วันจันทร์, ธันวาคม 29, 2568

Airbus A321neo จิ๊กซอว์สำคัญเติมฝูงบินการบินไทย เพื่อการเดินหน้าสู่ยุคใหม่

by Trust News, 29 ธันวาคม 2568

การบินไทยจัดพิธีต้อนรับเครื่องบิน Airbus A321neo ลำแรก เสริมความแข็งแกร่งฝูงบิน รองรับการเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเครื่องบินลำใหม่เครื่องหมายสัญชาติ HS-TOA นามพระราชทาน “บวรรังษี” นักวิเคราะห์ชี้ "จิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย" เติมเต็มฝูงบินพาไปสู่ยุคใหม่ 

หลังจากที่ เครื่องบินโดยสารแบบแอร์บัส A321neo เครื่องหมายสัญชาติ HS-TOA นามพระราชทาน “บวรรังษี” ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังออกเดินทางจาก Airbus Delivery Center เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นลำแรกจากทั้งหมด 32 ลำที่บริษัทฯ ได้รับมอบจากแอร์บัส และเป็นหนึ่งใน 10 ลำแรกที่จะใช้ปฏิบัติการบินโดยการ เช่าดำเนินงาน (Operating lease) จาก AerCap ผู้ให้เช่าเครื่องบินรายใหญ่ของโลก แสดงถึงความร่วมมือด้านการจัดการฝูงบินในระดับสากล โดยจะใช้บินในเส้นทางภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเที่ยวบินแรกจะเริ่มในวันที่ 22 มกราคม 2569 เส้นทาง กรุงเทพฯ-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ TG221/TG222 กรุงเทพฯ-สิงคโปร์-กรุงเทพฯ TG413/TG414 และ กรุงเทพฯ-นิวเดลี-กรุงเทพฯ TG323/TG324

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ กล่าวว่า การรับมอบ A321neo ลำแรกสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของการบินไทยในการเสริมสร้างศักยภาพฝูงบินและความแข็งแกร่งด้านกลยุทธ์เครือข่ายเส้นทางบิน (Network Strategy) เพื่อยกระดับศักยภาพการให้บริการและรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เครื่องบิน A321neo มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเหล่านี้ตอกย้ำแนวทางของการบินไทยในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ เครื่องบินรุ่นใหม่นี้จะช่วยให้เราดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในเส้นทางยุทธศาสตร์ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

สำหรับ เเครื่องบินโดยสารแบบแอร์บัส A321neo เป็นเครื่องบินลำตัวแคบทางเดินเดียว รุ่นใหม่ในตระกูล A320 ติดตั้งเครื่องยนต์ CFM LEAP-1A ที่มีคุณสมบัติเด่นคือลดการใช้เชื้อเพลิงลงและทำงานเงียบขึ้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อที่นั่งได้สูงสุด 20% และได้รับการรับรองให้สามารถใช้เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ได้สูงสุด 50% นอกจากนั้น ห้องโดยสารสามารถรองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 175 ที่นั่ง แบ่งเป็นที่นั่งชั้นธุรกิจ (Royal Silk Class) จำนวน 16 ที่นั่ง ออกแบบเพื่อมอบความสะดวกสบายในระดับเดียวกับเครื่องบินลําตัวกว้าง ด้วยที่นั่งแบบ Fully-Flat bed ปรับเอนได้ 180 องศา พร้อมพื้นที่ระหว่างที่นั่งที่กว้างขึ้น

ในขณะที่ที่นั่งชั้นประหยัดมีจำนวน 159 ที่นั่ง ออกแบบที่นั่งตามหลักสรีรศาสตร์ ปรับเอนได้ 110 องศา และที่พักศีรษะสามารถปรับได้ 6 ทิศทาง ในส่วนของภายในห้องโดยสารถูกออกแบบตกแต่งให้โดดเด่น ด้วยเอกลักษณ์ความเป็นไทยผสานความเป็นสากลร่วมสมัย ถ่ายทอดผ่านองค์ประกอบ เช่น รูปแบบที่นั่ง ผ้าม่าน และผนังห้องโดยสาร พร้อมยกระดับประสบการณ์การเดินทางด้วยระบบความบันเทิง (IFE) ในทุกที่นั่งหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดระดับ 4K รองรับการเชื่อมต่อหูฟัง Bluetooth เสริมความสะดวกสบายด้วยที่เก็บสัมภาระแบบ Airspace XL Bins เพิ่มความจุสูงสุด 40% รวมถึงระบบแสงไฟ Welcome Ceiling และ Cabin Mood Lighting เพื่อสร้างบรรยากาศตลอดการเดินทาง 

ขณะที่ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมการบินในต่างประเทศ มองการนำเครื่องบินตระกูล Airbus A321neo เข้ามาเสริมทัพในฝูงบินของการบินไทย  ถือเป็นการปรับปรุงฝูงบินที่ "มีนัยสำคัญอย่างยิ่ง (Significant Move)" ในเชิงยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะหลังยุคฟื้นฟูกิจการ นักวิเคราะห์มองว่า การบินไทยขาดแคลนเครื่องบินขนาดกลางที่ประสิทธิภาพสูงมานาน หลังจากที่โอนเครื่อง A320 ไปให้ไทยสมายล์ทั้งหมดในอดีต เมื่อควบรวมไทยสมายล์กลับมา การได้ A321neo ซึ่งเป็นรุ่นใหม่กว่าและใหญ่กว่า A320 เดิม จะช่วยให้การบินไทยเติมเต็มช่องวางฝูงเครื่องบินลำตัวแคบ

ที่ตอบโจทย์ใน 2 เรื่องใหญ่ คือ เพิ่มความจุ (Capacity) เพราะ A321neo จุผู้โดยสารได้มากกว่า A320 (ประมาณ 180-220 ที่นั่ง) ทำให้สามารถทำกำไรในเส้นทางที่มีความต้องการสูงในภูมิภาค (เช่น จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่นบางเมือง) ได้ดีขึ้น และ พิสัยการบิน (Range) เนื่องจากตัว "neo" (New Engine Option) ช่วยให้บินได้ไกลขึ้น ทำให้การบินไทยสามารถใช้เครื่องบินลำตัวแคบบินในเส้นทางที่เคยต้องใช้เครื่องบินใหญ่ (Wide-body) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ไต้หวัน อินเดีย สิงคโปร์

ในมุมมองนักวิเคราะห์ ให้ความสนใจกับ การลดต้นทุนการดำเนินงาน (Efficiency & Commonality) เนื่องจากเเครื่องบิน A321neo ประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นก่อนถึง 15-20% ซึ่งเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลักของการบินไทย อีกทั้้ง การกลับมาเน้นตระกูล Airbus (A321neo, A330, A350) ทำให้ลดความหลากหลายของฝูงบิน ช่วยลดต้นทุนในการซ่อมบำรุง การสต๊อกอะไหล่ และการฝึกอบรมนักบิน (Commonality) เมื่อเทียบกับยุคอดีตที่มีเครื่องบินหลายยี่ห้อและหลายรุ่นเกินไป

นักวิเคราะห์ต่างประเทศมองว่า ความสามารถในการแข่งขันกับสายการบิน LCC และ Full Service อื่นๆ การบินไทยทำได้ดีขึ้น และ A321neo คือ "อาวุธสำคัญ" ในการสู้ศึกในภูมิภาคเอเชีย ด้วยต้นทุนต่อที่นั่ง (CASK) ที่ต่ำลง ทำให้การบินไทยสามารถตั้งราคาตั๋วสู้กับสายการบินราคาประหยัดได้โดยที่ยังมีกำไร ขณะเดียวกัน ในด้านสินค้าและบริการการบินไทยเลือกติดตั้งเก้าอี้แบบชั้นธุรกิจที่ปรับนอนได้ (Lie-flat seats) ในเครื่อง A321neo บางส่วน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นจุดขายที่แข็งแกร่งมากสำหรับเส้นทางบิน 4-5 ชั่วโมง (Regional Business Class) ที่คู่แข่งมักใช้เก้าอี้ปกติ

นักวิเคราะห์ต่างประเเทศ มีมุมมองด้านการเงินและการจัดหา (Leasing vs Buying) ของการบินไทยยุคหลักแผนฟื้นฟู โดยตั้งข้อสังเกตว่า การที่การบินไทยจัดหา A321neo ผ่านการ "เช่าดำเนินงาน (Operating Lease)" จำนวนมาก (เช่น ดีลกับ AerCap) แสดงถึงความระมัดระวังทางการเงิน แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบริษัทให้เช่าเครื่องบินระดับโลกที่มีต่อแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย.


You might be intertested in this news.

Mostview

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (23ธ.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (23ธ.ค.68) ยังเป็นขาขึ้น

โดรน อาวุธเปลี่ยนเกมสงคราม? ขีดความสามารถและข้อจำกัด

โดรน อาวุธเปลี่ยนเกมสงคราม? ขีดความสามารถและข้อจำกัด

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (24ธ.ค.68) ยังคงเป็นขาขึ้น เก็งกำไรระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (24ธ.ค.68) ยังคงเป็นขาขึ้น เก็งกำไรระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (22ธ.ค.68) Sideway Up

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (22ธ.ค.68) Sideway Up

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (22ธ.ค.68)

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (22ธ.ค.68)

TrustNEws Line