Credit ภาพประกอบ By evoflo และ JR Central

ฉลองครบ 60 ปีการให้บริการรถไฟ โทไกโด ชินคันเซ็น เทคโนโลยีความเร็วสูงที่พาผู้คนถึงที่หมายได้เร็วมากขึ้น จนเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของญี่ปุ่น ตัวแทนของเทคโนโลยี ความเที่ยงตรง และความเร็วที่แม้แต่เหล่าเมทัลฮีโร่ อย่างแมชีนแมนยังต้องขับยานโฉบแซง

รถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น หรือ ชินคันเซ็น คือสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความแม่นยำของวิศวกรรมญี่ปุ่น ที่สำคัญยังเป็นหัวใจสำคัญในการเดินทางเพื่อเชื่อมโยงเมืองต่างๆ ทั่วประเทศตั้งแต่เหนือสุดเกาะฮอกไกโด ลงมาใต้สุดที่เกาะคิวชู โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2024 บริษัทเจอาร์ เซ็นทรัล (JR Central) ผู้ให้บริการการเดินรถไฟความเร็วสูง ชินคันเซ็นสายโทไกโด ได้จัดพิธีฉลองครบรอบ 60 ปีรถไฟชินคันเซ็นสายโทไกโดจัดขึ้นที่สถานีโตเกียว ชานชลาที่ 19 โดยรถไฟสายนี้เชื่อม 3 เมืองใหญ่ไว้ด้วยกัน ได้แก่ โตเกียว นาโกย่า และ โอซาก้า จากที่ต้องใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟปกติ 6.30 ชม.ก็ถูกย่นเวลาเหลือ 4 ชม.เท่านั้น

การก่อสร้างสายแรกเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1959 ระหว่างโตเกียวและโอซาก้า ด้วยระยะทาง 515.4 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1964 ตรงกับปีที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ทำให้ชินคันเซ็นได้รับความสนใจจากทั่วโลก หลังจากนั้น ชินคันเซ็นได้ขยายเส้นทางออกไปอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมเกือบทุกภูมิภาคของญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีต่างๆ ของ

รถไฟชินคันเซ็น ก็ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความเร็ว ความปลอดภัย และความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสาร

Series 0    : รุ่นแรกสุดที่เปิดให้บริการในปี 1964 ทำความเร็วได้ 210 กม./ชม.
Series 100: พัฒนาต่อจาก Series 0 ให้บริการในปี 1985 มีความเร็วสูงขึ้น เป็น 220 กม./ชม.
Series 300: รุ่นที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ทันสมัย เริ่มให้บริการในปี 1982 มีความเร็ว 280 กม./ชม.

Series 500: รุ่นที่ในตอนนั้น โดยสามารถทำความเร็วได้ถึง 300 กม./ชม. เปิดตัวในปี 1997
Series 700: รุ่นที่ให้บริการในเส้นทางโทไคโดและซันโยชินคันเซ็น เริ่มให้บริการในปี 1999
Series N700: รุ่นที่ได้รับความนิยมสูง มีความเสถียรและเงียบ และประหยัดพลังงาน
Series N700S: รุ่นที่ JR Central ใช้ในขณะนี้ ถูกเพิ่มประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน

นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟชินคันเซ็นในซีรีย์อื่นๆ ที่วิ่งให้บริการในเส้นทางอื่น แต่ขอยกมาแนะนำเล็กน้อย

Hayabusa E5-E6 Series : รุ่นที่ให้บริการในเส้นทาง โทโฮคุชินคันเซ็น มีความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม.

E7 Series (อี-นานาเคย์) : รุ่นที่ให้บริการเส้นทาง โอเอ็ทสึ ชินคันเซ็น โตเกียว-นีงาตะ เริ่มบริการในปี 1982 จากนั้นในปี 1992 เปิดสถานี GALA Yuzawa Station เพื่อเชื่อมกับ GALA Yuzawa สกีรีสอร์ตดังเป็นเส้นทางตรงในฤดูเล่นสกี ชินคันเซ็นรุ่นนี้ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 275 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Tsubasa E8 Series : สร้างมาทดแทน E3 รุ่นเก่า ทำความเร็วได้ 275-300 กม./ชม. เปิดบริการในปี 2024 มีชื่อเล่นว่า "มินิชินคันเซ็น" วิ่งในเส้นทาง โทโฮคุ ชินคันเซ็น และยามากาตะ ชินคันเซ็น

Sakura Shinkansen : เป็นรถไฟรุ่น N700 series ให้บริการในเส้นทางคิวชูชินคันเซ็น มีความหรูหรา สะดวกสบาย ทำความเร็วสูงสุดที่ 300 กม./ชม.
Series ALFA-X - รุ่นใหม่ล่าสุดที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาและทดสอบ มีเป้าหมายที่จะมีความเร็วสูงกว่า 400 กม./ชม. จะถูกนำมาให้บริการในอนาคต

รถไฟชินคันเซ็นได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้เดินทางทั้งชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของการขนส่งในญี่ปุ่น ที่ความเร็วไม่เพียงแต่ช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทาง แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของนวัตกรรมและการพัฒนาทางด้านระบบขนส่งสาธารณะในระดับโลกอีกด้วย ปัจจุบันรถไฟชินคันเซ็นมีให้บริการรวม 10 เส้นทาง

ตลอด 60 ปีที่ผ่านมาผู้คนกว่า 7 พันล้านคน เดินทางด้วยชินคันเซ็นไปยังจุดหมายปลายทาง โดยเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา มีผู้คนใช้ชินคันเซ็นเดินทางถึง 432,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ชินคันเซ็นยังมอบประสบการเดินทางที่หรูหราสะดวกสบาย แต่ก็แลกมาด้วยค่าโดยสารที่แพง ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น นิยมซื้อตั๋ว JR PASS เพื่อใช้เดินทางกับชินคันเซ็นนั่นเอง

ทั้งนี้อย่าลืมไปจองที่นั่งและที่วางกระเป๋าเดินทางล่วงหน้าที่ออฟฟิศสถานีรถไฟ JR ก่อนจะดีมากๆ บริการที่สะดวกสบาย ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ตรงเวลา นี่แหละใครก็อยากลองนั่งชินคันเซ็นกันสักครั้ง.