เกียรติตำรวจของจีน... ทำความรู้จักหลิวจงอี้ มือปราบคอลเซนเตอร์ (ตัวจริง)

“หลิว จงอี้” (Liu Zhongyi) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กลายเป็นบุคคลที่ชาวไทยกำลังส่งเสียงชื่นชมด้วยความยินดีปรีดา หลังแสดงความเอาจริงเอาจังในการกดดันให้ทั้งรัฐบาลไทยและพม่า รวมถึงกองกำลังติดอาวุธที่ดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ร่วมมือกันปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่สร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าให้กับประชาชนมาเนิ่นนานหลายปี

“หลิว จงอี้” ผู้นี้คือใคร วันนี้ “เรา” อยากชวน “คุณ” ไปร่วมทำความรู้จักบุรุษเหล็กมือปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ทำคนไทยกลับมามีความสุขกันได้อีกครั้งกันดีกว่า!

มือปราบอาชญากรชื่อ “หลิว จงอี้” :

อ้างอิงข้อมูลจากเว็ปไซต์กระทรวงทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมจีน ระบุว่า “หลิว จงอี้” เกิดเดือนสิงหาคม ปี 1965 (อายุ59ปี) ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน , สมาชิกคณะกรรมาธิการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ , ผู้ช่วยรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมาธิการและผู้อำนวยการสำนักที่ 5

ส่วนทางด้านการศึกษานั้น สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจ ในมณฑลเฮยหลงเจียง (Heilongiang) เมื่อปี 1985 ก่อนจะไปเรียนจบปริญญาโทด้านกฎหมาย

ทั้งนี้ ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำมณฆลเฮยหลงเจียง นั้น “หลิว จงอี้” ผ่านงานด้านการสืบสวนและปราบปรามคดีอาญามาแล้วมากมาย จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ สำนักงานสอบสวนอาชญากรรมของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ  ประจำมณฆลเฮยหลงเจียง ในปี 2001

จากนั้นในปี 2011 “หลิว จงอี้” จึงได้เริ่มต้นเส้นทางเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจที่กรุงปักกิ่ง จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนอาชญากรรมของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ในปี 2019 และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เมื่อเดือนเมษายนปี 2024

ผลงานการปราบปรามแก๊งอาชญากรรม :

ปี 2012 : ปิดแฟ้มคดี “โจวเคอฮัว” อดีตทหารรับจ้างใจเหี้ยม

สำหรับผลงานที่สร้างชื่อให้ “หลิว จงอี้” ได้รับเสียงชื่นชมในฐานะตำรวจมือปราบ คือ ปฏิบัติการไล่ล่า “โจวเคอฮัว” (Zhou Kehua) อดีตทหารรับจ้างชาวจีน ที่ตระเวนก่อเหตุปล้นและฆ่าเหยื่อด้วยการยิงที่ศีรษะอย่างเหี้ยมโหด มากกว่า 10 คดี ในพื้นที่เมืองฉางชา , เมืองนานจิง และ เมืองฉงชิ่ง ระหว่างปี 2004 - 2012 ซึ่งถือเป็นคดีที่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดสามารถปิดคดีได้

โดยในครั้งนั้น “หลิว จงอี้” ซึ่งเข้ารับหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจคดี ได้จัดชุดปฏิบัติการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 100 นาย ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน ออกระดมหาข้อมูลทั้งจากวิดีโอเทปและภาพถ่ายจำนวนมหาศาลที่ได้รับจากทั่วประเทศ จนกระทั่งสามารถระบุใบหน้าที่ชัดเจนของ “โจวเคอฮัว” ได้เป็นผลสำเร็จ

จากนั้น “หลิว จงอี้” ได้นำทีมออกไล่ล่ากดดันตามสถานที่กบดานต่างๆ หลายแห่งทั่วประเทศ จนกระทั่งในเดือนสิงหาคมปี 2012 เมื่อ “โจวเคอฮัว” ออกจากที่กบดาน เพื่อหวังก่อเหตุปล้นธนาคารในเมืองฉงชิ่ง และเปิดฉากดวลปืนกับเจ้าหน้าที่ ที่เข้าล้อมจับกุม จึงได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญในที่สุด เป็นอันปิดแฟ้มคดีอาชญากรสุดโหดที่ค้างเติ่มมานานถึง 8 ปีเต็มได้เป็นผลสำเร็จ

ปี 2014 : ปิดแฟ้มคดี Serial Killer ฆ่าข่มขืนเด็กและหญิงสาว ในมณฑลกานซู :

หลังฆาตกรต่อเนื่อง ที่ตระเวนก่อเหตุข่มขืนเด็ก 8 ขวบ และหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงมากกว่า 10 ราย ก่อนใช้อาวุธมีดเชือดคอเหยื่อจนเสียชีวิต ในเมืองไป๋ยิน มณฑลกานซู และเขตปกครองตนเองมองโกเลียในช่วงปี 1988 - 2002 ยังคงลอยนวล จนสร้างความอกสั่นขวัญหายให้ผู้คนจำนวนมาก และยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดสามารถปิดคดีนี้ได้

ในปี 2016 หลัง กระทรวงความมั่นคงสาธารณะได้มีคำสั่งให้มีการรื้อคดีอาชญากรรมร้ายแรงจำนวนมาก ที่ยังไม่สามารถปิดคดี เพื่อไล่ล่าหาตัวตัวฆาตกรอีกครั้ง พร้อมกับมอบหมายให้ “หลิว จงอี้” รับผิดชอบในคดีนี้โดยตรง

สิ่งที่ชายผู้นี้ลงมือทำทันที คือ นำเจ้าหน้าที่แผนกสืบสวนและปราบปรามลงพื้นที่เพื่อออกติดตามหาเบาะแสคนร้ายอย่างจริงจัง พร้อมกับมีการนำเทคโนโลยี DNA มาใช้ในการติดตามหาตัวคนร้าย จนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมตัวฆาตกรตัวจริงที่มีชื่อว่า “กัว เฉิงหยง” (Gao Chengyong) มาดำเนินคดีได้เป็นผลสำเร็จ เป็นปิดแฟ้มคดีที่ยาวนานมากว่า 28 ปี ได้สำเร็จอีกคดี!

หลักคิดในการทำคดี ของ หลิว จงอี้ :

ช่วงปี 2014 หลังสำนักงานสอบสวนอาชญากรรมของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีอาชญากรรมร้ายแรงสำคัญๆ นั้น ได้นำไปสู่ความคิดเห็นที่หลากหลายในหมู่เจ้าหน้าที่ตำรวจของจีน เนื่องจากส่วนใหญ่มองว่า คดีเหล่านั้นมักเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งการขาดหลักฐานทางการภาพ รวมถึงการสูญเสียที่เกิดเหตุ รวมถึงความเห็นที่ว่า...

“จะมีประโยชน์อะไรที่จะไปรื้อฟื้นคดีเก่าๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว กลับมาทำอีก?”

หากแต่สิ่งที่ “หลิว จงอี้” ได้เตือนสติบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า

“พนักงานสอบสวนคดีอาญารุ่นใหม่ จะต้องมีความกล้าที่รับผิดชอบและทำงานอย่างหนัก เพื่อเฟ้นหาฆาตกรตัวจริงและมีคำอธิบายให้กับประชาชน”

และด้วยเจตนาอันแรงกล้านี่เอง 9 คดีฆาตกรรมร้ายแรงที่ยังไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้มาเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งถูกมอบหมายให้กับ “หลิว จงอี้” รื้อฟื้นคดีนั้น ในท้ายที่สุดมือปราบอาชญากรผู้นี้ สามารถไขคดีเหล่านั้นได้มากถึง 7 คดี!

สำหรับบทบาทในการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ บริเวณชายแดนไทย-พม่า นั้น “หลิว จงอี้” มีชื่อปรากฏต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในฐานะผู้รับผิดชอบ หลังได้ร่วมแถลงข่าวกับหน่วยงานความมั่นคงทั่วประเทศจีน เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลในข้อหาฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและออนไลน์ (แก๊งคอลเซนเตอร์) เมื่อวันที่ 24ธ.ค.2020

สำหรับสถิติการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ของทางการจีนล่าสุดนั้น อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวซินหัว ระบุว่า จากข้อมูลของสำนักงานอัยการสูงสุดจีน ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม - พฤศจิกายน ปี 2024 ทางการจีนสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยชาวจีนมากกว่า 53,000 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตที่ปฏิบัติการจากฝั่งตอนเหนือของเมียนมา โดยในจำนวนนี้ มากกว่า 29,000 ราย ถูกตั้งข้อกล่าวหาและกำลังถูกพิจารณาคดีแล้ว

เห็นความเอาจริงเอาจังในการเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ของ “หลิว จงอี้” แล้ว คงไม่แปลกใจกันแล้วใช่ไหมว่าเพราะอะไร รัฐบาลไทยและพม่า รวมถึง กองกำลังติดอาวุธชายแดน จึงไม่อาจอยู่เฉยต่อการ “ติด ตาม ตื้อ” ของบุรุษเหล็กชาวจีนผู้นี้ได้

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?