ดร.กอบศักดิ์ ชี้ อาฟเตอร์ช็อกหลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้ภาษี Reciprocal Tariff เก็บไทย 36% ชี้ทางออกให้ไทย ขณะที่ จีน-สหรัฐฯ ตีกัน ต้องมีการเจรจาบนเงื่อนไขที่ทรัมป์ต้องการ เปิดตลาดส่งออก-ท่องเที่ยวใหม่ๆ ลดพึ่งส่งออกไปสหรัฐฯ และรับมือสินค้าจีนทะลัก

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า 5 วันจากความปั่นป่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศมาตรการภาษี Reciprocal Tariff ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บไทย 37% เมื่อสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นวันแรก (พฤหัสบดี) ก็เห็นหุ้นดาวน์โจนส์ สหรัฐฯ ตกลงมาตั้ง 1,500 จุดในวันแรกหลังจากประกาศมาตรการณ์ภาษี การที่ดาวน์โจนส์ตก 1,500 จุด/ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ตลาดปั่นป่วน วันต่อ (ศุกร์) มาลงอีกพันกว่าจุด 2 วันกว่า 3,000 จุด ด้านจีนประกาศตอบโต้ภาษีนำเข้าสหรัฐอีก 34% ก็ทำให้หุ้นสหรัฐฯ ตกอีกเป็นพันจุดแดงไปทั่วกระดาน หลังจากนั้นเข้าวันเสาร์-อาทิตย์ คนคิดว่าทรัมป์ จะเปลี่ยนใจแล้วทุกอย่างพอไปได้ แต่เปิดวันจันทร์ ก็เป็น Blaack Monday ตลาดหุ้นนิเคอิ ตกรูด 8%  จนต้องประกาศเซอร์กิตเบรกเกอร์ รวมทั้ง ตลาดหุ้นไต้หวันก็ร่วง ตลาดหุ้น ฮั่นเส็ง ฮ่องกง ติดลบ 3,022 จุด ฮ่องกงได้รับผลกระทบอย่างจริงจัง ทำนักลงทุนเสียหายย่อยยับ นี่คือผลของอาฟเตอร์ช็อกจากนโยบาย ปธน.ทรัมป์

เมื่อย้อนกลับไปอเมริกา เมื่อมีข่าวลือว่า นายเดวิด อ็อกแมน นักธุรกิจและนักลงทุนดัง อยากเสนอทรัมป์ ขอชะลอมาตรการภาษีออกไป 90 วัน เว้นจีนก็ได้ แล้วเกิดข่าวลือใน X ว่า ทรัมป์พิจารณาจะชะลอ แต่สุดท้ายทรัมป์ไม่เปลี่ยนใจ ตลาดหุ้นก็ติดลบมาอีก 800 จุดหลังจากบวก 892 กว่าจุด ก่อนปิดตลาดที่ -350 เรียกได้ว่าหุ้นเหมือนขึ้นรถไฟเหาะ จากข่าวลือ ขณะที่ยุโรป ไม่ตอบโต้ แต่จะเจรจาก่อน ตอนนี้ยังต้องติดตามตลาดหุ้นอเมริกาใกล้ชิดยังไม่พ้นขีดอันตราย ขณะที่ตลาดหุ้นแนสแดกค์ เข้าสู่ช่วงแบร์มาร์เก็ต กลับไปสู่จุดเริ่มต้นเดิม ผลพวงทั้งหมดก็มาจากทรัมป์ เพราะความไม่แน่นอนทำให้นักลงทุนออกจากตลาดก่อน

ผลกระทบต่อ VIX ทำให้นักลงทุนต้องปรับวิธีคิดในการลงทุนใหม่ แม้แต่ทองคำขึ้นไม่หยุดมาโดยตลอด แต่ช่วงหลังๆ ตลาดทองก็ต้องรับภาระ ทำให้ราคาร่วงแต่ยังมองว่าเป็น Save Heaven ของนักลงทุนอยู่ ส่วนดอกเบี้ยสหรัฐฯ ก็กระทบดอกเบี้ยสหรัฐไป 2 ปี ทั้งหมดขึ้่นกับนโยบายทรัมป์

ค่าเงินที่ทุกคนจับตามอง 

จีน จะทำอย่างไรกับค่าเงินหยวนที่อ่อนลง แต่ก็อาจกระทบไทยเพราะสินค้าจีนที่เข้ามาก็ถูกลงอาจทุบตลาดไทยได้ เงินบาทไทยอยู่ที่ 33-34 บาทต่อดอลลาร์ ยังอยู่ในระดับที่ดี

ผลกระทบที่เกิดขึ้น

การประท้วงทั่วประเทศสหรัฐฯ

เกิดการชุมชุมประท้วงของชาวอเมริกันทั่วประเทศ ต่อทรัมป์ และ อีลอน เรียกร้องให้ Hand Off แต่การประท้วงนี้มีเบื้องหลัง คือ องค์กร ดิอินวินซิเบิล ตั้งมาในปี 2016 โดย เจ้าพ่อการเงิน ที่ชื่อย่อ GS ช่วงสมัยทรัมป์ 1 โดยเรียกร้อง อีลน อย่าปลดคนออกแมากนัก รวมทั้ง มาตรการใช้จ่ายของภาครัฐ ขณะที่ทรัมป์พยายามปฏิรูปภาครัฐทำให้ลีนมีประสิทธิภาพ เหมือนเอกชน

มาตรการภาษี Reciprocal Tariff

เรื่องการใช้ Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ มีมายาวนานแล้วตั้งแต่ยุค 1930  แต่ ขณะนี้ ปธน.ทรัมป์เริ่มจากอุตสาหกรรมเหล็กและรถยนต์ ทรัมป์พยายามสร้างเรื่องนี้มาตั้งแต่รับตำแหน่ง เรื่องนี้จะมี 3 ชั้น
1.ระดับประเทศ เช่นไทยโดน 36%
2.ระดับออุตสาหกรรม ทุกประเทศ เหล็ก อลูมินั่ม
3.ระดับบริษัท บริษัทจีนมาอยู่เวียดนาม แล้วแปะเมดอินเวียดนาม

ทำไมไทยโดนภาษีที่ 36%

"ใครคิดเราเท่าไหร่ เราคิดคืนเท่านั้น" เราคิดไวน์นำเข้าสหรัฐฯ รวมภาษี 400% ไทยยังมี Non Tariff Barrier กระบวนการศุลกากร ซับซิดี้ ค่าเงินอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีมูลค่าเพิ่ม นโยบายประเทศ ทุกอย่างที่เราทำ ผู้แทนการค้าสหรัฐรายงานกลับไปยังรัฐบาล จนออกมาเป็นตัวเลข 72% แต่เมตตาไทยคิดครึ่งเดียว 36% ทั้งหมทดนี้มาจากสูตรคำนวณภาษีที่ประเทศนั้นๆ ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ ขนาดประเทศที่สหรัฐฯเกินดุลก็จะโดนภาษี 10%

ทำไมอาเซียนโดนเยอะ

เพราะเราเป็นภูมิภาคที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐมากเหลือเกิน แล้วเรานำเข้าจากสหรัฐฯ น้อยมากนั่นเอง ทั้งที่ต่างจากฝั่งยุโรป 8,000 ล้านเหรียญ เขาเลยเอาตัวเลขกลมๆ มาคำนวณ ไม่คิดถึงเซอร์วิสต่างๆ แต่เน้นเฉพาะตัวเลขการค้า แล้วไม่เกี่ยวข้องกับอัตรา Tariff เลย แล้วตัวเลขมันสะท้อนอะไร เพราะยังไม่เกี่ยวเนื่องกับ Non Tariff Barrier แต่ความจริงกลับไม่ได้ใช้เลย การปรับเปลี่ยนตรงนี้คงไม่มีประโยชน์ เช่นเดียวกับค่าเงิน นั่นทำให้การเจรจาถึงทางตัน

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังตัวเลขภาษี คือ สตีเฟน มีราน ประธานของ CEA เคยเขียนเรื่องการเปลี่ยนระบบโครงสร้างใหญ่ของการค้าโลก เมื่อภาษีทำไปแล้วสิ่งที่จะทำต่อไป คือ การเอาค่าเงินสหรัฐอเมริกามาแก้ปัญหาการค้า

นักลงทุนหวังว่าทรัมป์จะเปลี่ยนใจจะยอมถอยเหมือนแคนาดา และเม็กซิโก แต่ทรัมป์ไม่เปลี่ยนใจ ทรัมป์มองว่าการผ่าตัดใหญ่จบแล้ว คนไข้รอดตายมาแล้ว และกำลังฟื้นตัว คาดว่าจะแข็งแรงเติบโต และทำให้อเมริกาแข็งแรงอีกครั้ง แต่พอหุ้นตก 1,700 ก็บอกว่า มีแต่พวกคนอ่อนแอเท่านั้น ฉันจะไม่ถอย หุ้นก็ตกอีก1,500 รวม 3000 กว่าจุด บางครั้งก็ต้องยอมกินยาขมบ้าง อเมริกาเสียหายกับดุลการค้ามานาน เราต้องจัดการจีนและอียูให้ได้ เพื่อรักษาศักดิ์ศรี

ทรัมป์อยากให้ทุกคนเข้ามาหาอเมริกา และยินดีเปิดประเทศให้อเมริกาคิด ภาษีนำเข้า 0% แลกกันนั่นคือ เวียดนาม และชาติต่อมา คือ อิสราเอล ที่พร้ออมยอมทำให้อเมริกาทุกอย่างทั้ง ภาษีนำเข้าและ Non Tariff Barrier

กลุ่มที่ยอมรับไม่ได้ เปิดหน้าแลก

จีน ประกาศ 4 เม.ย.จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน 34% ซึ่งทรัมป์บอกว่ามาผิดทางละ
กลุ่มอียู ยังเลือกสงบท่าที ระหว่างหารือสมาชิก ลองเสนอ 0% แลกกันยกเว้น สินค้าเกษตร แต่สหรัฐฯ ไม่เอา

เป้าหมายที่ทรัมป์ต้องการ

1.ทำลายกำแพงการค้าของประเทศต่างๆ เพื่อลดการขาดดุลของสหรัฐอเมริกา
2.สร้าง New Globaal Trading System ที่มันจะมีพี่ใหญ่ 2-3 คนทะเลาะกันแล้วคนตัวเล็กๆ ก็จำยอม บางส่วนมีไปขอเจรจา เหมือนกับการเกิดแผ่นดินไหว 7.7 ทำให้สภาพทางธรณีเปลี่ยนไป
3.เกิดการสร้างงานในอเมริกา จะมีโรงงานใหม่ๆ
4.งานเงินมาใช้ชำระหนี้ เพื่อลดการขาดดุล

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้

เกิดการค้าหลายขั้ว เพราะหลายชาติจะไม่สุงสิงกัน (Multipolar Trading )
Fragment Technology Process เทคโนโลยีเอไอ ควอนตัม
การเผชิญหน้าในมิติอื่นๆ การสแดงอำนาจ การทหาร
การแข่งขันกันจับขั้ว ใครจะหาพวกได้มากกว่ากัน

โลกมันจะเปลี่ยนไป การเมืองในอเมริกาเปลี่ยนไป

การเลือกตั้งมิดเทอม จะวัดประสิทธิภาพการทำงาน หาก สส.เดโมเครตได้เยอะ กระทบต่อการดำเนินนโยบายทรัมป์แน่นอน เพราะนี่จะเป็นการที่ประชาชนอาจลงโทษ ได้เพราะทำให้บ้านเมืองเสียหาย แล้วทรัมป์จะ กลายเป็น ปธน.ที่ไม่มีอำนาจบริหารเต็มไปอีก 2 ปีหลังรับตำแหน่ง

ทางรอดของประเทศไทย

1.ผลกระทบจาก Reciprocal Tariff
2.สินค้าจีนจะเข้ามา เตือนรายย่อยต้องรับมือ
3.แข่งขันทางเทคโนโลยี
4.การแข่งขันรุนแรงจากผู้เล่นในภูมิภาค
5.การตอบโต้ของมหาอำนาจ

กระทบไทยตรงไหนบ้าง

*การค้า มาตรการภาษี
*ท่องเที่ยว ค่าเงิน
*เงินลงทุน เงินไหลออกจากความเมสี่ยง ความไม่แน่นอน
*ความผันผวนของทรัพย์สินต่างๆ ตลาดหุ้นตก
*ความเชื่อมั่น โลกจะไปได้หรือไม่ นักลงทุนไม่เชื่อมั่น

ประเทศไทยต้องเตรียมการ 5 ด้าน

1.เริ่มเจรจา มาลงทุนที่อเมริกา ลดภาษีนำเข้า ลด Non tariff barrier หยุดกีดกันการค้า และซื้อสินค้าสหรัฐอเมริกา ยานยนต์ จยย. เนื้อวัว เนื้อหมู ชา สุรา บุหรี่ ดอกไม้ เบียร์ ต้องเจรจาแบบจริงจัง ให้อะไรที่เป็นเนื้อหนัง ไม่ครึ่งๆ กลางๆ มิเช่นนั้นเราจะโดนภาษียาวนาน ในการเอาตัวรอดระยะสั้น
2.รักษาโมเมนตั้งเศรษฐกิจ เปิดตลาดอินเดีย นักท่องเที่ยวอินเดีย
3.เตรียมรับมือสินค้าจีน
4.ลดการพึ่งพิงตลาดสหรัฐและจีน หาตลาดส่งออกใหม่ อินเดีย แอฟริกา เพื่อการเอาตัวรอดระยะยาว
5.การวางตำแหน่งตัวเองในภูมิรัฐศาสตร์โลก ท่ามกลางการชนกันของ 2 ยักษ์ ที่จะบีบเลือกข้าง
อเมริกาอยากให้ไทยเป็นกลางที่อยู่ใกล้เขา ทำงานใกล้ชิด