เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สเกาเซอร์ผู้ชื่นชอบความท้าทาย

“ผมอยากบอกว่า มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย ผมอยู่ที่นี่มา 20 ปีแล้ว และผมประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ผมต้องการที่นี่ แต่ตอนนี้ ผมมาถึงจุดที่รู้สึกว่า ผมต้องการความเปลี่ยนแปลง และความท้าทายใหม่ๆ ในฐานะนักฟุตบอล และผมคิดว่าตอนนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว”

ทั้งหมดนั้น คือ การกล่าวอำลาในฐานะ “สเกาเซอร์พันธ์ุแท้” ต่อเหล่าเดอะค็อปทั้งมวล อย่างเป็นทางการ ของ ผู้ที่อุทิศชีวิตและจิตวิญญาณให้กับตราสโมสรหงส์แดง มาเนิ่นนานถึง 20 ปี ที่มีชื่อว่า “เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์” (Trent Alexander-Arnold)

และถึงแม้ว่า “เทรนต์” จะยังคงเก็บงำคำตอบอย่างเป็นทางการ (ข้อมูล ณ วันที่ 6พ.ค.68) ว่า ในฤดูกาลหน้าเขาจะลงเล่นในสีเสื้อของสโมสรใด หากแต่…ย่อมเป็นที่รับทราบโดยทั่วกันอยู่แล้วว่า จุดหมายปลายทางที่ว่านี้ คงไม่พ้น “สโมสรราชันชุดชาว รีลมาดริด” แห่งสเปนอย่างแน่นอน

แล้วเพราะเหตุใด “เวทมนต์แห่งเบอร์นาบิว จึงเข้มขลังเสียจนสามารถกระชากจิตวิญญาณความเป็นสเกาเซอร์ ของ “เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์” ออกจากเครื่องแบบลิเวอร์พูลได้สำเร็จ วันนี้ “เรา” ลองไปสำรวจข้อมูลต่างๆ ที่อาจพอให้ “คำตอบ” ที่ว่านี้ด้วยกัน…

การค้นพบ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ :

"ผมก็เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มธรรมดาๆจากลิเวอร์พูล ที่ความฝันเพิ่งเป็นจริง"

อ้างอิงจากข้อมูลอย่างเป็นทางการของสโมสรลิเวอร์พูล ผู้ค้นพบเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์ผู้นี้ คือ “เอียน แบร์ริแกน” (Ian Barrigan) หัวหน้าทีมแมวมองนักเตะเยาวชนของ อคาเดมี ลิเวอร์พูล ซึ่งสังเกตเห็น “ความพิเศษบาง” อย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเด็กชายอายุ 6 ปี จากโรงเรียนประถมเซนต์แมทธิวส์ ที่บังเอิญจับสลากได้สิทธิเข้าร่วมการฝึกซ้อม กับ อคาเดมีลิเวอร์พูลในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน

จากนั้นอีกเพียง 3 ปีถัดมา การพัฒนาที่รุดหน้ากว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ก็ค่อยๆเด่นชัดมากขึ้นจนกระทั่งได้เป็นกัปตันทีม U16 และ U18 ของลิเวอร์พูล และได้เดบิวต์ในฐานะนักเตะทีมชุดใหญ่ ในเกมลีกคัพ กับ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ในเดือนตุลาคม ปี 2016 เมื่ออายุเพียง 18 ปีเท่านั้น

โดย “เอียน แบร์ริแกน” พูดถึง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในวัยเด็กว่า

“เทรนต์เป็นเด็กดี ขยันฝึกซ้อม และมีวินัยเวลาอยู่นอกสนามเสมอ แต่เขาเป็นคนที่แพ้ไม่เป็น เพราะแม้แต่เกิดแพ้เกมทอยเหรียญขึ้นมา เขาจะโวยวายไม่หยุด”

ซึ่งประเด็นเรื่อง “ความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ” ซึ่งติดตัว “เทรนต์” มาตั้งแต่เด็กๆนั้น ได้รับการยืนยันจากปากของ “เยอร์เกน คลอปป์” อดีตกุนซือชาวเยอรมนีที่เคยพูดถึงแบ็กขวารายนี้ หลังทีมคว้าแชมป์เปี้ยนลีกสมัยที่ 6 ว่า….

“เทรนต์ เป็นหนึ่งในนักเตะอาชีพที่มุ่งมั่นที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเจอ และเป็นตัวแทนการแสดงออกที่ว่า เราจะไม่มีวันยอมแพ้”

และอีกหนึ่งตัวอย่างที่ยืนยันในเรื่องนี้ คือ แม้แต่การฝึกยิงฟรีคิกในระหว่างการฝึกซ้อม ในปี 2020 เทรนต์ ยังเคยแสดงความหงุดหงิดออกมา จนสื่อสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน หลังเจ้าตัว ดันเกิดไปยิงฟรีคิกแพ้ กองหลังอย่าง “เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค” จากนั้นก็มีรายงานว่า เจ้าตัวได้ไปซื้ออุปกรณ์สำหรับการยิงฟรีคิก เพื่อฝึกซ้อมคนเดียวที่บ้านอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อหวังกลับไปเอาชนะกัปตันทีมของตัวเอง!  

รู้หรือไม่? เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีสายใยความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงถึง “ทีมคู่อริตลอดกาล” อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด!

โดยสเกาเซอร์รายนี้ มีญาติฝ่ายแม่ ทำงานในตำแหน่งเลขาธิการสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และที่น่าช็อกไปกว่านั้น คือ ตำนานของปิศาจแดง อย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั้น เคยเปิดเผยในหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวว่า “แฟนสาวที่เขาเคยคบหาอย่างจริงจังคนแรก ซึ่งมีชื่อว่า “ดอรีน คอร์ลิง” นั้น เป็น ย่าทวดของ เทรนต์ เสียด้วย WOW!

ความท้าทาย และ ผมพอแล้ว :

อยู่กับสโมสรอันเป็นที่รักมาถึง 20 ปี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ นักเตะกองหลัง อายุ 26 ปี เจ้าของส่วนสูง 175 เซนติเมตร ไขว่คว้า

ความสำเร็จอะไรกับลิเวอร์พูลมาแล้วบ้าง?

คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย , แชมป์เปียนลีก 1 สมัย , เอฟ เอ คัพ 1 สมัย , ลีกคัพ 2 สมัย , ยูฟ่าซุปเปอร์คัพ 1 สมัย , ฟีฟาคลับเวิร์ลคัพ 1 สมัย , รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ หรือ PFA 1 ครั้ง และ ติดอันดับทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ PFA อีก 3 ครั้ง

ทำไม เทรนต์ จึงไม่ต่อสัญญากับลิเวอร์พูล :

อ้างอิงจากการรายงานข่าวของสื่อในอังกฤษส่วนใหญ่เชื่อว่า “ปัจจัยหลัก” ที่น่าจะมีผล
อย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของ เทรนต์ น่าจะมาจาก “ความเปลี่ยนแปลงภายในของลิเวอร์พูล” อันเป็นผลมาจาก การลาออกของ “จูเลียน วอร์ด” ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร ซึ่งเพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียงปีเดียว และการสาละวนติดต่อซื้อนักเตะชุดใหม่ให้กับ ทีม คลอปป์ 2.0 รวมถึง การจากไปอย่างสุดเซอร์ไพรซ์ ของ เยอร์เกน คลอปป์ อดีตกุนซือ

ซึ่งปัญหาภายในดังกล่าว ทำให้ทีมผู้บริหารต้องใช้เวลาในการสะสางนานพอสมควร จนกระทั่งทำให้การประสานงานเพื่อต่อสัญญากับ 3 นักเตะกำลังหลักอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค , เทรนต์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งควรจะเริ่มต้นมาตั้งแต่ ก่อนฤดูกาล 2023/24 นั้น ได้เกิดความล่าช้าและกลายเป็นปัญหาคาราคาซังต่อเนื่องมาจนถึงฤดูกาลนี้

ซึ่งความล่าช้าที่เกิดขึ้นนี้เอง เป็นผลให้เกิดความสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นในทิศทางที่ลิเวอร์พูลจะก้าวไปข้างหน้า หลังการเปลี่ยนแปลงกุนซือคนใหม่ อีกทั้งเมื่อผสมเข้ากับ การค่อยๆแทรกตัวเข้ามาของ รีล มาดริด ความชัดเจนที่ว่า ฤดูกาลนี้อาจจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ “เทรนต์” ก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 แล้ว  

ในขณะที่รายงานข่าวเรื่องการ “เสนอสัญญาใหม่” จากทางลิเวอร์พูลให้กับ “เทรนต์” นั้น กว่าจะเริ่มต้นได้ มันก็เกิดขึ้น หลังเสร็จสิ้นการแต่งตั้ง “อาเน สล็อต” เป็นกุนซืออย่างเป็นทางการ ในเดือนพฤษภาคม ปี 2024

ซึ่ง ณ เวลานั้น สื่อในอังกฤษส่วนใหญ่เชื่อว่า “แบ็คขวาลิเวอร์พูล” ได้ตัดสินใจเรื่องอนาคตใหม่ของตัวเองไปแล้ว

ทำไม รีล มาดริด จึงเลือก เทรนต์ :

แบ็คขวาตัวจริงอย่าง การ์บาฆาล วัย 33 ปี ได้บาดเจ็บรุนแรงจากอาการเอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาดและต้องพักรักษาตัวยาว มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2024 ในขณะที่ อะไหล่สำรองอย่าง ลูคัส บาสเกซ วัย 33 ปี คาดว่า อาจจะไม่ได้รับการต่อสัญญาที่ใกล้จะหมดลงในเร็วๆนี้

ด้วยเหตุนี้เอง “เทรนต์” จึงกลายเป็น “คำตอบที่ลงตัวที่สุด” ให้กับ รีล มาดริด ไปโดยปริยาย

และนอกจากจะเข้ามาเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง ในตำแหน่งแบ็กขวาแล้ว “จุดเด่นเรื่องการวางบอลยาวอันแม่นยำ” ของ เทรนต์ ซึ่งพิสูจน์ได้จาก นับตั้งแต่ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีก เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2016 เป็นต้นมา

เทรนต์ สร้างสรรค์โอกาสในการทำประตู เป็นอันดับ 4 ของ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นรองเพียง เควิน เดอ บรอยน์ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ , บรูโน แฟร์นานเดส ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ เท่านั้น ทั้งๆที่ตัวเองเล่นตำแหน่งแบ็คขวา ซึ่งแตกต่างจากผู้เล่นแนวรุกทั้ง 3 คนก็ตาม

ซึ่งอาวุธหนักที่ว่านี้ ได้รับการคาดหวังว่า จะเข้าเติมเต็ม “การโจมตีด้วยบอลยาวอันแม่นยำและสร้างสรรค์” ที่ รีลมาดริด สูญหายไป หลังการแขวนสตั๊ดของ “โทนี โคลส”

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดที่ว่าไป “ราชันชุดขาว” ยังได้อาวุธหนักที่ว่านี้ มาแบบฟรีๆเสียด้วย!

ใครจะมาแทนที่ เทรนต์ ใน ลิเวอร์พูล :

แม้ว่าจะมีเค้าลางที่ค่อนข้างชัดเจนว่า คนที่น่าจะก้าวมาแทนที่ “เทรนต์” จะเป็น “คอเนอร์ แบรดลีย์” ที่ทั้ง เยอร์เกน คลอปป์ และ อาเน สลอต ช่วยกันฟูมฟักมาเป็นอย่างดี แต่เครื่องหมายคำถามสำหรับประเด็นนี้ คือ “เจ้าหนูวัย 21 ปี” รายนี้ แข็งแกร่งมากพอที่จะแบกรับภาระอันหนักอึ้งที่ “เทรนต์” ทิ้งไว้ให้หรือไม่?

เพราะแม้ “คอเนอร์ แบรดลีย์” จะโดดเด่นในเรื่องเกมรับ แต่สำหรับเกมรุกนั้น เจ้าหนูไอร์แลนด์เหนือผู้นี้ ยังไม่เคยโชว์ “การจ่ายบอลยาวมหัศจรรย์” ในแบบฉบับของ “เทรนต์” มาให้เห็น

และคำถามข้อต่อไป คือ เมื่อหงส์แดง “สูญเสีย” การโจมตีด้วยบอลยาวอันเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว จะมีผลต่อเครื่องจักรผลิตประตูอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือไม่ด้วย!

เพราะนอกจาก “คู่ขาโม เทรนต์” ทางฝั่งขวาจะเล่นด้วยกัน แบบมองตารู้ใจมาอย่างยาวนาน และตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา “เทรนต์” ยังคอยทำหน้าที่สร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูให้กับราชันชาวอียิปต์ เฉพาะในพรีเมียร์ลีก ด้วยตัวเลขที่สูงถึง 100 ครั้งด้วย!

ซึ่งสถิติดังกล่าว ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่า ตัวเลข 51 ครั้ง ของนักเตะอันดับ 2 อย่าง แอนดูรว์ โรเบิร์ตสัน ถึงเกือบ 2 เท่า!

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)

Arne Slot WAY ตัวตนที่พาลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)

ลิเวอร์พูลแชมป์ลีก20สมัย ความยืดหยุ่นสู่ความสำเร็จ (ชมคลิป)

ญี่ปุ่นเจรจาภาษีทรัมป์ ล้วงเบื้องลึกก่อนถึงทีมไทย (ชมคลิป)

มุมมองสก็อต เบสเซนต์ ทีมเศรษฐกิจไทยจะพบกับอะไร? (ชมคลิป)