7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (8ต.ค.2025)

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง หลังทำสถิติสูงสุด ขณะที่ Gold Futures ทะลุ $4,000/oz

ดัชนี S&P 500 -0.38%, Dow Jones -0.20% และ Nasdaq -0.67% ปรับตัวลงหลังจากทำสถิติสูงสุด โดยหุ้น Tesla ร่วง 4.4% กดดันตลาด หลังเปิดตัวรุ่นใหม่ราคาถูกเพื่อลดยอดขายที่ตกต่ำ ขณะที่ความไม่แน่นอนจากวิกฤตการเมืองฝรั่งเศสและความเสี่ยง US government shutdown หนุนแรงซื้อใน Gold Futures ซึ่งพุ่งทะลุ $4,000/oz เป็นครั้งแรก

นักลงทุนจับตาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดรอบถัดไป ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าต่อเนื่องจากวิกฤตฝรั่งเศส ส่วน IBM ปรับขึ้น 1.5% หลังประกาศความร่วมมือกับ AI startup Anthropic อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีลดลงเล็กน้อย ขณะที่ตลาดน้ำมันทรงตัว

2. ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 25% รถบรรทุกขนาด เริ่ม 1 พ.ย.

ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน เพื่อปกป้องผู้ผลิตในประเทศจากการแข่งขันต่างชาติ โดยบริษัทที่ได้รับผลบวก เช่น Peterbilt, Kenworth และ Freightliner

ขณะที่ U.S. Chamber of Commerce คัดค้านมาตรการนี้ เนื่องจากแหล่งนำเข้าหลักคือ Mexico, Canada, Japan, Germany และ Finland ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ โดย Mexico เป็นผู้ส่งออกรถบรรทุกขนาดใหญ่รายใหญ่สุดไปสหรัฐฯ มาตรการนี้อาจกระทบ Supply Chain และต้นทุนของผู้ผลิตรถบรรทุกในสหรัฐฯ

3. World Bank ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของ GDP จีนสู่ระดับ 4.8% จาก 4%

ธนาคารโลก (World Bank) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2025 ขึ้นเป็น 4.8% จากเดิม 4% สะท้อนถึงการฟื้นตัวที่ดีกว่าคาดจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล ถึงแม้จะเผชิญกับแรงกดดันจากข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ และปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น ตลาดอสังหาริมทรัพย์และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ยังคงซบเซา

อย่างไรก็ตาม มองว่าการขยายตัวดังกล่าวอาจชะลอตัวลงในปีถัดไป เนื่องจากแรงผลักดันจากมาตรการกระตุ้นและการส่งออกมีแนวโน้มลดการเติบโต ขณะที่ธนาคารโลกเตือนว่าความมั่นใจในหมู่ผู้บริโภคและธุรกิจยังอ่อนแอ

4. FTSE Russell อัปเกรดตลาดหุ้นเวียดนามเป็น "Emerging Market" แต่ยังต้องทำ interim review

FTSE Russell ประกาศอัปเกรดสถานะตลาดหุ้นเวียดนามเป็น "Emerging Market" โดยจะมีผลในเดือนกันยายน 2026 แต่ยังคงมีอยู่ในระหว่างการทำ interim review จนถึงเดือนมีนาคม 2026 การอัปเกรดสู่ Emerging Market ของเวียดนามถือเป็นก้าวสำคัญที่ดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติหลายพันล้านดอลลาร์สู่ตลาดเวียดนาม

ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบและโครงสร้างการตลาดที่ตอบรับมาตรฐานสากล อย่างไรก็ตามการที่เวียดนามอยู่ในการทำ interim review ส่งผลให้ยังคงต้องติดตามความสามารถในการเข้าถึงตลาดหุ้นเวียดนามจากนักลงทุนต่างชาติจริง หลังตลาดหุ้นเวียดนามได้พัฒนาระบบตลาดให้เป็นไปตาม FTSE Russell 

5. NVIDIA ลงทุนใน xAI ต่อ ย้ำกลยุทธ์ขยายตลาดผ่านดีลพันธมิตร

xAI สตาร์ทอัพด้าน AI ของ Elon Musk ได้ประกาศเพิ่มวงเงินการระดมทุนรอบล่าสุดเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย Nvidia เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนหลักมีวงเงินสูงสุด 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่จะนำไปจัดซื้อ GPU ของ Nvidia สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ Colossus 2 ที่สร้างในเมมฟิส เป็นดีลที่พันผูกทางธุรกิจระหว่างผู้ผลิตฮาร์ดแวร์กับผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม AI

ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนของ Nvidia คือการเร่งขยายตลาดผ่านดีลพันธมิตรและการอัดฉีดเงินลงทุนให้ผู้ใช้ AI โดยสัปดาห์ก่อน Nvidia ได้ประกาศลงทุน OpenAI สูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์ ด้าน xAI ถูกประเมินมูลค่าล่าสุดอยู่ที่ 200 พันล้านดอลลาร์ กลายเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพลำดับต้น ๆ ของโลก สะท้อนความร้อนแรงและความเสี่ยงของตลาด AI ที่ถูกจับตาจากทั้งฝั่งนักวิเคราะห์และนักลงทุน

6. World bank ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยสู่ระดับ 2.0% ในปี 2025


World Bank ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของ GDP ไทยในปี 2025 ขึ้นเป็น 2.0% จากเดิม 1.6% จากแรงหนุนการฟื้นตัวของการส่งออกในช่วงต้นปีและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่คาดว่า GDP ไทยจะชะลอลงเหลือ 1.8% ในปี 2026 เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและแรงสนับสนุนทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง รายได้ต่อหัวของไทยยังฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาค 

7. ครม. อนุมัติงบฯ 4.4 หมื่นล้านบาท โครงการ “คนละครึ่งพลัส” หนุนค้าปลีก

ครม. อนุมัติงบฯ 4.4 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เปิดกว้างให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปลงทะเบียนได้ พร้อมเพิ่มวงเงินสำหรับผู้เสียภาษีเงินได้และเปิดโอกาสให้ SME เข้าร่วม โครงการนี้จะลงทะเบียนวันที่ 20-26 ตุลาคม 2025 และเริ่มใช้สิทธิ์ตั้งแต่ 29 ตุลาคมถึงสิ้นปี

ประเมินว่า เป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPAXT, BJC และ TNP ที่มีฐานลูกค้าร้านโชห่วย-ร้านธงฟ้า ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินหมุนเวียนและการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศช่วงปลายปี

ประเด็นที่ต้องติดตาม :

ประชุม กนง. ไทย คาดการณ์ลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.25% ก่อนหน้าที่ 1.50%

อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์