ทำไมคนจีนเที่ยวไทยน้อยลง เวียดนามคู่แข่งที่น่ากลัวจริงไหม (ชมคลิป)
by Trust News, 9 พฤษภาคม 2568
ทำไมคนจีนเที่ยวไทยน้อยลง เวียดนามคู่แข่งที่น่ากลัวจริงไหม
การท่องเที่ยวของประเทศเวียดนาม กำลังกลายเป็นที่น่าจับตามองอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลเวียดนาม ได้โหมกระหน่ำแคมเปญการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ “Vietnam Travel to Love” ที่มาพร้อมกับการจัดกิจกรรมสนับสนุนต่างๆมากมาย เพื่อหวังให้บรรลุเป้าหมาย ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 23 ล้านคน และจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศรวม 130 ล้านคน ในปี 2025
อะไร คือ ปัจจัยหลักที่ทำให้ เวียดนาม กำลังก้าวขึ้นมา กลายเป็นคู่แข่งที่น่าหวั่นเกรง ของ ดินแดนแห่งรอยยิ้ม อย่าง ประเทศไทยของเรา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งการท่องเที่ยวของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” มาอย่างยาวนาน
วันนี้ “เรา” ลองไปสำรวจ ข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อ “ค้นหา” คำตอบที่ว่านี้ด้วยกัน
การท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม :
อ้างอิงจาก สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม (Vietnam National Authority of Tourism) หรือ VNAT รายงานว่า สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศเวียดนามสะสมช่วง 4 เดือนแรกของปี 2025 มีจำนวนรวมกันทั้งสิ้น 7,673,389 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2024 ถึง 123%!
โดยในจำนวนนี้ เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน สูงที่สุด รวม 1,954,667 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 156% จากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2024
และเฉพาะเดือนเมษายน ปี 2025 เวียดนาม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศรวม 1,654,681 คน เพิ่มขึ้น 106% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2024 และในจำนวนนี้ ยังเป็นนักท่องเที่ยวจีน ที่มาเป็นอันดับที่ 1 ถึง 368,074 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 102% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2024 ด้วย

ในขณะที่การท่องเที่ยวเดือนเมษายน ของ ประเทศไทย ซึ่งมีอีเว้นต์อันเป็นที่รู้จักดีของชาวโลก อย่างเทศกาลสงกรานต์ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 2,547,116 คน ซึ่งลดลงจากตัวเลข 2,757,128 คน หรือ ลดลง -7.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2024
ยิ่งไปกว่านั้น นักท่องเที่ยวจีน ยังมาเยือนประเทศไทยเพียง 317,213 คน ซึ่งลดลงจากตัวเลขรวม 595,572 คน ในปี 2024 หรือ ลดลงถึง -46.74%! ด้วย
สัญญาณบวกการท่องเที่ยวเวียดนาม :
อ้างอิงจาก Google Destination Insights สถิติการค้นหาที่พักในเวียดนาม จากต่างประเทศช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2024 - มกราคม ปี 2025 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกัน ถึง 15%-30% ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขการค้นหาที่ว่านี้ ยังเพิ่มขึ้นเป็น 30-45% ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2025 ด้วย
สำหรับจุดหมายปลายทางในประเทศเวียดนาม ที่มีการค้นหามากที่สุด คือ นครโฮจิมินห์ , ฮานอย , ดานัง , ฟูก๊วก , ญาจาง , ฮอยอัน , ดาลัต , ฟานเถียต , เว้ และ หวุงเต่า
โดยตลาดหลักที่ค้นหาการท่องเที่ยวในเวียดนาม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา , ออสเตรเลีย , อินเดีย , ญี่ปุ่น , เกาหลีใต้ , สิงคโปร์ , สหราชอาณาจักร , แคนาดา , เยอรมนี ,
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสัญญาณบวกสำหรับการท่องเที่ยวเวียดนาม คือ ในช่วงวันตรุษญวน หรือ เทศกาลปีใหม่ของชาวเวียดนาม ในช่วงระหว่าง วันที่ 25 มกราคม ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น
สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติเวียดนาม รายงานว่ามีถึง 8 เมืองของเวียดนาม ที่ประกอบไปด้วย โฮจิมินห์ , ฮานอย , กว๋างนิญ , ดานัง , เกียนซาง , คั้ญฮว่า , หล่าวกาย , นิญบิ่ญ สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้ถึง 1 ล้านล้านดอง หรือ ประมาณ 1,264 ล้านบาท
ทั้งๆที่เมื่อช่วงปี 2024 นั้น มีเพียง โฮจิมินห์ , ฮานอย และ ดานัง เท่านั้น ที่สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้ถึง 1 ล้านล้านดอง

โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษญวณเพิ่มสูงขึ้น ก็เป็นเพราะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าเวียดนามในช่วงเวลาดังกล่าว เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2024
อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การขยายระยะเวลาการพำนักในประเทศจาก 15 วัน เป็น 45 วัน สำหรับ 13 ประเทศที่เพิ่งได้รับฟรีวีซาเพิ่มเติม จากเดิมที่มีเพียง 25 ประเทศที่ได้รับฟรีวีซ่า
การเพิ่มเที่ยวบินเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่นักท่องเที่ยว ทั้งในประเทศ และ ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะที่เมืองดานัง ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศชื่อดังของเวียดนามนั้น มีเที่ยวบินระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้นถึง 45% ส่วนเที่ยวบินในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 70% ในช่วงเทศกาลตรุษญวน
นอกจากนี้ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ของรัฐบาลเวียดนาม รวมถึงไปจนกระทั่งถึงการพัฒนารีสอร์ตและโรงแรมที่พักต่างๆ ยังช่วยให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้นด้วย
โดยเฉพาะที่เมืองคั้ญฮว่า ซึ่งมีชายฝั่งทะเลอันสวยงาม และมีโรงแรมและรีสอร์ทหรูหราระดับ 5 ดาวจำนวนมากนั้น มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 82%!
นอกจากนี้ หากอ้างอิงข้อมูลจาก China Trading Desk ซึ่งเป็นบริษัทด้านการตลาดที่เก็บข้อมูลการท่องเที่ยวในต่างประเทศของชาวจีน ยังระบุด้วยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่จองเที่ยวบินไปยังประเทศเวียดนาม ช่วงเทศกาลตรุษญวนในปีนี้ เพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2024 แม้ว่าค่าตั๋วเครื่องบินจะแพงขึ้น 10-15% ก็ตาม
ขณะเดียวกัน ตัวเลขดังกล่าว ยังถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวจีนส่วนใหญ่ ยังเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญด้วย
วิสัยทัศน์รัฐบาลเวียดนาม :
แม้ว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวกำลังเป็นไปในทิศทางบวก แต่รัฐบาลเวียดนามกำลังเร่งปรับปรุงจุดบกพร่องต่างๆ เพื่อสร้างขีดความสามารถสำหรับการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียน
ไม่ว่าจะเป็นการเร่งพัฒนาแผนการสร้างแบรนด์การท่องเที่ยวให้แข็งแกร่งขึ้น , การสร้างความหลากหลายในกับ Tourism Products , การปรับปรุงคุณภาพด้านการให้บริการทั้งในร้านอาหารและสถานประกอบการที่พักต่างๆ , การพัฒนาทักษะวิชาชีพของบุคลากรด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้อย่างคล่องแคล่วและมีความเป็นมืออาชีพ
รวมถึง กำลังเร่งพัฒนาแอปพลิเคชันด้านการท่องเที่ยว ที่สามารถอำนวยความสะดวกด้านการจองโรงแรม การขนส่ง การให้บริการด้านข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว เพื่อไปสู่เป้าหมาย การพาตัวเองออกจากภาพลักษณ์ “จุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวราคาประหยัด” รวมถึงยังหวังใช้การท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งในกลไกสำคัญ สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ทำไมคนจีนจึงเลือกเวียดนาม แทน ประเทศไทย :
มีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ จาก "สำนักข่าวเพิงไพร้ซินเหวิน" ของประเทศจีน ซึ่งได้ไปหาข้อมูลจากบรรดาผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของจีนหลายแห่ง พบว่า จำนวนยอดจองทัวร์มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ตามแพลตฟอร์มต่างๆ ช่วงวันหยุดแรงงานปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 1- 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา “ลดลงมากกว่า 50%” เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2024
และหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ชาวจีนอาจไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยสูงสุด เหมือนในหลายปีที่ผ่านมาก็เป็นได้
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ชาวจีน เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยน้อยลงนั้น "สำนักข่าวเพิงไพร้ซินเหวิน" ได้ให้เหตุผลที่น่ารับฟังมากมาย โดยเริ่มจากจำนวนเที่ยวบินตรงจากประเทศจีนมายังประเทศไทยในช่วงวันหยุดแรงงานปีนี้ ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลเที่ยวบินของ เว็ปไซต์ huoli.com พบว่ามีเพียง 547 เที่ยวบิน ซึ่งลดลงถึง 16.5% จากตัวเลข 655 เที่ยวบิน ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024
และไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างเดือนมกราคม - เมษายน ที่ผ่านมา จำนวนเที่ยวบินตรงจากประเทศจีนมายังประเทศไทย มีความเปลี่ยนแปลงเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2024 ดังนี้...
เดือนมกราคม 4,814 เที่ยวบิน (+56.2%)
เดือนกุมภาพันธ์ 3,607 เที่ยวบิน (+0.6%)
เดือนมีนาคม 3,326 เที่ยวบิน (-1.9%)
เดือนเมษายน 3,214 เที่ยวบิน (-8.0%)

ซึ่งจำนวนเที่ยวบินที่ลดลงนี้ ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายของชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวจีนส่วนใหญ่หันไปหาทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าแทน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น มีประเทศเวียดนามรวมอยู่ด้วย จากจุดเด่นต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระยะทางที่ใกล้และการคมนาคมสะดวก เนื่องจากมีพรมแดนติดกับประเทศจีน และเที่ยวบินจากจีนไปเวียดนามยังใช้เวลาเพียง2-3ชั่วโมงเท่านั้นด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ค่าครองชีพยังอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศจีนมาก และโดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเวียดนาม จะอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายในประเทศจีนเท่านั้น
แล้วเพราะอะไรเที่ยวบินจากจีนมาไทยจึงลดลง :
ข้อมูลจาก "สำนักข่าวเพิงไพร้ซินเหวิน" ระบุว่า หลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เลือกเดินทางมายังภูมิภาคอาเซียน ได้เปลี่ยนจากกลุ่มวัยกลางคนและกลุ่มผู้สูงอายุที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ ในลักษณะขอให้ได้ไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต ไปเป็นกลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1990 และ ปี 2000 ที่นิยมท่องเที่ยวแบบอิสระ และต้องการมาท่องเที่ยวซ้ำๆได้บ่อยๆ
ดังจะเห็นได้จาก นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยด้วยตัวเองนั้น มีสัดส่วนที่สูงถึงเกินกว่า 50% แล้ว
ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้เอง ทำให้บริษัททัวร์รูปแบบเดิมในประเทศจีน ซึ่งเคยสามารถใช้จำนวนคนในกรุ๊ปทัวร์มาเป็นข้อต่อรองในการลดต้นทุนต่างๆ โดยเฉพาะราคาตั๋วเครื่องบิน ผ่านวิธีการเช่าเหมาลำ จนเป็นผลให้มีเที่ยวบินมาประเทศไทยจำนวนมาก นั้น ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกต่อไป
และนั่นคือเหตุผลสำคัญที่ว่า...เพราะอะไรเที่ยวบินจากจีนมาประเทศไทยจึงลดลง
เที่ยวบินที่ลดลง ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปอย่างไร?
การลดลงโดยรวมของจำนวนเที่ยวบิน ส่งผลกระทบอย่างยิ่งกับ นักท่องเที่ยวชาวจีนแบบอิสระที่ต้องการเดินทางมาประเทศไทย เนื่องจากตั๋วเครื่องบิน เริ่มมีราคาสูงขึ้น ดังจะเห็นได้จาก ราคาที่เคยซื้อตั๋วไป-กลับในช่วงเวลาที่ดีที่สุดได้ ปัจจุบันราคาดังกล่าว อาจซื้อได้เพียงตั๋วเที่ยวเดียว สำหรับเที่ยวบินรอบดึกหรือเช้าตรู่เท่านั้น!
ขณะเดียวกัน เมื่อบริษัทนำเที่ยวจีน ไม่สามารถนำจำนวนคนในกรุ๊ปทัวร์มาเป็นข้อต่อรองเรื่องราคาที่พัก ตามโรงแรมหลายแห่งในประเทศได้เหมือนเดิม มันยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึง นักท่องเที่ยวชาวจีนแบบอิสระและบริษัททัวร์รูปแบบใหม่ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวนี้ด้วย
เพราะจำนวนชาวจีนที่หายไปนั้น ทำให้การต่อรองราคากับโรงแรมต่างๆ เป็นไปได้ยากขึ้น จนเป็นผลให้ต้นทุนในส่วนนี้เพิ่มสูงขึ้นตาม และเมื่อทั้งค่าตั๋วเดินทางและค่าที่พักแพงขึ้น แรงจูงใจของชาวจีนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงค่อยๆลดลงตามลำดับ
และเมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มหายไปมากขึ้น ผลกระทบที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มสัมผัสได้ เมื่อเดินทางมาประเทศไทย คือ ภาคธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยส่วนใหญ่ มีการปรับกลยุทธ์ โดยหันไปให้ความสำคัญกับการให้บริการนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นมากกว่า
จนกระทั่งเริ่มกลายเป็นภาพลบและมีการนำไปเป็นหัวข้อสนทนาบนโชเชียลมีเดียบ้างแล้วว่า “เพราะอะไรประเทศไทยจึง ไม่ค่อยต้อนรับชาวจีนเหมือนเดิม”
นักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปไหน? :
"สำนักข่าวเพิงไพร้ซินเหวิน" รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลเที่ยวบินจากเว็ปไซต์ huoli.com ซึ่งพบว่า มีเที่ยวบินจากประเทศจีนบินตรงไปประเทศเวียดนาม ในช่วงวันหยุดแรงงาน 1- 5 พฤษภาคมปีนี้ มีตัวเลขสูงถึง 309 เที่ยวบิน หรือ เพิ่มขึ้นถึง 75.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2024
และไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างเดือนมกราคม - เมษายนปีนี้ จำนวนเที่ยวบินจากจีนไปเวียดนาม ยังมีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยไล่เรียงจาก 61.3% , 34.6% , 47.6% และ 60.6% ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวในปี 2024 ด้วย

อันเป็นผลจากการที่บรรดาบริษัททัวร์จีนรูปแบบเก่า ได้เริ่มหันไปใช้วิธีเช่าเหมาลำเครื่องบิน เพื่อพากรุ๊ปทัวร์ชาวจีนไปยังประเทศเวียดนามแทนประเทศไทยแล้วนั่นเอง
โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เวียดนาม กลายเป็นจุดหมายใหม่ของการท่องเที่ยว ในสายตาคณะทัวร์จีนในเวลานี้ก็คือ มีต้นทุนค่าใช้จ่าย ทั้งราคาตั๋วเครื่องบิน , ค่าที่พัก , ค่าใช้จ่ายและค่าบริการ สำหรับการท่องเที่ยว ที่ประหยัดกว่าประเทศไทยไปแล้ว
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สเกาเซอร์ผู้ชื่นชอบความท้าทาย (ชมคลิป)
สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)
Arne Slot WAY ตัวตนที่พาลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)
You might be intertested in this news.
Mostview
สรุปศึกชิงเงินบริจาค “น้องแพน” 4.8 ล้าน ศักดิ์ศรีพ่อ? จะขอเป็นผู้จัดการมรดก (คลิป)
สรุปดราม่า ศึกชิงมรดกน้องแพน สาวป่วยมะเร็งปาก ได้เงินบริจาค 8 ล้าน หลังเสียชีวิต พ่อบังเกิดเกล้า มาขอแบ่งมรดก จากเงินที่เหลือ 4.8 ล้าน ซึ่งได้เงินและ รถ 1.6 ล้านแล้ว ไม่พอใจ จะขอเป็นผู้จัดการมรดก ....
ความแค้นของแม่ ใช้ศาลเตี้ยล้างอยุติธรรม (2541)
เมื่อลูกชายสุดรักสุดหวงถูกปล้นฆ่า แถมหนึ่งคนร้าย พูดจาเยาะเย้ยถากถาง ผู้เป็นแม่สุดทน จึงคว้าทูตมรณะ .22 กระหน่ำยิง 5 นัด ดิ้นพล่านไปกองกับพื้น ในเขตพื้นที่ศาล ขณะที่ญาติอีกฝ่าย บอกตั้งใจมาก่อเหตุ เรื่องจริงที่เกิดขึ้น เมื่อปี 2541
สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)
สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (6พ.ค.68) รอซื้อที่แนวรับ
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (6พ.ค.68) รอซื้อที่แนวรับ
SETวันนี้ (8พ.ค.68) ต้องพักไม่หลุดแนวรับจะอิงทางขึ้น
SETวันนี้ (8พ.ค.68) ต้องพักไม่หลุดแนวรับจะอิงทางขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
