วันอาทิตย์, พฤษภาคม 4, 2568

สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์

by Trust News, 4 พฤษภาคม 2568

สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์

“Wataru (Endo Endo) He is Japanese (Endo Endo) He Wears Number 3 (Endo Endo) and We’re going to Win The League”

“Wataru (Endo Endo) He is Japanese (Endo Endo) He Wears Number 3 (Endo Endo) and We’re going to Win The League”

เสียงตะโกนเชียร์ลั่นสนามแอนฟิลด์ของเหล่า “เดอะ ค็อป” ที่ส่งมอบให้กับ “สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ” ที่เป็น “ชายชาวญี่ปุ่นวัย 32 ปี” ซึ่งทุ่มเททุกหยาดเหงื่อให้กับทุกๆวินาที ที่ได้ลงสนาม โดยที่ไม่เคยแม้ปริปากบ่น

แม้ว่า การลงสนามให้กับทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ในบางนัด เขาจะได้รับโอกาสเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม!

นั่นเป็นเพราะเมื่อใดก็ตาม...ที่ชายหนุ่มคนนี้ก้าวเท้าลงสนาม ตามแท็คติกของ “อาร์เน สล็อต” (Arne Slot) นั่นก็แปลว่า… ลิเวอร์พูลต้องการ พลังงานและความทุ่มเทในการพุ่งปะทะเข้าสกัดคู่ต่อสู้ เพื่อ “ปิดเกม” นั้นด้วยคำว่า “ชัยชนะ”

โดยสถิติที่สามารถยืนยันในเรื่องนี้ได้ก็คือ เมื่อใดก็ตาม ที่กัปตันทีมชาติญี่ปุ่นลงสนาม ลิเวอร์พูลเสียประตูในลีกไปเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น (สิ้นสุดวันที่ 27เม.ย.2025)

เพราะอะไร “วาตารุ เอ็นโดะ” ซึ่งลงสนามให้กับลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ทุกรายการ รวมกันเพียง 29 นัด และมีระยะเวลาในการลงสนาม รวมกันเพียง 762 นาที (สิ้นสุดวันที่ 27เม.ย.2025)

แถมในจำนวนนี้ ยังเป็นการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเพียง 17 นัด โดยที่ไม่เคยออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเลยแม้แต่นัดเดียว จึงสามารถเอาชนะใจของเหล่า “เดอะ ค็อป” จนกระทั่งได้รับการยอมรับให้เป็น หนึ่งใน “จิ๊กซอว์สำคัญ” ที่ช่วยให้ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ได้เป็นผลสำเร็จ

วันนี้ “เรา” ลองไปพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่สามารถ “ตอบคำถามที่น่าสนใจนี้ด้วยกัน!”

ทำไมลิเวอร์พูล จึงเลือก วาตารุ เอ็นโดะ :

“วาตารุ เอ็นโดะ” หรือ Nickname “วาตะ” ที่บรรดาเพื่อนร่วมทีมหงส์แดงเรียก เกิดเมื่อวันที่ 9ก.พ.1993 ปัจจุบันอายุ 32 ปี มาร่วมเป็นสมาชิกของลิเวอร์พูลเมื่อฤดูกาล 2023/24 ในยุคสมัยของ “เยอร์เกน คลอปป์” ท่ามกลางเครื่องหมายคำถามสำคัญที่ว่า อดีตนักเตะของสโมสรโชนัน เบลล์มาเร่ , อุราวะ เรดไดมอนส์ , แซงต์ ทรุยด็อง ของ เบลเยี่ยม และ สตุ๊ตการ์ต ในเยอรมนี

มีศักยภาพเพียงพอ สำหรับการถมช่องว่างในแดนกลาง เพื่อทดแทนการจากไปของทั้ง “ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้จริงหรือ?”

หลัง “ทีมเครื่องจักรสีแดง” พลาดการคว้านักเตะที่ต้องการตัวอย่างยิ่ง อย่าง “มอยเซส ไกเซโด” และ “โรเมโอ ลาเวีย” ไปให้กับเชลซี อย่างน่าเจ็บใจ

หากแต่สิ่งที่บรรดา “เดอะ ค็อป” อาจจะหลงลืมไปก็คือ แม้ว่า “วาตะ” (อายุ30ปี ณ เวลานั้น) อาจจะอายุมากว่า “มอยเซส ไกเซโด” ถึง 9 ปี และ มากกว่า “โรเมโอ ลาเวีย” ถึง 11 ปี แต่อดีตนักเตะสตุ๊ตการ์ต มีสถิติการลงเล่นในบุนเดสลิก้าที่โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง

โดยใน 3 ฤดูกาล ก่อนที่เจ้าของส่วนสูง 178 เซนติเมตรผู้นี้ จะย้ายมาลิเวอร์พูล เขามีสถิติการเอาชนะการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง เป็นอันดับหนึ่งของของลีก ด้วยสถิติ 1,274 ครั้ง เอาชนะได้ถึง 54.6%

รวมถึงยังเป็นมิดฟิลด์ ที่เอาชนะการดวลลูกกลางอากาศอันดับหนึ่งของบุนเดสลิก้า ด้วยสถิติการเอาชนะ 2.2 ครั้ง จากความพยายาม 3.7 ครั้ง ต่อ 90 นาที ซึ่งสูงกว่า ฟาบินโญ่ (เอาชนะ 1.5 ครั้ง จากความพยายาม 2.7 ครั้ง ต่อ 90 นาที) และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (เอาชนะ 0.6 ครั้ง จากความพยายาม 1.0 ครั้ง ต่อ 90 นาที) เสียอีก!

อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องไม่ลืม คือ ในช่วงที่ “วาตารุ เอ็นโดะ” ฉายแววในบุนเดสลีก้า นั้น “เยอร์เกน คลอปป์” ยังคุมทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อยู่ด้วย มันจึงทำให้ กุนซือชาวเยอรมนี รู้จักกัปตันทีมชาติญี่ปุ่นผู้นี้เป็นอย่างดี จนกระทั่งกล้ายอมทุ่มเงิน 16 ล้านปอนด์ กับสัญญา 4 ปี เพื่อแลกนักเตะอายุ 30 ปี ผู้นี้มาร่วมทีม

ทั้งๆที่ ตลอดการทำงานในฐานะกุนซือ ของ “เยอร์เกน คลอปป์” นั้น เขาแทบไม่เคยยอมเสียเงินซื้อนักเตะที่อายุเกิน 26 ปี มาร่วมทีม ยกเว้น “ติอาโก้ อัลคันทารา” ในปี 2020 และ “รากนาร์ คลาวาน” ในปี 2016 เท่านั้น

โดย “เยอร์เกน คลอปป์” ซึ่งกล่าวยอมรับในงานแถลงข่าวว่า ปกติเราจะไม่เซ็นสัญญานักเตะในวัยนี้่มาร่วมทีม นั้น ได้พูดถึงการตัดสินใจในครั้งนั้นว่า…

“เอนโดะ เป็นผู้เล่นที่ดี มีประสบการณ์มากมาย และยังเป็นกัปตันทีมสตุ๊ตการ์ต และทีมชาติญี่ปุ่นด้วย นอกจากนี้เขายังพูดภาษาอังกฤษได้ดี เป็นเพื่อนร่วมทีมที่มีจิตใจดี ใส่ใจครอบครัว เป็นเครื่องจักรในสนาม เป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมและเป็นคนดีด้วย”

คุณสมบัติพิเศษ ของ วาตารุ เอ็นโดะ :

ไม่ต่างจากชาวญี่ปุ่นคนอื่นๆ ที่ยึดถือเรื่อง “ระเบียบวินัยเป็นสำคัญ” โดยในช่วงที่ค้าแข้งอยู่กับ
สตุ๊ตการ์ต สิ่งที่เพื่อนร่วมทีมจะพบเห็นได้อยู่เสมอคือ “วาตารุ เอ็นโดะ” จะเป็นคนที่ขยันฝึกซ้อมเพื่อรักษาสภาพความฟิตอย่างหนักเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ หลังต้องเดินทางไกลเพื่อไปรับใช้ทีมชาติก็ตาม และด้วยสภาพความฟิตเต็มถังเช่นนี้ จึงทำให้ “วาตะ” ไม่ค่อยพบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ แม้จะเป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกมเชิงรับ ที่ต้องเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลาก็ตาม

ดังจะเห็นได้จากใน 3 ฤดูกาลสุดท้ายกับ สตุ๊ตการ์ต นั้น เขาพลาดการลงเล่นเพียง 3 นัด จากทั้งหมด 102 นัด และมีเวลาลงเล่นในสนามรวม 8,783 นาที ซึ่งสูงที่สุดในนักเตะกองกลางของบุนเดสลีก้า ส่วนในกรณีของ ลิเวอร์พูล นั้น 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เขาเคยบาดเจ็บเล็กน้อยเพียง 2 ครั้ง รวมเวลาที่พักไปเพียง 11 วันเท่านั้น

ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งคุณสมบัติอันโดดเด่นของ “เอ็นโดะ” ก็คือ การยืนตำแหน่งและการอ่านเกม เพื่อดักสกัดบอลของฝ่ายตรงข้าม เพื่อเปลี่ยนจากรับเป็นรุก โดยในฤดูกาล 2020/21 นั้น เขาเป็นมิดฟิลด์ที่เริ่มต้นการโจมตีจนนำไปสู่การยิงประตู (ไม่รวมลูกตั้งเตะ) ถึง 90 ครั้ง เป็นรองเพียง โจชัว คิมมิช มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมนี ของ บาเยิร์น มิวนิก (สถิติ118ครั้ง) เท่านั้น

การปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษ :

การเปลี่ยนจากเวทีบุนเดสลีก้า มาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่มีสปีดการเล่นและความหนักหน่วงที่แตกต่างกันนั้น ทำให้ “วาตารุ เอ็นโดะ” ซึ่งรับหน้าที่มิดฟิลด์หมายเลข 6 เข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามเกือบตลอดทั้งเกม ต้อง “ปรับทั้งสไตล์การเล่นและทัศนคติ” เพื่อเรียนรู้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาถูกซื้อตัวมา ภายใต้คำถามต่างๆมากมาย โดยเฉพาะในมุมมองที่ว่า นักเตะเอเชียแบบเขา จะสามารถรับมือกับความดุดันของฟุตบอลอังกฤษได้หรือไม่?  

โดยประเด็นนี้ เขาได้เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นเอาไว้ว่า…

“ผมรู้ดีกว่ามีคนวิพากวิจารณ์เรื่องความเร็ว การตัดสินใจ และการทำฟาวล์ของผม แต่บทบาทของผม คือ การหยุดบอลของฝ่ายตรงข้าม และถ้ามีใครคิดว่า นักเตะญี่ปุ่นมักไม่หยุดบอลฝ่ายตรงข้ามด้วยการฟาวล์ ผมคิดว่าผมต้องเปลี่ยนความคิดแบบนั้น เพราะในฟุตบอลของ คลอปป์ นั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เล่นโฮลดิ้งมิดฟิลด์ จะไม่ทำฟาวล์ เพราะการลงเล่นเป็นหมายเลข 6 ให้กับ ลิเวอร์พูล นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

อีกประเด็นที่น่าสนใจที่ “วาตะ” เรียนรู้จากเพื่อนร่วมทีม คือ “ทัศนคติ” โดย “เอ็นโดะ” เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ในปี 2023 เมื่อลิเวอร์พูลพบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อชิงตำแหน่งจ่าฝูง เมื่อถึงช่วงพักครึ่งหลัง อลิสซอน เบ็คเกอร์ ได้ไปตะโกนใส่หน้า เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค หลังทีมถูก เออร์ลิง ฮาลันด์ ยิงประตูได้ว่า ทำไมแกไม่เล่นให้ดีกว่านี้ ทั้งๆที่จุดเริ่มต้นการเสียประตูนั้น มาจากการที่ อลิสซอน เตะบอลพลาดก็ตาม

ซึ่งเรื่องนี้ ในแง่มุมของชาวญี่ปุ่น ถือว่าค่อนข้างแปลก เพราะคนญี่ปุ่นเวลาที่ทำผิดพลาด มักเลือกที่จะโทษตัวเองก่อน แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง การที่ อลิสซอน สามารถโทษคนอื่นได้นั้น มันไม่ต่างอะไรกับการที่เขาไม่ได้รู้สึกสูญเสียความมั่นใจไปจากความผิดพลาดที่เพิ่งเกิดขึ้น ดังนั้นใครก็ตามที่จะเป็นนักเตะของลิเวอร์พูล จึงควรต้องมีทัศนคติแบบนี้

เพราะอะไร ฤดูกาลนี้ เอ็นโดะ จึงตกเป็นตัวสำรอง :

ในยุค “เยอร์เกน คลอปป์” กัปตันทีมชาติญี่ปุ่น ได้รับมอบหมายให้เป็นหมายเลข 6 ด้านหน้า เซนเตอร์ฮาลฟ์ทั้ง 2 คน เพื่อทำหน้าที่ปัดกวาดเกมรับเป็นหลัก รวมถึงยังต้องรับผิดชอบพื้นที่อันกว้างใหญ่ เมื่อฟูลแบ็คทั้งซ้ายและขวาเติมเกมบุกด้วย  

ซึ่งแท็กติกนี้นอกจากจะเอื้อให้กับจุดเด่นของ “วาตะ” แล้ว มันยังช่วย “กลบจุดอ่อน” เรื่องความคล่องตัวในการพลิกบอลเพื่อเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ จากการถูกไล่เพรซซิ่งตั้งแต่แดนบน ของ ฟุตบอลอังกฤษได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี สำหรับบทบาทของหมายเลข 6 ในแท็กติกของ “อาร์เน สล็อต” นั้น ถูกวางให้ยืนอยู่ระหว่างกองหน้าและกองกลางของคู่ต่อสู้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีความสามารถในการครองบอลและพลิกบอลในพื้นที่แคบๆ ได้เป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้ “ไรอัน กราเฟนเบิร์ช” และ “อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์”  ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องนี้ จึงสามารถตอบโจทย์ของกุนซือชาวดัชต์ได้มากกว่า  

ความเป็นมืออาชีพ :

แม้ว่าในฤดูกาลนี้ “วาตารุ เอ็นโดะ” จะต้องตกเป็นตัวสำรอง และได้สัมผัสเกมในสนามไม่มากนัก หากแต่ “ตัวสำรองอดทนผู้นี้” กลับไม่เคยปริปากบ่น หรือ ทำตัวไม่สมกับเป็นนักเตะอาชีพแม้แต่เพียงครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ในทุกๆวินาทีที่ได้ลงสนาม แม้แต่จะเป็นเพียงเวลาไม่ถึง 5 นาที กัปตันทีมชาติญี่ปุ่นผู้นี้ ก็ยังปลดปล่อยพลังงานเพื่อทีมอย่างเต็มที่ 100% เสมอ

โดยประเด็นนี้ ยืนยันได้จาก นักเตะ200% อย่าง “แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน” ที่เอ่ยปากชม “วาตะ” เอาไว้ว่า…

"เราควรให้ความสนใจกับผู้เล่นที่ฝึกซ้อมอย่างหนักทุกสัปดาห์ แต่ไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอมีผู้เล่นหลายคน ที่ต้องการเวลาลงเล่นมากกว่านี้ในฤดูกาลนี้ และผมคิดว่า พวกเขาทำงานอย่างหนัก แม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกหงุดหงิดก็ตาม

พวกเขาเหล่านั้น คือ ผู้ที่ผลักดันให้ผู้เล่นตัวจริง ต้องเล่นให้ดีอยู่เสมอ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมาถึงจุดนี้ได้ ผู้เล่นอย่าง วาตะ , ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ จาเรลล์ ควอนซาห์ พร้อมที่จะลงมาช่วยเหลือเสมอ เมื่อพวกเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมา ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามสิ่งนี้  

ขณะเดียวกัน การสร้างทีมที่ดี สิ่งสำคัญคือต้องมีขุมกำลังสำรองที่เข้าสู่เกม ด้วยทัศนคติที่ถูกต้อง เพราะหากคุณไม่มี คุณจะไม่มีทางเอาชนะอะไรได้เลย ด้วยเหตุนี้ ผมจึงอยากจะให้ความเคารพจากใจจริงต่อพวกเขาเหล่านั้น”  

ส่วนกัปตันทีมอย่าง “เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค” เคยกล่าวถึงความเป็นมืออาชีพของ “วาตะ” เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า...

“วาตะเป็นนักเตะที่สำคัญมากทั้งในและนอกสนาม แม้ว่าเขาจะลงเล่นน้อยกว่าฤดูกาลที่แล้ว แต่ความสำคัญของเขายังคงเหมือนเดิม

เขาลงสนามเพื่อทำหน้าที่รับประกันชัยชนะ และนำประสบการณ์ที่ทีมต้องการมาให้ เขายังเป็นหนึ่งในผู้นำในชีวิตประจำวัน ในฐานะกัปตัน ผมรู้สึกขอบคุณมากที่มีเขา เพราะเราต้องการคนที่มีทักษะความเป็นผู้นำอีก 2-3 คน และวาตะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นแน่นอน ผมมีความสุขมากที่มีเขา และผมหวังว่าจะได้อยู่ที่นี่กับเขา ต่อไปอีกอย่างน้อยสองปี"

ส่วน “คิงเคนนี” เซอร์เคนนี ดัลกลิช ยกย่องให้ กัปตันทีมชาติญี่ปุ่น เป็น 1 ใน 5 Unsung Hero หรือ เหล่าฮีโรผู้ทำหน้าที่ปิดทองหลังพระ ที่ประกอบด้วย เอ็นโดะ , เคอร์ติส โจนส์ , ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ , คอนเนอร์ แบรดลีย์ และ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกในฤดูกาลนี้

วาตารุ เอ็นโดะ และเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล :

“เยอร์เกน คลอปป์” เคยบอกไว้ว่า หนึ่งในเหตุผลที่ซื้อตัว “เอ็นโดะ” มาร่วมทีม เพราะเขาเป็นคนที่มีจิตใจดี

แล้วอะไรคือ สิ่งที่สามารถยืนยันในเรื่องนี้ได้น่ะหรือ?

“วาตะ” ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นอย่างถ่อมตัว ถึงการที่ “เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค” ยกย่องความเป็นผู้นำและความเป็นมืออาชีพของเขาว่า “ผมคิดว่า น่าจะเป็นเพราะ ไดจ์ค คงแค่อยากจะพูดอะไรดีๆ เพราะนักข่าวที่ถามเป็นชาวญี่ปุ่น”

ขณะเดียวกัน เอ็นโดะ ยังเคยให้สัมภาษณ์ถึงการต้องตกเป็นตัวสำรองกับสื่อเอาไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า....

“ลิเวอร์พูลสามารถรั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้เพราะทุกคน ผมคิดว่าทุกคนเข้าใจดีว่าเราต้องการความพยายามของทั้งทีมเพื่อคว้าแชมป์ ดังนั้นผมจะพยายามอย่างเต็มที่ในฐานะส่วนหนึ่งของทีมนั้น"

และครั้งหนึ่งเมื่อถูกถามว่า เพราะอะไรจึงวิ่งไปกอดกับ นายทวารพ่อหมี “อลิสซอน เบ็คเกอร์” ในนัดที่ชนะทอตแนม ฮอตสเปอร์ และคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ได้สำเร็จ “เอ็นโดะ” ตอบว่า…

“ในขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งลงไปในสนามเพื่อเฉลิมฉลองอย่างสุดเหวี่ยง ในเวลาแบบนั้น จะมีคนที่มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว และคนที่มองไม่เห็น ทุกคนกำลังเฉลิมฉลองในแบบของตัวเอง แต่ผมกลับรู้สึกสงบ และเดินไปหาอลิสซอน ที่ผมเห็นว่าเขากำลังยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวในสนาม”

และทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ เรา รวบรวมมาเพื่อฉายภาพความเป็น “วาตารุ เอ็นโดะ” นักเตะที่ประกาศเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “ผมมาที่ลิเวอร์พูลเพื่อต้องการเป็นแชมป์” และในที่สุด ชายผู้นี้ก็ทำมันได้สำเร็จในฤดูกาลนี้!

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

Arne Slot WAY ตัวตนที่พาลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)

ลิเวอร์พูลแชมป์ลีก20สมัย ความยืดหยุ่นสู่ความสำเร็จ (ชมคลิป)

ญี่ปุ่นเจรจาภาษีทรัมป์ ล้วงเบื้องลึกก่อนถึงทีมไทย

มุมมองสก็อต เบสเซนต์ ทีมเศรษฐกิจไทยจะพบกับอะไร?

สมการความสัมพันธ์ Apple made in China


You might be intertested in this news.

Mostview

โทโฮคุ ชินคันเซ็น E5 ฮายาบุสะ 60 ตัวจริง จากหนังดัง "Bullet Train Explosion"

จากหนังแอ็คชั่นญี่ปุ่น "Bullet Train Explosion : ระเบิดรถด่วนขบวนระห่ำ" เรื่องราวชินคันเซ็น ขบวนฮายาบุสะ 6050B ถูกคนร้ายขู่วางระเบิด ห้ามรถวิ่งต่ำกว่า 100 กม./ชม. กับข้อมูลที่จะพาไปตามรอยเส้นทางรถไฟที่วิ่งเร็วสุดที่ 320 กม./ชม.จากชิน อาโอโมริตรงสู่โตเกียว

แนะนำหนังสือ-อีบุ๊ก นิยายน่าอ่าน ประจำเดือนพฤษภาคม

แนะนำหนังสือ-อีบุ๊ก นิยายน่าอ่าน ประจำเดือนพฤษภาคม...

ไฟฟ้าดับยุโรปคลี่คลาย สเปนกู้คืนได้ 50% โปรตุเกสไม่พบการโจมตีทางไซเบอร์

สเปน กู้คืนไฟฟ้ากลับเข้าระบบแล้ว 50% หลังไฟฟ้าดับวงกว้างกว่า 10 ชั่วโมง ด้านโปรตุเกสเจอรับผลกระทบไม่ต่างกัน จนต้องประชุมฉุกเฉิน 2 ประเทศ เร่งหาสาเหตุ-แก้ปัญหา ขณะที่ ยังไม่พบหลักฐานชี้ว่าเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ ต่อโครงสร้างสาธารณูปโภค

ลิเวอร์พูลแชมป์ลีก20สมัย ความยืดหยุ่นสู่ความสำเร็จ (ชมคลิป)

ลิเวอร์พูลแชมป์ลีก20สมัย ความยืดหยุ่นสู่ความสำเร็จ

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (28เม.ย.68)

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (28เม.ย.68)

TrustNEws Line