ชายผู้นี้ คือ อีกหนึ่งสมบัติแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น และได้รับการยกย่องจากสาวๆให้เป็น “เจ้าชายแห่งวอลเลย์บอล” จากใบหน้าเอาหล่อเหลาและมากไปด้วยพรสวรรค์การเล่นวอลเลย์บอลอันเลอเลิศ ซึ่งหาก “คุณ” ยังไม่รู้จัก พ่อหนุ่มที่ทำเอาสาวๆไทยใจละลายร้องละเมอเพ้อฝันเรียก “รันของฉัน” ไปเมื่อเดือนกันยายน ปี 2024 ที่ผ่านมา

เชิญแวะสายตาลงไปอ่านการแนะนำตัวสั้นๆ ของหนุ่มหล่อผู้นี้ ก่อนที่จะไปรู้จักกับเขาอย่างจริงจังในบรรทัดต่อๆไปกันดีกว่า....

2. Profile :

“รัน ทาคาฮาชิ” (Ran Takahashi) หรือ “อาโออิ ทาคาฮาชิ” (Aoi Takahashi)
อายุ 22ปี (เกิดวันที่ 2ก.ย.2001)
สูง : 188 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 84 กิโลกรัม
ผู้เล่นตำแหน่ง : ตัวตีนอก (Outside Hitter)
ปัจจุบัน : ปี 2024 สังกัดสโมสร Suntory Sunbirds แห่ง SV League
ค่าเหนื่อย : สัญญา 1 ปี มูลค่าที่มีการประเมินเบื้องต้น ประมาณ 100 ล้านเยน! (22ล้านบาท)

3. จุดเริ่มต้น Prince of Volleyball :

“รัน ทาคาฮาชิ” เป็นชาวเกียวโต เริ่มเล่นวอลเลย์บอลเพราะมีพี่ชาย “รุอิ ทาคาฮาชิ” (Rui Takahashi) เป็นต้นแบบ มาตั้งแต่วันเด็ก โดย “รุอิ” มักจะพาน้องชายสุดหล่อไปเป็นคู่ฝึกซ้อมเล่นวอลเลย์บอลที่สวนสาธารณะใกล้บ้านอยู่เสมอๆ อีกทั้ง “รัน” ยังมักต้องทำหน้าที่เป็น “ผู้เล่นเสริม” ให้กับการเล่นวอลเลย์บอลของพี่ชาย ในเวลาที่ทีม “ขาดคน” อีกด้วย

โดย “รัน” เข้าชมรมวอลเลย์บอลมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และมุ่งหน้าสู่เส้นทางนี้อย่างจริงจัง ทั้งในระดับมัธยมต้น (โรงเรียนฮาจิกะโอกะ) และระดับมัธยมปลาย (โรงเรียนฮิกาชิยามะ)

ซึ่งในการเล่นวอลเลย์บอลในระดับมัธยมปลายนี่เอง ที่ทำให้แสงสปอตไลท์เริ่มสาดส่องมาที่ “รัน” เพราะเขาคือหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของทีม ที่สามารถคว้าแชมป์ ศึกวอลเลย์บอลระดับมัธยมปลายแห่งชาติประจำปี 2020 ได้สำเร็จ หนำซ้ำเจ้าตัว ซึ่งขณะนั้นอยู่ในฐานะนักเรียนชั้น ม.6 ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างเจิดจรัส จนกระทั่งได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ MVP อีกด้วย และจากการโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมในทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว ทำให้ “รัน” ถูกเรียกไปติดธงทีมชาติญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปีเดียวกันนั้นทันที!

สำหรับความโดดเด่นในการเล่นวอลเลย์บอลของ “รัน” นั้น นอกจากมีพลังตบอันรุนแรง เนื่องจากมีจุดที่กระโดดตบสูงสุดถึง 343 เซนติเมตร! แล้ว ยังสามารถลงช่วยทีมด้วยการทำหน้าที่เป็น “ลิเบอโร่” หรือ ผู้เล่นอิสระที่ทำหน้าที่ในเกมรับให้กับทีมได้ด้วย เนื่องจากเคยเล่นในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น

หลังติดทีมชาติญี่ปุ่น เส้นทางสู่การเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลอาชีพก็เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น โดยหลังจากเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่ Nippon Sport Science University และกลายเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติญี่ปุ่นที่อายุน้อยที่สุด ในโอลิมปิก กรุงโตเกียว ปี 2021 แล้ว “รัน” ยังมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมชาติญี่ปุ่น สามารถทะลุเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นผลสำเร็จอีกด้วย

และในที่สุดฟอร์มการเล่นของ “รัน” ก็ได้ไปเข้าตาสโมสรวอลเลย์บอลชั้นนำหลายแห่ง จนกระทั่งได้ร่วมทีมกับสโมสร Pallavolo Padova ซึ่งเป็นทีมชั้นนำในลีกวอลเลย์บอลอาชีพของประเทศอิตาลี โดยร่วมทีมในฤดูกาล 2021/22 และ 2022/23 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีม Mint Vero Volley Monza ในฤดูกาล 2023/24

4. ผจญความท้าทายในลีกวอลเลย์บอลอาชีพอิตาลี :

“โอลิมปิกที่โตเกียว ทำให้ผมตระหนักได้ว่า กำแพงระดับโลกนั้นสูงเพียงใด ผมจึงต้องพยายามยกระดับการเล่นของตัวเองให้สูงขึ้น ฉะนั้นการได้ไปลงเล่นในลีกอิตาลี จึงถือเป็นความท้าทายที่ดี ผมกำลังคิดว่าทักษะอะไรบ้างที่ผมต้องมี รวมถึงจะต้องเพิ่มพูนทักษะอะไรบ้าง เพื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งในระดับโลกต่อไป”

และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Prince of Volleyball ตัดสินใจมุ่งหน้าไปเผชิญความท้าทายในโลกที่ใหญ่ก็เดิมก็คือ Philippe Blain (อดีตโค้ชทีมชาติญี่ปุ่น) ได้พยายามร้องขอให้ “รัน” ไปเรียนรู้ในลีกวอลเลย์บอลที่แข็งแกร่งมากกว่าประเทศญี่ปุ่น

“คุณสนใจลีกยุโรปโดยเฉพาะอิตาลีบ้างไหม ถ้าสนใจ คุณควรรีบตัดสินใจให้เร็วที่สุด”

และสกิลที่ “รัน” ได้เรียนรู้หลังไปเล่นในลีกอิตาลีมาก็คือ “ทั้งการเสิร์ฟ การกระโดดตบลูก หรือ การกระโดดบล็อก ที่มันทั้งสูงและรุนแรงในการแข่งขันแต่ละนัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตัวเขาเองไม่ค่อยพบเจอในการแข่งขันภายในประเทศญี่ปุ่น ยกเว้นเสียแต่จะเป็นการแข่งขันในทัวร์นาเม้นท์ระดับนานาชาติ ในนามทีมชาติญี่ปุ่นเท่านั้น”

ไม่เพียงการลงเล่นในลีกอิตาลี จะทำให้ทักษะในการเล่นวอลเลย์บอลจะเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น อีกหนึ่งทักษะของ “รัน” ที่เพิ่มสูงขึ้นก็คือ “การทำอาหาร” เพราะการใช้ชีวิตอยู่เพียงคนเดียวในต่างแดน บางครั้งมีความจำเป็นต้องเตรียมอาหารด้วยตัวเอง ซึ่งเมนูที่เจ้าตัวเชี่ยวชาญเป็นพิเศษก็คือ “คาโบนารา”

5. กลับมาเพื่อปลุกวงการวอลเลย์บอลญี่ปุ่น :

หลังผจญความท้าทายในลีกอิตาลีได้ 3 ฤดูกาล “รัน ทาคาฮาชิ” ก็ตัดสินใจกลับคืนสู่มาตุภูมิ เพื่อเข้าร่วมทีม Suntory Sunbirds ซึ่งมี “รุอิ ทาคาฮาชิ” พี่ชายของเขาร่วมทีม ท่ามกลางคำถามดังๆจากทั้งสื่อมวลชนและเหล่าแฟนๆวอลเลย์บอลญี่ปุ่น

แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “เจ้าชายแห่งวอลเลย์บอล” ตัดสินใจหวนคืนสู่ลีกวอลเลย์บอลญี่ปุ่น?

ในการแถลงข่าวเปิดตัวกับสโมสรใหม่ “รัน ทาคาฮาชิ” ได้ตอบคำถามนี้กับสื่อมวลชนเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า

“หลังได้รับการยอมรับระดับหนึ่งในลีกอิตาลี นี่คือความท้าทายในการพัฒนาต่อไปในฐานะนักวอลเลย์บอลด้วยการพาตัวเองไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ ถึงแม้ว่าลีกตุรกีและโปแลนด์จะติดต่อมา แต่ผมรู้สึกว่า การเปลี่ยนไปสู่ลีกใหม่ที่มุ่งหวังจะเป็นลีกวอลเลย์บอลที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งจะนำไปสู่การดึงดูดนักวอลเลย์บอลชั้นนำในระดับโลกเข้ามาเล่นเพิ่มขึ้น จะทำให้ผมสามารถเติบโตขึ้นได้

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำตัญที่สุดก็คือ ทีม Suntory Sunbirds ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะต้องกลายเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลก และเป็นทีมจากญี่ปุ่นทีมแรกที่จะได้รับเหรียญรางวัลในระดับนานาชาติ มันจึงทำให้ผมติดสินใจเข้าร่วมทีม เพราะผมคิดว่ามันจะทำให้ผมสามารถตั้งเป้าหมายสู่การเป็นนักกีฬาระดับโลกได้!”

6. ค่าเหนื่อยระดับ 100 ล้านเยน! :

เบื้องต้นไม่มีการเปิดเผยตัวเลขค่าเหนื่อยของซึ่งเป็นสัญญา 1 ปี ของ “รัน ทาคาฮาชิ” ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่สื่อญี่ปุ่นตีความจากการให้สัมภาษณ์ของผู้จัดการทั่วไปของสโมสรที่ว่า “มูลค่าสัญญาของรัน เป็นข้อเสนอที่เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักวอลเลย์บอล และเป็นจำนวนเงินที่สามารถซื้อบ้าน (ในประเทศญี่ปุ่น) ได้ถึง 2 หลัง!

ส่วนหากถามว่าเพราะอะไร Suntory Sunbirds จึงยอมทุ่มเงินก้อนมหาศาลขนาดนี้ให้กับ เจ้าชายแห่งวอลเลย์บอลน่ะหรือ?

คำตอบก็คือ ปัจจุบัน “รัน ทาคาฮาชิ” มียอดผู้ติดตามในโชเชียลมีเดียมากกว่า 2.7 ล้านคน ขณะเดียวกันหลังมีการยืนยันว่า สโมสรได้ตัว “รัน” มาร่วมทีม มีรายงานว่าจำนวนผู้สนับสนุนทีมเพิ่มขึ้นทันทีถึง 10 เท่า! ขณะที่ตั๋วเข้าชมการแข่งขันเกมแรกในสนามที่มีความจุ 5,000 ที่นั่ง ถูกขายหมดเกลี้ยงภายในระยะเวลาเพียง 50 นาทีเท่านั้น!

7. เป้าหมายลีกวอลเลย์บอลอันดับหนึ่งของโลก :

SV League (SV ย่อมาจาก Strong , Spread และ Social) คือ ลีกวอลเลย์บอลใหม่ของประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่งเริ่มต้นฤดูกาลไปเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมานั้น เบื้องต้นได้มีการวางเป้าหมายการทำงานตามแบบแผน Japan Way เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า SV League จะต้องกลายเป็นลีกวอลเลย์บอลอาชีพเต็มรูปแบบภายในปี 2027 และจากนั้น SV League จะต้องพัฒนาไปสู่การเป็นลีกวอลเลย์บอลที่ดีที่สุดในโลกภายในปี 2030

ปัจจุบัน (ปี2024) ซึ่งถือเป็นปีแรกสำหรับ SV League ประกอบไปด้วยทีมหญิง 14 ทีม และทีมชาย 10 ทีม และแต่ละทีมเริ่มตั้งชื่อทีมใหม่ โดยยึดโยงกับชุมชนซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของแต่ละทีมแล้ว เพื่อหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนในชุมชน

ขณะเดียวกันยังมีข้อกำหนดให้แต่ละทีมต้องสร้างทีมเยาวชน รวมถึงมีสนามเหย้าที่สามารถรองรับผู้ชมได้อย่างน้อย 5,000 คน ตั้งแต่ปี 2030 นอกจากนี้ทุกทีมจะต้องระบบการบริหารงานแบบอาชีพเต็มตัวภายในปี 2027

สำหรับการวางเป้าหมายเรื่องการสร้างรายได้นั้น ในเบื้องต้น SV League วางเป้าหมายเอาไว้ว่า อยู่ที่ตัวเลขมากกว่า 400 ล้านเยน (88ล้านบาท) จนถึงปี 2026 และหลังจากนั้นตัวเลขรายได้ดังกล่าว จะต้องขยับเพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านเยน (133ล้านบาท)ในลำดับถัดไป

สำหรับการแข่งขัน SV League ในฤดูกาลนี้ บริษัท True Visions ได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันอย่างเป็นทางการด้วย ฉะนั้น สาวๆคนไหนอยากชื่นชมความเก่งกาจของ Prince of Volleyball สามารถติดตามได้อย่างใกล้ชิดแน่นอน