วันศุกร์, พฤษภาคม 2, 2568

SCB EIC คาดสิ้นปีนี้ ดอกเบี้ยเหลือ1.25%

by Trust News, 1 พฤษภาคม 2568

SCB EIC คาดสิ้นปีนี้ ดอกเบี้ยเหลือ1.25%
 
กนง. มีมติ 5:2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.75% โดยมีกรรมการฯ 2 ท่าน เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.0% การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้มีที่มาจากการประเมินของ กนง. ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวลดลง และมีความเสี่ยงด้านต่ำสูงขึ้น

ตามนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลัก ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลงกว่าที่เคยประเมินไว้ ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย ขณะที่ภาวะการเงินยังคงตึงตัว

มองไปข้างหน้า กนง. เห็นว่าสถานการณ์สงครามการค้ามีแนวโน้มยืดเยื้อและทอดยาวไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการค้าและการผลิตโลก ซึ่งทำให้การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ามีความไม่แน่นอนสูงมาก
 
ครั้งนี้ กนง. ไม่ได้ให้ประมาณการ Baseline ของเศรษฐกิจไทย แต่มองเป็นฉากทัศน์จากความไม่แน่นอนที่ยังสูงมาก

กนง. มองว่าความตึงเครียดทางการค้าโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เป็นระยะเริ่มต้นของ “Storm” ที่กำลังจะเข้ามามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ในช่วงครึ่งหลังของปี ขณะที่ภาพจุดจบของ Storm ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การเงิน และการค้าโลกยังไม่ชัดเจน

สำหรับมุมมองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและอัตราเงินเฟ้อทั่วไป กนง. นำเสนอประมาณการใน 2 ฉากทัศน์ โดยไม่ได้ระบุชัดว่ามองกรณีใดเป็นกรณีฐาน ได้แก่

1. Reference Scenario มีสมมติฐานว่าสหรัฐฯ จะคงระดับภาษีสินค้านำเข้าเท่ากับอัตราที่มีผลบังคับใช้แล้วในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าไทยจะถูกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตรา 10% (ยกเว้นสินค้าบางหมวดที่มีการเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มเติม)

โดยสถานการณ์ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ จะทอดยาวถึงสิ้นปี 2026 ในกรณีนี้เศรษฐกิจไทยในปี 2025 และ 2026 จะขยายตัวได้ที่ 2.0%YOY และ 1.8%YOY ตามลำดับขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2025 และ 2026 อยู่ที่ 0.5% และ 0.8% ตามลำดับ

2. Alternative Scenario มีสมมติฐานว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษี Reciprocal tariff ครึ่งหนึ่งของที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ Technical recession ภายในปีนี้ ในกรณีนี้เศรษฐกิจไทยในปี 2025 และ 2026 จะขยายตัวได้ที่ 1.3%YOY และ 1.0%YOY ตามลำดับ

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2025 และ 2026 อยู่ที่ 0.2% และ 0.4% ตามลำดับ

3. กนง. มองว่าไม่ว่าสถานการณ์การค้าโลกจะออกมาในกรณีใด เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้อย่างมีนัย และมีความเสี่ยงด้านต่ำสูงขึ้นมาก
 
กนง. สื่อสารชัดว่านโยบายการเงินจำเป็นต้อง “ผ่อนคลาย”

ในการสื่อสารครั้งนี้ กนง. มองว่านโยบายการเงินจำเป็นต้องอยู่ในระดับที่ผ่อนคลาย เอื้อต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจและครัวเรือนต่อสถานการณ์การค้าโลกที่มีความตึงเครียดและผันผวน โดยไม่ได้ให้คำนิยามว่าเป็น Easing cycle แต่อย่างใด เนื่องจาก Shock ที่เข้ามากระทบกับเศรษฐกิจไม่ได้มีลักษณะที่เป็น Shock ครั้งเดียวและรุนแรงดังเช่นในวิกฤติการเงินโลก (Global Financial Crisis) แต่พร้อมที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งแตกต่างจากการสื่อสารในครั้งก่อน ๆ ที่พยายามเน้นย้ำว่านโยบายการเงินยังควรมีสถานะเป็นกลาง (Neutral) ต่อเศรษฐกิจ กล่าวคือไม่ได้เร่งหรือฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจ
 
SCB EIC ประเมินว่านโยบายการเงินจะต้องผ่อนคลายเพิ่มเติมอีก เนื่องจาก...

ปัจจุบันภาวะการเงินของไทยยังคงตึงตัวเทียบกับในอดีต แม้จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหลายครั้งแล้ว โดยนอกจากสถานการณ์ในประเทศที่สินเชื่อหดตัว และคุณภาพสินเชื่อที่ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ดัชนีค่าเงินบาทยังคงแข็งค่ากว่าในอดีตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ภาวะการเงินที่ยังตึงตัวอยู่ชี้ให้เห็นว่า กนง. อาจต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม เพื่อให้ภาวะการเงินเอื้อต่อสถานการณ์ของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มจะขยายตัวชะลอลงอย่างมาก

อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจต้องปรับลดลงไปต่ำกว่าช่วง Trade War 1.0 (2018-2019) โดยในสงครามการค้าครั้งแรกมีการขึ้นภาษีตอบโต้กันไปมาระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยไทยได้รับผลกระทบทางอ้อมเท่านั้น ขณะนั้นนโยบายการเงินมีลักษณะผ่อนคลาย

โดยค่าเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่เพียง 0.3% เท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับในปัจจุบันที่สงครามการค้ารุนแรงขึ้นมาก และไทยได้รับผลกระทบทางตรงที่รุนแรง แต่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยในปัจจุบัน (ซึ่งคิดรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้แล้ว) อยู่ที่ 0.7% (รูปที่ 3) การรับมือกับสงครามการค้ารอบนี้ที่รุนแรงขึ้นมาก จึงอาจต้องอาศัยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำลงกว่าอดีต

นโยบายการเงินอาจต้องเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนเศรษฐกิจมากขึ้นในระยะข้างหน้า หลัง Moody’s ปรับลด Outlook ของไทย สะท้อนข้อจำกัดของนโยบายการคลัง 

โดยเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา Moody’s บริษัทจัดอันดับเครดิตเรตติงได้ปรับลดแนวโน้มเรตติงไทยเป็น “Negative” จาก “Stable” แต่ยังคงอันดับเรตติงที่ Baa1 จากเศรษฐกิจและฐานะทางการคลังของไทยที่มีแนวโน้มแย่ลง

โดยไทยจะได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งจะซ้ำเติมปัญหาทางเศรษฐกิจของไทยที่มีอยู่เดิม โดยสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและมีความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นนี้จะส่งผลต่อเนื่องให้ฐานะการคลังของไทยแย่ลงเพิ่มเติม การปรับ Outlook ในครั้งนี้อาจจำกัดบทบาทของนโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า และทำให้นโยบายการเงินต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

SCB EIC จึงมองว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในปีนี้ สู่ระดับ 1.25% ภายในสิ้นปี 2025 เพื่อรองรับเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงตามความไม่แน่นอนที่ปรับสูงขึ้นมาก จากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ประกอบกับความตึงตัวของภาวะการเงินที่มีอยู่เดิม

ทั้งนี้ประเมินว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปีนี้จะต่ำกว่าช่วงปี 2018–2019 ที่เกิดสงครามการค้า 1.0 ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งขณะนั้นไทยยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง
 
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC

 


You might be intertested in this news.

Mostview

โทโฮคุ ชินคันเซ็น E5 ฮายาบุสะ 60 ตัวจริง จากหนังดัง "Bullet Train Explosion"

จากหนังแอ็คชั่นญี่ปุ่น "Bullet Train Explosion : ระเบิดรถด่วนขบวนระห่ำ" เรื่องราวชินคันเซ็น ขบวนฮายาบุสะ 6050B ถูกคนร้ายขู่วางระเบิด ห้ามรถวิ่งต่ำกว่า 100 กม./ชม. กับข้อมูลที่จะพาไปตามรอยเส้นทางรถไฟที่วิ่งเร็วสุดที่ 320 กม./ชม.จากชิน อาโอโมริตรงสู่โตเกียว

แนะนำหนังสือ-อีบุ๊ก นิยายน่าอ่าน ประจำเดือนพฤษภาคม

แนะนำหนังสือ-อีบุ๊ก นิยายน่าอ่าน ประจำเดือนพฤษภาคม...

เปิดตัว “พระร่วง..มหาศึกสุโขทัย” กับการตีความใหม่ที่เข้มข้น

เปิดตัว “พระร่วง..มหาศึกสุโขทัย” กับการตีความใหม่ที่เข้มข้น เมื่อสองพี่น้องต่างอุดมการณ์แตกต่างกัน จะขึ้นครองบัลลังก์อาณาจักรศรีสัชนาลัย สุโขทัย ...

ไฟฟ้าดับยุโรปคลี่คลาย สเปนกู้คืนได้ 50% โปรตุเกสไม่พบการโจมตีทางไซเบอร์

สเปน กู้คืนไฟฟ้ากลับเข้าระบบแล้ว 50% หลังไฟฟ้าดับวงกว้างกว่า 10 ชั่วโมง ด้านโปรตุเกสเจอรับผลกระทบไม่ต่างกัน จนต้องประชุมฉุกเฉิน 2 ประเทศ เร่งหาสาเหตุ-แก้ปัญหา ขณะที่ ยังไม่พบหลักฐานชี้ว่าเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ ต่อโครงสร้างสาธารณูปโภค

ไขคดีใหม่ “ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน” เดอะ มูฟวี่ ภาค 28 : ปริศนาภาพติดตามรณะ

นาครั้งใหม่ ของภาพยนตร์อะนิเมะสืบสวนสุดเดือด “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะ มูฟวี่ ภาค 28 : ปริศนาภาพติดตามรณะ 2” จาก ค่ายยักษ์ใหญ่ บริษัท เดกซ์ (ดรีม เอกซ์เพรส) จำกัด

TrustNEws Line