แนวโน้มตลาดวันนี้ (4ก.พ.68)
by Trust News, 4 กุมภาพันธ์ 2568
คาด SET ได้รับปัจจัยหนุนให้ฟื้นตัวได้ต่อ หลังปธน. ทรัมป์ระงับการขึ้นภาษีต่อแคนนาดาและเม็กซิโกไว้ 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาในภาพรวมยังเป็นขาลง และยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม ทำให้การฟื้นตัวยังมีหลายแนวต้านคอยสกัด โดยล่าสุดอยู่ที่ 1312 และ 1320 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1280-1290 จุด
ประเด็นสำคัญ :
1. ปธน. ทรัมป์ ชะลอเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 1 เดือน หลัง 2 ประเทศเสนอเพิ่มกำลังควบคุมแนวชายแดนเพื่อดูแลปัญหาการอพยพและยาเสพติด ทำให้นักลงทุนคลายกังวลด้านอุปทานน้ำมัน
2. OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตตามคาด ส่งผลให้ OPEC+ ยังคงลดกำลังผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน แบ่งเป็นของ OPEC+ 2 ล้านบาร์เรล/วัน และการปรับลดโดยสมัครใจของสมาชิก OPEC+ 8 ชาติ 1.65 ล้านบาร์เรล/วันในรอบแรก และ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในรอบที่ 2
3. รมช. คลังกล่าวถึงการปรับลดของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ว่าในระยะสั้นไม่น่ากังวล เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีซึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และอยากให้มองระยะยาวมากกว่า แม้ระยะข้างหน้าจะยังมีความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์
4. ธปท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ม.ค. ที่ 48.5 ทรงตัวจากเดือนก่อน จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ลดลง แต่กดดันจากภาคที่ไม่ใช่การผลิตจากการชะลอตัวการบริโภคเนื่องจากรอ Easy e-Receipt
5. สสว.เผยภาระหนี้สินของ SME 4Q67 มีสัดส่วนทรงตัวที่ 65.0% ชี้ปัญหากำลังซื้อต่ำ-พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน และการแข่งขันสูงกระทบผู้ประกอบการ จี้รัฐควรเร่งออกมาตรการหนุนการเข้าถึงสินเชื่อ
6. รมช. คลัง เผยเตรียมหารือกับ ธปท. เกี่ยวกับมาตรการเพื่อรองรับการแก้ปัญหาปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะ หลังยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 70% เป็นสาเหตุทำให้ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศชะลอตัว
7. ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์เผยเศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต ภาคท่องเที่ยวจะเป็นภาคส่วนที่นำเงินเข้าไทยได้เร็วที่สุด แนะนำจัดสรรงบฯ ส่งเสริมภาคเกษตรและใช้ AI รวมถึงหนุนพลังงานนิวเคลียร์
กลยุทธ์การลงทุน :
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1350 จุด โดยแม้ภาพการลงทุนในตลาดต่างประเทศจะได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและผลประกอบการนอกกลุ่มการเงินของ บจ. สหรัฐที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจากการปรับลดดอกเบี้ยที่ค่อยเป็นค่อยไป
แต่ในประเทศ ยังไร้ปัจจัยใหม่มาช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้สถานการณ์การส่งออกไทยน่าจะมีความเสี่ยงมากขึ้น จากนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐและเงินเฟ้อที่ต่ำ ทำให้เศรษฐกิจไทยยังไม่โดดเด่นมากนัก ส่งผลให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยัง Underperform ตลาดหุ้นทั่วโลก
** ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” **
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :
มอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์หลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1350 จุด กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้...
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐอย่าง Easy E-Receipt ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ
** แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO TNP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AWC ERW AOT) **
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน
** แนะนำ AP KTB BBL PTT **
3. หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนกำไร 4Q67-1Q68 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
** เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC **
Trading Idea :
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรใน 1) หุ้นที่คาดมีโอกาสเพิ่มอัตราการจ่ายปันผล หรือ ซื้อหุ้นคืน เนื่องจากมี PBV ต่ำกว่า 1 เท่า และมีสภาพคล่องทางการเงินสูง เลือก PTT KBANK BBL และ 2) หุ้น Mid-Small Cap. ที่ราคาหุ้นปรับลง YTD มากกว่าตลาด แต่ 4Q67 และปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตดีและมีฐานะการเงินแกร่ง
เลือก AMATA AU BCH BLA TIDLOR
กรอบค่าเงินบาทวันนี้ (4ก.พ.68) :
ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.05 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไป 1 เดือน ส่งผลให้เงินภูมิภาคส่วนใหญ่กลับมาแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี ISM ภาคการผลิตสหรัฐฯ ออกมาที่ 50.9 สูงขึ้นจากเดือนก่อนและสูงกว่าตลาดคาดที่ 49.9 ด้านยอดคำสั่งซื้อใหม่สูงกว่าคาดเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสผลักดันให้ร่างงบประมาณปี 2025 ผ่านการรับรองโดยไม่ต้องผ่านมติสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจนำไปสู่การลงมติไม่ไว้วางใจ
ประเด็นข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวัน (4ก.พ.68) :
Economic release :
US – ตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS เดือนธ.ค
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
แนวโน้มตลาดวันนี้ (4ก.พ.68) ฟื้นต่อ แต่ต้องฝ่าหลายแนวต้าน
คาด SET ได้รับปัจจัยหนุนให้ฟื้นตัวได้ต่อ หลังปธน. ทรัมป์ระงับการขึ้นภาษีต่อแคนนาดาและเม็กซิโกไว้ 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาในภาพรวมยังเป็นขาลง และยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม ทำให้การฟื้นตัวยังมีหลายแนวต้านคอยสกัด โดยล่าสุดอยู่ที่ 1312 และ 1320 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1280-1290 จุด
ประเด็นสำคัญ :
1. ปธน. ทรัมป์ ชะลอเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 1 เดือน หลัง 2 ประเทศเสนอเพิ่มกำลังควบคุมแนวชายแดนเพื่อดูแลปัญหาการอพยพและยาเสพติด ทำให้นักลงทุนคลายกังวลด้านอุปทานน้ำมัน
2. OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตตามคาด ส่งผลให้ OPEC+ ยังคงลดกำลังผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรล/วัน แบ่งเป็นของ OPEC+ 2 ล้านบาร์เรล/วัน และการปรับลดโดยสมัครใจของสมาชิก OPEC+ 8 ชาติ 1.65 ล้านบาร์เรล/วันในรอบแรก และ 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในรอบที่ 2
3. รมช. คลังกล่าวถึงการปรับลดของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ว่าในระยะสั้นไม่น่ากังวล เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีซึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และอยากให้มองระยะยาวมากกว่า แม้ระยะข้างหน้าจะยังมีความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์
4. ธปท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ม.ค. ที่ 48.5 ทรงตัวจากเดือนก่อน จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ลดลง แต่กดดันจากภาคที่ไม่ใช่การผลิตจากการชะลอตัวการบริโภคเนื่องจากรอ Easy e-Receipt
5. สสว.เผยภาระหนี้สินของ SME 4Q67 มีสัดส่วนทรงตัวที่ 65.0% ชี้ปัญหากำลังซื้อต่ำ-พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน และการแข่งขันสูงกระทบผู้ประกอบการ จี้รัฐควรเร่งออกมาตรการหนุนการเข้าถึงสินเชื่อ
6. รมช. คลัง เผยเตรียมหารือกับ ธปท. เกี่ยวกับมาตรการเพื่อรองรับการแก้ปัญหาปฏิเสธสินเชื่อรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะ หลังยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 70% เป็นสาเหตุทำให้ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศชะลอตัว
7. ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์เผยเศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต ภาคท่องเที่ยวจะเป็นภาคส่วนที่นำเงินเข้าไทยได้เร็วที่สุด แนะนำจัดสรรงบฯ ส่งเสริมภาคเกษตรและใช้ AI รวมถึงหนุนพลังงานนิวเคลียร์
กลยุทธ์การลงทุน :
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1350 จุด โดยแม้ภาพการลงทุนในตลาดต่างประเทศจะได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและผลประกอบการนอกกลุ่มการเงินของ บจ. สหรัฐที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจากการปรับลดดอกเบี้ยที่ค่อยเป็นค่อยไป
แต่ในประเทศ ยังไร้ปัจจัยใหม่มาช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้สถานการณ์การส่งออกไทยน่าจะมีความเสี่ยงมากขึ้น จากนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐและเงินเฟ้อที่ต่ำ ทำให้เศรษฐกิจไทยยังไม่โดดเด่นมากนัก ส่งผลให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยัง Underperform ตลาดหุ้นทั่วโลก
** ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” **
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ :
มอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์หลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1350 จุด กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้...
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐอย่าง Easy E-Receipt ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 2568 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ
** แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO TNP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AWC ERW AOT) **
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน
** แนะนำ AP KTB BBL PTT **
3. หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนกำไร 4Q67-1Q68 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
** เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC **
Trading Idea :
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรใน 1) หุ้นที่คาดมีโอกาสเพิ่มอัตราการจ่ายปันผล หรือ ซื้อหุ้นคืน เนื่องจากมี PBV ต่ำกว่า 1 เท่า และมีสภาพคล่องทางการเงินสูง เลือก PTT KBANK BBL และ 2) หุ้น Mid-Small Cap. ที่ราคาหุ้นปรับลง YTD มากกว่าตลาด แต่ 4Q67 และปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตดีและมีฐานะการเงินแกร่ง
เลือก AMATA AU BCH BLA TIDLOR
กรอบค่าเงินบาทวันนี้ (4ก.พ.68) :
ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.05 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไป 1 เดือน ส่งผลให้เงินภูมิภาคส่วนใหญ่กลับมาแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี ISM ภาคการผลิตสหรัฐฯ ออกมาที่ 50.9 สูงขึ้นจากเดือนก่อนและสูงกว่าตลาดคาดที่ 49.9 ด้านยอดคำสั่งซื้อใหม่สูงกว่าคาดเช่นกัน
นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสผลักดันให้ร่างงบประมาณปี 2025 ผ่านการรับรองโดยไม่ต้องผ่านมติสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจนำไปสู่การลงมติไม่ไว้วางใจ
ประเด็นข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำวัน (4ก.พ.68) :
Economic release :
US – ตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS เดือนธ.ค
อ้างอิง : บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) , กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์
#ลงทุนวันนี้ #บทวิเคราะห์ #ตลาดหุ้น #ค่าเงินบาท #แนวโน้มการลงทุน #Trustnews #สำนักข่าวทรัสต์นิวส์
You might be intertested in this news.
Mostview
ย้อนรอย จลาจลเผาสถานทูตไทย บทเรียนข่าวเท็จ กัมพูชา (2546)
ย้อนรอยเหตุเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา จากน้ำผึ้งหยดเดียว ปล่อยข่าวคลั่งชาติ กล่าวหา “กบ สุวนันท์” หมิ่นกัมพูชา ลุกลามลามบานปลาย ก่อเหตุจลาจล คนไทยถูกล่า เอาชีวิต ผู้หญิงถูกล่า ลากจะขืนใจ สุดท้าย หาคนเบื้องหลังไม่ได้ ลงโทษผู้ก่อเหตุเบาหวิว แต่ต้องชดใช้มากกว่า
พร้อมตั้งแต่เมื่อวาน ทอ.โชว์ติดระเบิดนำวิถี KGGB เขี้ยวเล็บ เอฟ-16 ฝูง 103 โคราช
กองทัพอากาศไทย เผย วิดีโอคลิปบนเฟซบุ๊ก โชว์การติดตั้งอาวุธให้กับเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ฝูงบิน 103 นครราชสีมา ทั้งการโหลดกระสุนขนาด 20 มม.การติดตั้งมิสไซล์นำวิถีไซด์วายเดอร์ และ อาวุธใหม่ ระเบิดร่อนนำวิถีด้วย GPS แบบ KGGB ที่ซื้อจากเกาหลีใต้
โบอิ้ง 787 แอร์อินเดียแจ้ง "MAYDAY" ก่อนเครื่องตกใส่เขตชุมชนพร้อม 242 ชีวิต
เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ส ของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค ตกกระแทกพื้นกลางย่านชุมชน หลังเพิ่งออกจากสนามบินพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 242 คนบนเครื่อง ทั้งนี้ มีรายงานว่านักบินแจ้งฉุกเฉิน เมย์เดย์ ก่อนร่วงพื้น
AI พาปวดหัวภาพอิหร่านยิง F-35 อิสราเอลตกไม่ใช่ของจริง ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน
สื่อต่างประเทศหลายสำนักวิเคราะห์ตรงกัน กรณีในโซเชียลมีการแชร์ภาพ เครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ของ ทอ.อิสราเอลถูกอิหร่านยิงตกไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างเป็นทางการ ส่วนมากเป้นภาพตัดต่อ และภาพสร้างโดยเอไอ เพื่อหวังผลเรียกยอดไลค์ และสร้างอคดีด้านลบ
เครื่องบิน 787 แอร์อินเดียตกทับหอพักแพทย์ พบร่างแล้ว 204 ศพ มีรอดชีวิต 1 ราย
ความคืบหน้าเหตุ โบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์สของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค พร้อมคนบนเครื่อง 242 ชีวิตตกที่เมืองอาเมดาบัด โดยซากเครื่องทับหอพัก นศ.แพทย์ ล่าสุด พบผู้โดยสารรอดชีวิต 1 รายเป็นชายวัย 38 ปี ขณะที่พบศพแล้ว 204 ศพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
