกจาก ทำให้ ยูไนเต็ด อยู่ในอันดับที่ 3 ของลีก ที่พยายามส่งบอลด้วยลูกกลางอากาศมากที่สุดแล้ว มันยังเปลี่ยนให้ทีมที่มี “แนวรุก” อันแสนเชื่องช้าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว จากสถิติการส่งบอลในกรณี ที่มีการส่งบอล 10 ครั้งขึ้นไป ขณะที่เป็นฝ่ายครอบครองบอล ก่อนไปจบด้วยการยิงประตู เฉลี่ยถึง 12.4 ครั้ง “ลดลง” มาเหลือเพียงเฉลี่ย 8.8 ครั้งเท่านั้น

นอกจากนี้ การเล่นแบบ “Direct Speed” ของ ยูไนเต็ด ซึ่งเคยอยู่ในอันดับที่ 16 ของลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นั้น ในฤดูกาลนี้ กลับกระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 8 ของพรีเมียร์ลีกด้วย

และไม่เพียงเท่านั้น สไตล์การเล่นบอลแบบ Direct Speed ที่มุ่งเน้น การเปิดบอลไปยังพื้นที่ว่างทางด้านขวา เพื่อใช้ประโยชน์จาก ผู้เล่นที่มีความเร็วสูง ทั้ง “ไบรอัน เอ็มเบอโม” และ “อาหมัด ดิยัลโร” ผนึกกำลังร่วมกันนั้น ยังทำให้ การโจมตีด้วยลูกครอสจากทางด้านข้างเข้าสู่เขตโทษนั้น มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย จาก สถิติเปิดลูกครอสเข้าสู่เขตโทษสำเร็จ 3.1 ครั้งต่อเกม หรือ เพิ่มขึ้นถึง 62% จากฤดูกาลที่แล้ว และหนำซ้ำตัวเลขนี้ ยังถือเป็น สถิติที่ดีที่สุด อันดับ 2 ในลีกฤดูกาลนี้ เสียด้วย!

เล่นเสี่ยงน้อยลง :

รู้หรือไม่?

ฤดูกาลนี้ มีเพียง “อาร์เซนอล” เท่านั้น ที่มีสถิติเสียการครอบครองบอลในแดนตัวเอง น้อยกว่า “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”

ฤดูกาลนี้ “รูเบน อโมริม” ปล่อยให้นักเตะปิศาจแดง สัมผัสบอลในแดนตัวเองคิดเป็นค่าเฉลี่ยเพียง 30% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ “ต่ำที่สุด” เมื่อเปรียบเทียบกับ 3 ฤดูกาลก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 32% , 34% และ 34% ตามลำดับ ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นนี้ ย่อมเชื่อมโยงกับการที่มีการกำชับให้ “ผู้รักษาประตู” เล่นการเตะบอลยาวส่งให้เพื่อนร่วมทีมมากขึ้น

ส่วนหากถามว่า เพราะอะไร? “รูเบน อโมริม” จึงให้ลูกทีมเซทบอลจากแดนตัวเองน้อยลง “คำตอบ” ก็คือ ฤดูกาลที่แล้ว นักเตะยูไนเต็ด เสียบอลในแดนตัวเองคิดเป็นค่าเฉลี่ยสูงถึง 5.4 ครั้งต่อเกม

แต่กลับกัน เมื่อมีการเปลี่ยนไปเป็นการเล่นฟุตบอลแบบ Direct มากขึ้น ค่าเฉลี่ยของ “จุดอ่อน” ที่ว่านั้น “ลดลง” มาเหลือฮวบลงมาเหลือเพียง 2.4 ครั้งต่อเกม และมีเพียงทีมเดียวในลีกที่ทำได้ดีกว่า นั่นก็คือจ่าฝูง อย่าง “อาร์เซนอล” เท่านั้น

ผลลัพท์ที่ดีขึ้นจาก SET PIECES :

รู้หรือไม่?

การได้ตัว “ไบรอัน เอ็มเบอโม” ไม่เพียงแต่จะทำให้เกมรุกด้านขวา ของ “ยูไนเต็ด” อันตรายมากขึ้น แต่มันยังส่งผลให้การเล่น “ลูกตั้งเตะ” ได้ผลลัพท์ที่ดีขึ้นด้วย

นั่นเป็นเพราะ การมาถึงของ “ไบรอัน เอ็มเบอโม” ซึ่งถนัดเท้าซ้าย ทำให้ “ทีมปิศาจแดง” สามารถโจมตีคู่ต่อสู้ ด้วยลูกฟรีคิกแบบพุ่งเข้าหากรอบประตู ซึ่งสามารถ “คุกคาม” ฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่า อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจาก ฤดูกาลที่ผ่านมา ที่ ยูไนเต็ด มอบหมายให้ “บรูโน่ แฟร์นันด์ส” ที่ถนัดเท้าขวา รับเหมาการเตะฟรีคิกอยู่เพียงคนเดียว

ดังจะเห็นได้จากการที่ ในฤดูกาลนี้ ยูไนเต็ด เน้นการโจมตีด้วยลูกฟรีคิกและเตะมุม แบบ “In swinger” เป็นหลัก โดยที่แทบไม่มีการเล่นด้วยลูก “Out swinger” ให้เห็นเลย

และการเล่นลูกฟรีคิกแบบ “In swinger” นี้เอง มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้ ผลลัพท์การโจมตีจาก SET PIECES ของ ทีมปิศาจแดงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยสถิติ ค่า Expected Goals หรือ xG จากลูกตั้งเตะต่อเกม อยู่ที่ 0.49 และได้ประตูจากลูกตั้งเตะถึง 3 ประตูแล้ว ในฤดูกาลนี้

และทั้งหมดนี้ คือ “ข้อมูลเบื้องต้น” ที่ “รูเบน อโมริม” กำลังพยายามปรับเปลี่ยนให้ ยูไนเต็ดภายใต้ระบบ 3-4-3 เล่นให้เร็วขึ้นและตรงไปตรงมามากขึ้น กว่าที่เคยเป็นมา ส่วนบทสรุปของการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ จะนำพา ยูไนเต็ด ไปสู่อันดับที่ดีขึ้นได้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้หรือไม่? ทั้งหมดกำลังรอคอย “คำตอบ” หลังจากนี้เป็นต้นไป