วันจันทร์, ตุลาคม 6, 2568

เคล็ดลับความสำเร็จกัปตันซึบาสะ ความคิดของคนเลือกอยู่หัวแถว

by Trust News, 6 ตุลาคม 2568

เคล็ดลับความสำเร็จกัปตันซึบาสะ ความคิดของคนเลือกอยู่หัวแถว ตอนที่ 1

“ไม่ต้องกลัวโมริซากิ ลูกฟุตบอลคือเพื่อน!”

แคปชั่นง่ายๆไม่ซับซ้อน แต่ยังคงเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้ ของ “มังงะระดับตำนาน” ที่มีชื่อว่า “กัปตันซึบาสะ” (Captain Tsubasa) มังงะกีฬาฟุตบอล จาก ประเทศต้นกำเนิด อย่าง “ญี่ปุ่น” ที่ ณ เวลานั้น “ยังแทบไม่รู้จักกีฬาฟุตบอล จนกระทั่ง ต้องอุทิศหลายหน้ากระดาษสำหรับการอธิบายให้คนอ่านเข้าใจว่า “ล้ำหน้าคืออะไร?”

และไม่มีแม้แต่ “ลีกฟุตบอลอาชีพ” รวมถึงยังไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ แม้แต่ครั้งเดียว!

อันเป็นผลมาจากการที่ กีฬายอดนิยมอันดับหนึ่งตลอดกาลของชาวญี่ปุ่น คือ “กีฬาเบสบอล” ซึ่งเป็นกีฬาที่แม้แต่ “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” (Yoichi Takahashi) ผู้ให้กำเนิดมังงะเรื่องนี้เอง ก็ยังเป็นนักกีฬาที่คลั่งไคล้ “การเล่นเบสบอล” จนกระทั่งได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน มาตั้งแต่ระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย

 

แต่คุณเชื่อหรือไม่?

เรื่องราว ของ “โอโซระ ซึบาสะ” (Ozora Tsubasa) เด็กชายชั้นประถม ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่เกินจินตนาการที่ว่า “จะพาญี่ปุ่นเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกให้ได้” กลับกลายเป็น ปรากฎการณ์ในระดับตำนานทั้งในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก ในฐานะมังงะผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆทั่วโลก

ไม่เว้นแม้แต่ “เฟร์นานโด ตอร์เรส” , “อันเดรียส อิเนียสต้า” และ “อเล็กซ์ ซานโดร เดลปิเอลโร” นักฟุตบอลระดับโลก ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผมชื่นชอบและอ่านกัปตันซึบาสะ มาตั้งแต่เด็ก”

จนกระทั่ง สามารถสร้างยอดจำหน่าย จากการตีพิมพ์ต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่ปี 1981 หรือ เมื่อ 44 ปีก่อน ได้รวมกัน มากกว่า 90 ล้าน Copy! จากรายงานข่าว ของ สำนักข่าวอาซาฮี เมื่อเดือนมกราคมปี 2024

“ต้นกำเนิด” ของเรื่องราวความสำเร็จอันไม่น่าเชื่อนี้ มีที่ไปที่มา และเรื่องราวเร้นลับอะไรที่น่าสนใจบ้าง?

“เรา” ลองไปทบทวน “จุดกำเนิดและแนวคิด” ที่นำไปสู่ “มังงะที่ครั้งหนึ่งคุณเคยหลงรัก” กับ “I Think” ใน “EP.2” นี้ จากสำนักข่าว Trustnews ด้วยกัน

 

ผู้กำเนิดกัปตันซึบาสะ :

“โยอิจิ ทาคาฮาชิ” (Yoichi Takahashi) ผู้ให้กำเนิดกัปตันซึบาสะ (Captain Tsubasa) เกิดเมื่อวันที่ 28ก.ค.1960 โดยจุดกำเนิดที่ทำให้ อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ อยากเป็น “นักวาดมังงะ” หรือ Mangaka นั้น ก็เป็นเพราะ ความหลงไหลที่มีต่อ ผลงานของบรมครูแห่งวงการมังงะ อย่าง “อาจารย์เทะสึกะ โอซามุ” (Tezuka Osamu) เจ้าของผลงาน “เจ้าหนูปรมาณู”

อย่างไรก็ดี ด้วยความที่รักการเล่นกีฬาและเป็นถึง “นักกีฬาเบสบอล” ของโรงเรียน มาตั้งแต่มัธยมต้นและมัธยมปลาย จึงทำให้มีความชื่นชอบ “โดคะเบน” (Dokaben) มังงะเบสบอล ผลงานของ อาจารย์ชินจิ มิซึชิมะ (Shinji Mizushima) ที่ติดตามอ่านมาตั้งแต่ช่วงเรียนชั้นประถม

ด้วยเหตุนี้ อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ จึงตัดสินใจว่า หากตั้งใจจะเบนเข็มไปเป็น “มังงะกะ” ก็จะขอใช้ความรักในกีฬานี้แหล่ะ สร้างผลงานในแบบฉบับของตัวเอง

และเพื่อไปให้ถึง “ความฝัน” อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ จึงได้เริ่มฝึกฝนการวาดการ์ตูนอย่างจริงจัง และเริ่มส่งผลงานต้นฉบับชิ้นแรก ที่เขียนมาตั้งแต่ ยังอยู่แค่ชั้นมัธยม 3 เข้าประกวดงานเฟ้นหานักเขียนหน้าใหม่ ของ นิตยสาร JUMP ซึ่งแน่นอนว่า “ตกรอบ” ไปแบบไม่ต้องลุ้น!

หากแต่ “ความผิดหวังครั้งแรก” ไม่ได้ทำให้ “บิดาผู้ให้กำเนิดซึบาสะ” รู้สึกท้อถอยแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อใกล้เรียนจบชั้นมัธยม 6 อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ ยังได้ตัดสินใจอย่างแนวแน่อีกด้วยว่า จะขอเลือกเส้นทางเป็น “นักวาดมังงะ” ให้จงได้!

ทำให้จากนั้นเป็นต้นมา จึงได้มีการสร้างผลงานมังงะสายกีฬาหลายต่อหลายเรื่อง ไปให้ กองบรรณาธิการของ JUMP ได้พิจารณา “ด้วยตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ”

โดย อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ ให้เหตุผลถึงความพยายามอย่างหนักของตัวเองในครั้งนั้น เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า...

“แม้ผลงานของผม จะเคยถูก กอง บก. JUMP ปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง แต่ข้อดีของการทำแบบนั้น ก็คือ นอกจากจะได้ทำความรู้จักกับ บรรณาธิการ ด้วยตัวเองแล้ว บางครั้งมันยังได้รับฟังมุมมองต่างๆที่มีต่อผลงาน เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงผลงานของตัวเองด้วย”

จนกระทั่งในที่สุด ความพยายามที่นำไปสู่การสร้าง “มังงะระดับตำนาน” ก็มาถึง เมื่ออาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ ได้พบกับ “ซูซูกิ ฮารุฮิโกะ” ซึ่งปัจจุบัน นั่งเก้าอี้เป็นกรรมการผู้จัดการ ของ สำนักพิมพ์ชูเอย์ฉะ ที่ในเวลานั้น เพิ่งก้าวมาเป็น บรรณาธิการหน้าใหม่ของ JUMP

 

มุ่งสู่มังงะฟุตบอล :

เพื่อไปสู่คำว่า “โอกาส” สิ่งสำคัญ สำหรับมังงะกะทุกคน คือ จะต้องพยายามพิชิตรางวัล “นักเขียนหน้าใหม่ยอดเยี่ยมประจำเดือน” ให้ได้ ดังนั้น อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ จึงได้ส่งผลงานต้นฉบับเรื่องสั้น ซึ่งส่วนใหญ่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เบสบอล และ ฟุตบอล ไปให้ กอง บก. Jump พิจารณาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้รับ รางวัลชมเชยถึง 4 ครั้ง

จนกระทั่งทุกอย่างก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อผลงาน “Friendship Eleven” ซึ่งเป็นต้นเรื่องของ “กัปตันซึบาสะในอนาคต” ได้รับคำชมจาก “ซูซูกิ ฮารุฮิโกะ” บรรณาธิการหน้าใหม่ของ JUMP ในเวลานั้นว่า…

“โยอิจิ ทาคาฮาชิ มีทัศนะคติที่ดี สำหรับการจับภาพลักษณ์ของเด็กผู้ชาย และยังมีความสามารถในการบรรยายถึงความใสซื่อบริสุทธิ์ของเด็กผู้ชายได้อย่างถูกต้องด้วย”

หลังจากนั้นเป็นต้นมา “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” จึงได้มุ่งหน้าไปสู่ “การวาดมังงะกีฬาฟุตบอล” อย่างจริงจังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!

แม้ว่าภายในใจลึกๆ “บิดาของกัปตันซึบาสะ” จะรู้สึกเป็นกังวลว่า ในยุคที่มังงะเบสบอลกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในขณะนั้น หากมุ่งหน้าไปเขียนมังงะฟุตบอลที่คนญี่ปุ่นแทบไม่รู้จักเลยในเวลานั้น มันจะสามารถประสบความสำเร็จได้จริงหรือไม่?

หากแต่มีประเด็นหนึ่งที่ “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” นำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจนี้ ก็คือ การได้ตั้งใจดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 1978 อย่างจริงจัง จนกระทั่งทำให้ตระหนักได้ว่า กีฬาฟุตบอลนั้นน่าหลงใหลเพียงใด อีกทั้งแม้ว่า เบสบอลอาจจะได้รับความนิยมในสหรัฐและญี่ปุ่น และเด็กๆญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต่างก็มีความฝันที่อยากจะเป็นนักเบสบอลอาชีพกันทั้งนั้น

แต่หากมองออกไปยังภายนอก นอกจากฟุตบอลจะเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกแล้ว ยังผู้คนที่อยากเป็นนักเตะอาชีพ มากกว่า เบสบอล หลายเท่าอีกด้วย

ขณะเดียวกัน “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” ยังได้วิเคราะห์อีกว่า…..

ณ เวลานั้น นอกจากตลาด จะเต็มไปด้วย “มังงะเบสบอล” มากมาย จนทำให้เกิดการแข่งขันอย่างสูงแล้ว “โดคะเบน” (Dokaben) มังงะเบสบอล ของ อาจารย์ชินจิ มิซึชิมะ (Shinji Mizushima) ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด น่าจะสามารถรีดเค้นการนำเสนอเนื้อหาและมุมมอง ในแบบที่ทุกคนน่าจะชื่นชอบไปจนหมดสิ้นแล้ว

ดังนั้น การนำเสนออะไรใหม่ๆ ด้วย “มังงะฟุตบอล” ซึ่งยังไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน น่าจะมีช่องทางที่นำไปสู่ความสำเร็จได้ แม้ว่า จะต้องพยายามอย่างหนัก สำหรับการอธิบายเรื่องการมีอยู่ ของ ทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลโลก รวมถึง กติกาพื้นฐานต่างๆ เช่น กฎล้ำหน้า ให้คนญี่ปุ่นเข้าใจในช่วงแรกก็ตามที

 

โอกาสเดียวในชีวิต :

หลัง “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” ได้รับการพิจารณาจากกอง บก. นิตยสาร Jump ว่า ควรได้รับโอกาส นำเสนอผลงาน ในนิตยสาร Jump รายสัปดาห์ สิ่งที่ต้องเร่งลงมือทำ คือ การขยายพล็อต “Friendship Eleven” จากเวอร์ชั่นการ์ตูนสั้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง

แต่แล้ว 2 เวอร์ชั่นแรก ซึ่งใช้เวลาในการทำงานนานหลายเดือน กว่าแต่ละเวอร์ชั่นจะเสร็จสมบูรณ์ กลับถูกที่ ประชุม กอง บก. ปฏิเสธ อย่างไม่ใยดี จนถึงขั้นทำให้ “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” อดคิดไม่ได้ว่า อาจจะต้องไปเขียนผลงานอื่นที่ไม่ใช่ “กัปตันซึบาสะ” เลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี เมื่อได้หวนนึกถึง “ประสบการณ์ความผิดพลาดในอดีตที่ไม่มีวันลืม” จากการไปทำผิดพลาดในระหว่างการฝึกซ้อมหลายต่อหลาย หลังได้รับโอกาสจะให้ลงเล่นเป็นตัวจริงทีมเบสบอลโรงเรียนสมัยมัธยมปลาย จนกระทั่งถูกถอดออกจากชุดตัวจริง ก่อนจะลงแข่งขันเพียงไม่กี่วัน อันเป็นผลมาจาก “ความตื่นเต้นเกินกว่าเหตุ”

 

จึงทำให้ “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “นี่คือโอกาสสำคัญเพียงครั้งเดียว ที่จะผิดพลาดอีกไม่ได้แล้ว หากยังมีความฝัน ที่จะเป็นนักวาดมังงะต่อไป”

ดังนั้น ในเวอร์ชั่นที่ 3 “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” จึงเปลี่ยนพล็อตเรื่องจาก 2 เวอร์ชั่นแรก ที่เริ่มต้นจากนักเรียนมัธยมต้น ไปเป็น นักเรียนชั้นประถมศึกษาแทน เนื่องจากคิดว่า ในเมื่อกัปตันซึบาสะ ถือ กำเนิดมาจากความหลงรักในฟุตบอลโลก อีกทั้ง ซึบาสะเองก็ยังมีความฝัน พาญี่ปุ่นไปเป็นแชมป์โลกด้วย ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่เริ่มต้นการฝึกฝนและพยายามอย่างหนัก มาตั้งแต่ช่วงชั้นประถมศึกษา

ขณะเดียวกัน อิทธิพลความโด่งดังของ Touch มังงะเบสบอลขวัญใจวัยรุ่น ผ่านปลายปากกาของ “อาจารย์อาดาจิ มิตสึรุ” (Adachi Mitsuru) ในเวลานั้น ยังทำให้ อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ ตัดสินใจเพิ่มเนื้อหา “ความโรแมนติกรักวัยรุ่นระหว่างเรียน” สอดแทรกลงไปด้วย

ซึ่งสำหรับประเด็นนี้ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะในเวลาต่อมา มันสามารถเพิ่มฐานแฟนคลับสาวๆ ให้กับ “กัปตันซึบาสะ” ที่ต่างรู้สึกอินไปกับ ความโรแมนติกแบบจิกหมอนหลายต่อหลายซีน ในเวลาต่อมา รวมถึง ยังทำให้ เวอร์ชันที่ 3 ผ่านความเห็นชอบของ กอง บก. Jump ได้ในที่สุดด้วย

 

โอเวอร์เฮดคิกเปลี่ยนชะตา :

แม้จะได้รับโอกาสได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร Jump รายสัปดาห์ก็จริง แต่ก็เป็นที่รับทราบโดยทั่วกันว่า การแข่งขันสำหรับโอกาสใน นิตยสาร Jump นั้น มีระดับดาเมจรุนแรงขนาดไหน?

โดยเฉพาะกับผู้วาดมังงะมือใหม่ นั้น หากภายในช่วง 10 สัปดาห์แรกวัดใจ ยังไม่ได้รับความนิยมในหมู่แฟนๆก็จะถูก “ตัดจบปาหมอนใส่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทันที” ซึ่งในกรณีของ “กัปตันซึบาสะ” นั้น ก็เจียดอยู่เจียดไปเช่นกัน!

เนื่องจากผ่านไป 3 แรก กัปตันซึบาสะ ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 12 จากทั้งหมด 15 ผลงานที่ตีพิมพ์ใน Jump รายสัปดาห์ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการถูก “ไฟเหลืองเตือนภัย” สำหรับการใกล้ที่จะถูก “ตัดจบ” ในอีกไม่ช้า

ด้วยเหตุนี้ สำหรับในตอนที่ 4 หลัง “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” ได้อ่านต้นฉบับของตัวเองแล้ว เกิดความรู้สึกว่า ยังไม่มีพลังมากเพียงพอ จึงได้ตัดสินใจ ลงมือวาดแก้ไขใหม่ทั้งหมด ก่อนกำหนดส่งต้นฉบับเพียง 3 วัน เพื่อเปลี่ยนให้มีฉากในความทรงจำ “โรแบร์โต้ ฮองโก” สอนเทคนิคขั้นสูงให้กับ ซึบาสะในวัยเด็ก ด้วยการยิงลูกบอลชนคานให้กระดอนกลับมา ก่อนจะกระโดดยิงโอเวอร์เฮดคิก ที่เด็กๆยุค 80 - 90 ต่างพยายามแห่เลียนแบบ จนต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปตามๆกัน ในเวลาต่อมา

และด้วย ฉากอันทรงพลังประกอบกับแคปชั่นที่เน้นว่า “การจะเป็นสุดยอดนักเตะของโลกได้นั้น ซึบาสะจะต้องสามารถเล่นทุกๆเทคนิคของคู่ต่อสู้ได้นั้น ในที่สุด กัปตันซึบาสะ ก็สามารถเอาชนะใจเหล่าสาวก Jump ได้สำเร็จ และได้รับการโหวต ให้เป็น ผลงานที่ไดรับความนิยมเป็นลำดับที่ 4 ประจำสัปดาห์ และ “รอดพ้น 10 สัปดาห์แห่งการวัดใจได้ในที่สุดด้วย”

 

ซึ่ง ฉากแห่งความทรงจำนี้ “อาจารย์โยอิจิ ทาคาฮาชิ” ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือฉลอง 50 ปี นิตยสาร Jump เอาไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า…

“หลังจาก ท่าโอเวอร์เฮดคิก เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ผมก็รู้ได้ทันทีว่า น่าจะผ่านด่าน 10 สัปดาห์แรกได้อย่างแน่นอนแล้ว ขณะเดียว ผมเองก็รู้สึกด้วยว่าในท่ีสุด ผมก็เข้าใจวิธีการวาดมังงะฟุตบอล เพียงแต่ติดอยู่นิดเดียวว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมต้องวาดท่าโอเวอร์เฮดคิกตลอดเวลาเท่านั้น (หัวเราะ)”

สำหรับในตอนแรกนี้ “เรา” ได้พา “คุณ” ไปทำความรู้จักกับมุมคิดและความพยายาม ที่นำไปสู่ “กำเนิดกัปตันซึบาสะ” แล้ว สำหรับในตอนต่อไป จะเป็นการพูดถึง “ตัวละครและเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจ” กันดูบ้าง โปรดติดตามต่อได้ เร็วๆนี้

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

 

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

แผนฟื้นฟู Back to Starbucks เพราะจิตวิญญาณคือกาแฟ (ชมคลิป)

ตำนานโคตรโกง7,000ล้านเยน กลลวงยักษ์ใหญ่ซื้อที่ดินสุดเนียน (ชมคลิป)

แม้ไม่มีไทย เขมรก็อยู่ได้ สนามบินเตโชช่วยได้จริงหรือ? (ชมคลิป)

เจาะเบื้องลึก สนามบินเตโช ความภาคภูมิใจของกัมพูชา

เบื้องหลังไฟปะทุGENZ  ถ้าการเมือง เนปาล ดี? (ชมคลิป)


You might be intertested in this news.

Mostview

ลงมือทำย่อมดีกว่าเอาแต่พูด! จุดกำเนิดความสำเร็จ Walkman (ชมคลิป)

ลงมือทำย่อมดีกว่าเอาแต่พูด! จุดกำเนิดความสำเร็จ Walkman (ชมคลิป)

แผนฟื้นฟู Back to Starbucks เพราะจิตวิญญาณคือกาแฟ (ชมคลิป)

แผนฟื้นฟู Back to Starbucks เพราะจิตวิญญาณคือกาแฟ (ชมคลิป)

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(1ต.ค.68) เก็งกําไรระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(1ต.ค.68) เก็งกําไรระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(30ก.ย.68) เก็งกําไรระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้(30ก.ย.68) เก็งกําไรระยะสั้น

รีวิว “Osiris” มฤตยูล้างพันธุ์มนุษย์

รีวิว “Osiris” มฤตยูล้างพันธุ์มนุษย์ หนังแนวสงคราม แบบยิงกันหูดับตับไหม้ ไฟท์กับมนุษย์ต่างดาว ...

TrustNEws Line