แนวโน้มSETวันนี้(4ก.ย.68) ลุ้นจัดตั้งรัฐบาลได้

คาดตลาดแกว่งตัวขึ้น มีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ประธานสภาฯ บรรจุวันโหวตนายกฯ 5 ก.ย.นี้ พร้อมติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยวันนี้ หากลดลงต่อเป็นเดือนที่ 5 จะหนุนโอกาส กนง. ลดดอกเบี้ยเพิ่ม

ทางเทคนิค ดัชนีกลับมายืนเหนือ 1250/1255 ได้ถือเป็นสัญญาณบวก การยืนได้ต่อเนื่องมีโอกาสจบการพักฐาน ทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1268/1280 ขณะที่การลงหากยังเป็นบวกไม่ควรหลุด 1255/1250 อีก

ประเด็นสำคัญ :

1. พรรคประชาชนมีมติจะโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย ภายใต้ข้อตกลงต่างๆ โดยไม่ร่วมรัฐบาลและเงื่อนไขยุบสภาภายใน 4 เดือน ต่อมารักษาการนายกฯ เผยว่าได้ทูลเกล้าฯ พรฎ. ยุบสภาแล้วตั้งแต่วานนี้ แต่สำนักองคมนตรี ตีกลับหนังสือ เนื่องจากมองไม่ทำตามระเบียบ ด้านสภาฯ ได้บรรจุวาระโหวตนายกฯ ในวันที่ 5 ก.ย. นี้


2. กกร. ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโต 1.8-2.2% โดยช่วง 2H68 มองว่าจะขยายตัวเพียง 1% กดดันจากการเมืองที่อาจกระทบการเบิกจ่ายงบฯ, ความเชื่อมั่นการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน และเสี่ยงถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ ส่วนมูลค่าส่งออกปีนี้คาดขยายตัว 2-3% และอัตราเงินเฟ้อ 0.5-1.0% 


3. แหล่งข่าวเผย 8 ชาติสมาชิก OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบอีกครั้งในการประชุม OPEC ในวันที่ 7 ก.ย. นี้ เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดน้ำมันกลับมา จากช่วงก่อนที่ได้เพิ่มแล้วรวม 2.5MBD หรือ 2.4% ของความต้องการโลก ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent วานนี้ปรับลง 2.5%


4. การเปิดรับสมัครงานใหม่สหรัฐฯ (JOLTS)  ใน ก.ค. 2568 ลดลงสู่ 7.18 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี หนุนความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยต่อ


5. ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยวันนี้ เบื้องต้นตลาดคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไป จะปรับตัวลดลงต่อเป็นเดือนที่ 5 จากเดือนก่อนที่ -0.7% ตลาดคาดว่าจะปรับตัวลง -0.7% ใกล้เคียงเดือนก่อน หากปรับตัวลดลงต่อเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์และอสังหาฯ


6. ไทยมีโอกาสกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของการลงทุนด้านแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน AI บริษัทจากจีนและไต้หวันเกือบ 60 แห่งที่เร่งเข้ามาลงทุน หนุนไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง PCB 
 
กลยุทธ์การลงทุน :

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหว Sideways และบรรยากาศการลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวังหรือรอความชัดเจน เนื่องจากอยู่ระหว่างติตดามเสถียรภาพทางการเมืองไทย ทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนยังไม่กลับมาเต็มที่

อีกทั้ง ยังจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ เงินเฟ้อ ส.ค. ไทย ซึ่งหากยังลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 อาจจะหนุนให้ตลาดเก็งการปรับลดดอกเบี้ยต่อ รวมทั้งดัชนี PMI การผลิตและการบริการ ส.ค. จีนและสหรัฐฯ,  ดุลการค้าและตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ซึ่งหากยังไม่กลับมาแข็งแกร่งมากอย่างมีนัยสำคัญ คาดตลาดจะประเมินว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. ต่อ และจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
 
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :

ช่วงสั้นมอง SET เคลื่อนไหว Sideways บรรยากาศการลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวังเพื่อติดตามสถานการณ์การเมือง กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้...

1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังคงเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC TIDLOR

2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ แนะนำ PTT TTB HMPRO KKP

Trading Idea :

สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ...

1) หุ้น Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้า เลือกหุ้น SET50 ราคาหุ้นขึ้น QTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก มี PBV และ PER 2568F < -1SD มีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมี ESG Rating A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL MTC PTT WHA 

2) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง และ/หรือ บาทแข็งค่า แนะนำ REITs (FTREIT LHSC) อสังหาฯ (AP SIRI) เช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และโรงไฟฟ้า (GULF GPSC)

3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL) กลุ่มนิคม (AMATA) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) กลุ่มค้าปลีก (CPALL GLOBAL)
 
Daily top picks :

OR : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง ส่วนแนวโน้ม 3Q68 คาดฟื้นตัวได้จากฤดูกาลท่องเที่ยว ความต้องการใช้น้ำมันตามฤดูกาลที่เพิ่มและการขยายสาขา Café Amazon และร้านสะดวกซื้อ ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยในวันนี้จะขึ้นเครื่องหมาย XD 0.30 บาท ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 14 บาท
 
GULF : ได้ประโยชน์จากแนวโน้ม Yield ที่ปรับตัวลง ใน 2H68 จะมีการ COD โรงไฟฟ้าใหม่ 7 โรงรวม 597MW ขณะที่ โรงไฟฟ้า Jackson รับ Capacity Payment ใหม่ตั้งแต่ มิ.ย. นี้ ส่วน Data Center 25MW เริ่มรับรู้รายได้ ส.ค.นี้ และการ COD โครงการ Solar และ Solar+BESS ประเมินราคาเป้าหมายระยะสั้น 48.50 บาท

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์