เจมี วาร์ดี และ ตำนานความสำเร็จ บทเรียน เปลี่ยนแปลง นักสู้ (ชมคลิป)
by Trust News, 21 พฤษภาคม 2568
เจมี วาร์ดี และ ตำนานความสำเร็จ บทเรียน เปลี่ยนแปลง นักสู้
จุดกำเนิดของนักฟุตบอลที่เคยเป็น...อดีตพนักงานโรงงานในเมืองเชฟฟิลด์ ถูกปล่อยตัวจากสโมสรฟุตบอลอาชีพ จนต้องลงไปเล่นให้กับทีมนอกลีก ในระดับ Tier 8 ที่ได้รับค่าเหนื่อยเพียง 30 ปอนด์ต่อเกม ยิ่งร้ายไปกว่านั้น เขายังเคยต้องสวมกำไลอีเอ็มลงเล่นฟุตบอล เป็นเวลาถึง 6 เดือน หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทำร้ายร่างกาย จนใครๆคิดว่า “อนาคตสำหรับเส้นทางการค้าแข้งน่าจะจบลงแล้ว”
หากแต่ “คุณเชื่อหรือไม่?” ว่าบทสรุปสำหรับ “ชายผู้ผ่านวิบากกรรมสารพัด” ดังที่กล่าวไปนี้ ในท้ายที่สุด เขากลับกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของวงการฟุตบอลที่มีชื่อว่า “เจมี วาร์ดี” (Jamie Vardy) กองหน้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และ ทีมชาติอังกฤษ นักเตะที่ทำสถิติ ลงเล่นรวมทุกรายการ 544 นัด ยิง 237 ประตู กับอีก 88 แอสซิตส์ ตลอดการค้าแข้ง (สถิติ ณ วันที่ 20พ.ค.68)
ชีวิตดั่งเทพนิยาย ของ “เจมี วาร์ดี” ที่ปัจจุบัน อายุ 38 ปี และได้ขอกล่าวอำลาสโมสรอันเป็นที่รักและผูกพันตลอด 13 ปี แห่งการค้าแข้งกับ ทีมจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาลนี้ ไปอย่างสุดเจ็บปวด มีแง่มุมอะไรที่น่าสนใจ และน่าศึกษาสำหรับการแบบอย่างของนักเตะที่สู้สุดชีวิตเพื่อพัฒนาตัวเองไปสู่ความเป็นเลิศบ้าง
วันนี้ “เรา” ไปย้อนสำรวจเรื่องราวที่น่าสนใจนี้ด้วยกัน….
นักเตะนอกลีกที่พัฒนาตัวเองสู่ค่าตัว 1 ล้านปอนด์ :
หลังถูกตัดสินว่า “ยังดีไม่พอ” จนกระทั่งถูกสโมสรเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ปล่อยตัวเมื่ออายุ 16 ปี “เจมี วาร์ดี” รู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง จนกระทั่งห่างหายจากวงการฟุตบอลไปนานถึง 8 เดือน ก่อนจะตัดสินใจเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ด้วยการไปลงเล่นให้กับสโมสรสต็อกบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ (Stocksbridge Park Steels) ทีมนอกลีกใน Northern Premier League ซึ่งเป็นลีกระดับ Tier 8 ของฟุตบอลกึ่งอาชีพในประเทศอังกฤษ แม้ว่าจะได้รับค่าจ้างเพียง 30 ปอนด์ (1,318บาท) ต่อเกม อีกทั้งในช่วงเวลานั้น เนื่องจากถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อทำร้ายร่างกาย เขาจึงต้องสวมกำไลอีเอ็มลงเตะเป็นเวลาถึง 6 เดือน
จนกระทั่งไม่สามารถเล่นเกมกลางสัปดาห์ที่ลงเตะช่วงหัวค่ำ รวมถึงยังมักถูกเปลี่ยนตัวออกหลังเกมผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้สามารถกลับบ้านได้ทันเวลา 6 โมงเย็น ตามคำสั่งควบคุมตัวของศาลเสียด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น “เจมี วาร์ดี” ยังเคยยอมรับด้วยว่า ในช่วงแรกๆ ที่อยู่กับ สโมสรสต็อกบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ เขาเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองมากๆ โดยครั้งหนึ่งเขาเคยตัดสินใจโดดการซ้อม เพราะกลัวที่จะถูกเลื่อนชั้นจากทีมสำรองไปสู่ทีมชุดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงใช้เวลาอยู่กับสโมสรเล็กๆแห่งนี้ นานถึงเกือบ 7 ปี
อย่างไรก็ดี หลังเริ่มเปลี่ยนทัศนคติ โดยเฉพาะการติดตั้งจิตใจนักสู้ทุ่มเทเต็มร้อย เพื่อลุยเข้าปะทะอย่างดุดัน กับ บรรดากองหลัง แม้ว่าจะตัวเล็กกว่ามาก เมื่อได้รับโอกาสให้ขึ้นทีมชุดใหญ่ จนผลในสนามเริ่มพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ
ในที่สุด “สโมสรฮาลิแฟกซ์ ทาวน์” (Halifax Town) ทีมใน เนชันนัล ลีก (National League) ซึ่งเป็นลีกระดับ Tier 5 หรือ ลีกระดับสูงสุดของฟุตบอลกึ่งอาชีพของอังกฤษ ก็ได้ทุ่มเงิน 15,000 ปอนด์ (659,000บาท) ซื้อตัวไปในปี 2010
ก่อนที่อีก 1 ปีต่อมา “สโมสรฟลีทวูด ทาวน์” (Fleetwood Town) ซึ่ง ณ เวลานั้น ยังอยู่ใน เนชันนัล ลีก จะตัดสินใจทุ่มเงินถึง 100,000 ปอนด์ (4.3ล้านบาท) คว้าตัวไปร่วมทีม หลังจากโชว์ฝีเท้าได้เข้าตา ทั้งๆที่ลงเล่นไปเพียง 4 นัด ยิง 3 ประตูก็ตาม
และที่สโมสรฟลีทวูด ทาวน์ นี้เอง “เจมี วาร์ดี” ที่ลงเล่นในฤดูกาลนั้น รวมทุกรายการ 40 นัด ยิงไปถึง 34 ประตู กับอีก 17 แอสซิสต์ จนช่วยให้ ฟลีทวูด ทาวน์ คว้าแชมป์ เนชันนัล ลีก และได้เลื่อนชั้นจากลีกกึ่งอาชีพ สู่ “ลีกทู” หรือ ดิวิชั่น 4 ของอังกฤษได้สำเร็จ นั้น ก็ได้รับความสนใจจากสโมสรต่างๆ มากมาย
แต่ในที่สุด “เลสเตอร์ ซิตี้” ก็รีบชิงปิดดีล ด้วยการทุ่มเงินถึง 1 ล้านปอนด์ (43ล้านบาท) นำตัวกองหน้าวัย 25 ปีรายนี้ มาอยู่ที่ “คิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม” ซึ่ง ณ เวลานั้นยังอยู่ใน “เดอะแชมเปี้ยนชิพ” ได้เป็นผลสำเร็จ
ความเสี่ยงมูลค่า 1 ล้านปอนด์ :
“สตีฟ วอลช์” อดีตผู้ช่วยผู้จัดการทีมและหัวหน้าแมวมองของทีมจิ้งจอกสยาม ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะคว้าตัว “อดีตกองหน้าทีมนอกลีก” มาร่วมทีม เปิดเผยถึงการตัดสินใจ ณ เวลานั้นเอาไว้ว่า…
“การลงทุน 1 ล้านปอนด์ ซื้อตัว เจมี วาร์ดี คือการใช้เงินที่คุ้มค่าที่สุดของสโมสรเลสเตอร์ และตัวเขาเองก็คิดว่า คงไม่สามารถตัดสินใจซื้อนักเตะคนไหนที่คุ้มค่าเงินได้มากไปกว่านี้อีกแล้วในอนาคต”
นอกจากนี้ สตีฟ วอลช์ ยังบอกเล่าเบื้องหลังการตัดสินใจนี้ด้วยว่า ตัวเขาเองต้องไปพบกับ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา (เจ้าของทีมเลสเตอร์ ผู้ล่วงลับ) เพื่อขอการตัดสินใจในขั้นสุดท้ายด้วยว่า ยินดีที่จะจ่ายเงินถึง 1 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับกองหน้าทีมนอกลีกคนนี้ด้วยหรือไม่?
อย่างไรก็ดี ด้วยความเชื่อมั่นการทำงานของทีมแมวมองสโมสรอย่างเต็มที่ “คุณวิชัย” จึงยอมไฟเขียวในที่สุด
ทั้งนี้ สตีฟ วอลช์ ยังเคยบอกเล่าด้วยว่า ในช่วงแรกๆที่มาอยู่กับเลสเตอร์ เจมี วาร์ดี เคยร้องขอกลับไปเล่นให้กับ ฟลีทวูด ทาวน์ แบบยืมตัว จากเสียงวิพากวิจารณ์ที่ว่า “เลสเตอร์คงบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ยอมเสียเงินถึง 1 ล้านปอนด์ กับนักเตะนอกลีก”
จนกระทั่งรู้สึกว่า ตัวเองอาจจะดีไม่พอที่จะเล่นให้กับทีมจิ้งจอกสยาม และบางทีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะเป็นก้าวกระโดดที่เร็วเกินไป ด้วยเหตุนี้ สตีฟ วอลช์ จึงต้องค่อยๆปลอบโยนกองหน้ารายนี้ ให้รู้จักการปรับตัวในฐานะนักเตะอาชีพ
จนกระทั่งก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ได้สำเร็จ ขณะเดียวกัน ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น มันยังเป็นเพียงครั้งเดียวที่ เจมี วาร์ดี แสดงให้ สตีฟ วอลช์ ได้เห็นตลอดการค้าแข้งที่เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วย
การเริ่มต้นของตำนานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ :
จากนักเตะนอกลีกราคาแพงที่ถูกตั้งคำถาม หากแต่เมื่อ 13 ปีผ่านไป การกล่าวอำลาของ เจมี วาร์ดี ถูกสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เขียนคำจำกัดความเอาไว้ว่า “นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของสโมสร”
แม้ว่าการเริ่มต้นฤดูกาลแรกกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในศึกแชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2012/13 จะไม่สวยหรูมากนัก เนื่องจาก เจมี วาร์ดี ยิงไปได้เพียง 5 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่นรวมทุกราย 29 นัด และในจำนวนนี้ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกเพียง 17 นัด
หากแต่ในฤดูกาลที่ 2 สัญชาติญาณกองหน้าในแบบ Fox-in-the-box ของ “เจมี วาร์ดี” ก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ด้วยสถิติลงเล่นรวมทุกรายการ 41 นัด ยิง 16 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ จนกระทั่งช่วยพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เดอะแชมเปียนชิพ และกลับคืนสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
สำหรับเบื้องหลัง การกลับมาคืนฟอร์มได้อย่างเฉิดฉายของ “เจมี วาร์ดี” ก็คือ “คุณต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เจ้าของทีมจิ้งจอกสยามคนปัจจุบัน
โดยหลังจากทราบข่าวว่า กองหน้านอกลีกมูลค่า 1 ล้านปอนด์ เริ่มออกลูกเกเร ดื่มหนักทุกวันจนถึงขนาดเมามาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม คุณต๊อบ จึงได้เรียก เจมี วาร์ดี มาพูดคุยแบบตรงไปตรงมาที่ว่า...
“คุณอยากจบอาชีพแบบนี้ใช่ไหม”
“เราจะยกเลิกสัญญากับคุณ หากยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง”
“ผมลงทุนกับคุณ แล้วคุณมีอะไรจะตอบแทนให้กับสโมสรบ้าง”
หลังกองหน้าผู้นี้ ยอมรับกับ คุณต๊อบ ว่า “เขาไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับชีวิต หลังเปลี่ยนจากนักเตะทีมนอกลีก มาเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีรายได้มากมายขนาดนี้” อย่างไรก็ดี หลังได้รับ “คำเตือนอันมีค่านี้” เจมี วาร์ดี จึงค่อยๆเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองรวมถึงกลับมาฝึกซ้อมอย่างหนักอีกครั้ง
แม้ว่า... จนถึงตอนนี้ “เจ้าตัว” จะละจากขวดวอดก้า ไปดื่มแอลกอฮอลล์บ้างเป็นครั้งคราว รวมถึงมีเมนูอาหารก่อนแข่งขันที่ขัดใจบรรดานักโภชนาการของทีม อย่าง เครื่องดื่มเรดบูล 3 กระป๋อง , ดับเบิ้ลเอสเปรสโซ , ออมเลตชีสแฮมกับถั่วอบ ก็ตาม (Opps!)
เจมี วาร์ดี กับ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ :
การเริ่มต้นผจญภัยในศึกพรีเมียร์ลีก ร่วมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ นี้เอง ที่ค่อยๆเปลี่ยนให้ อดีตกองหน้าทีมนอกลีกคนนี้ กลายเป็น “ตำนาน”
โดยเฉพาะความพลิกผันราวกับ “รถไฟเหาะตีลังกา” ระหว่างฤดูกาล 2014/15 ที่ทีมเลสเตอร์ รอดตกชั้นได้อย่างหวุดหวิด สู่ฤดูกาล 2015/16 ที่ทีมจิ้งจอกสยาม สร้างประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจารึก ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งๆที่ มีอัตราการต่อรองการคว้าแชมป์อยู่ที่ 5,000 ต่อ 1!
และนอกจาก จะสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้อย่างเหลือเชื่อแล้ว อดีตพนักงานโรงงานในเมืองเชฟฟิลด์ ยังช่วยพาทีมเลสเตอร์ คว้าแชมป์ เอฟ เอ คัพ , คอมมิวนิตี้ชิลด์ และ แชมป์ เดอะแชมเปี้ยนชิพอีก 2 สมัย ด้วย
ขณะที่ผลงานส่วนตัวในฐานะกองหน้านั้น เจมี วาร์ดี ยังคว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก , รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี , หนังสือรับรองจากกินเนสส์ เวิร์ด เรคคอร์ด จากการเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีก 11 นัดติดต่อกัน รวมถึงยังก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ได้ถึง 26 นัด ด้วย
ปัจจุบัน “เจมี วาร์ดี” ยังอยู่ในอันดับที่ 14 ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ จากการลงเล่นรวม 342 นัด ยิง 145 ประตู และทำไปอีก 48 แอสซิสต์ (สถิติ ณ วันที่ 20พ.ค.68) ทั้งๆที่เขาเดบิวต์ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เมื่ออายุถึง 27 ปี ซึ่งถือว่า ค่อนข้างช้ากว่าบรรดากองหน้าระดับท็อป คนอื่นๆก็ตาม!
ความพิเศษ ของ เจมี วาร์ดี :
อะไรที่ทำให้ เจมี วาร์ดี เป็นคนพิเศษ?
'Fox-in-the-box' :
“เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์” กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์และสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับว่า ได้ศึกษาการเคลื่อนที่ เพื่อหาช่องว่างในการทำประตู ของ เจมี วาร์ดี นักเตะที่ตัวเขาเองยกย่องให้เป็น กองหน้าที่หาช่องว่างในแผงกองหลังเพื่อเข้าทำประตู ได้ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก
ซึ่งจุดเด่นในลักษณะ 'Fox-in-the-box' ของ หมายเลข 9 แห่งทีมจิ้งจอกสยามนี้เอง เคยดึงดูด อาแซน เวนเกอร์ อดีตกุนซือของอาร์เซนอล พยายามกระชากตัวเขาไปร่วมทีมมาแล้ว ก่อนที่ ตำนานแห่งเลสเตอร์ จะปฏิเสธการเป็นสมาชิกทีมปืนใหญ่ในวินาทีสุดท้าย
จิตใจนักสู้และความนิ่งในการจบสกอร์ :
รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตกองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ ยกย่องความเหยือกเย็นในการจบสกอร์ของลูกทีมคนเก่งเอาไว้ว่า “เจมี ไม่เคยใส่ใจกับอะไรก็ตามที่พยายามเข้ามารบกวน เขาเป็นกองหน้าที่เยือกเย็นเสมอเวลาจบสกอร์”
ขณะที่ “คริสเตียน ฟุคส์” อดีตเพื่อนร่วมทีมเลสเตอร์ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก บอกเล่าว่า เจมี วาร์ดี เป็นนักเตะประเภทที่การยั่วยุต่างๆ ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ อีกทั้งกองหน้าอดีตเพื่อนร่วมทีมรายนี้ ยังมักใช้แรงยั่วยุต่างๆจากฝ่ายตรงข้าม ไปเป็นพลังงานสำคัญสำหรับการเอาคืน อย่างชนิดแสบๆคันๆเสียด้วย!
“เจมี ชื่นชอบการปะทะคารมกับแฟนบอลและกองหลังฝ่ายตรงข้ามเสมอ เพราะนั่นแปลว่าเขากำลังเล่นได้ไม่ดีนัก จากนั้นเขาจะพยายามหาทางยกระดับการเล่น เพื่อเป็นการตอบโต้”
และด้วยเหตุนี้เอง เราจึงได้เห็นการเอาคืนแบบ...การทำท่าเลียนแบบนกอินทรี เมื่อยิงประตูคริสตัน พาเลซ ได้ และ หอนเหมือนสุนัขจิ้งจอกหลังยิงประตูวูลฟ์ แฮมป์ตันได้ รวมถึง ชี้ไปที่ตราสัญลักษณ์แชมป์พรีเมียร์ลีกบนเสื้อ หลังถูกแฟนทอตแนม ฮอตสเปอร์ ยั่วยุ (Opps!)
รวมถึงล่าสุด กับการวิ่งไปยืนต่อหน้าแฟนบอลอิปสวิช พร้อมเอานิ้วแตะริมฝีปาก ก่อนชูธงที่มุมสนามเฉลิมฉลองอย่างสุดเหวี่ยงให้กับ การทำสถิติยิงประตูที่ 200 และลงเล่นครบ 500 นัด กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อเร็วๆนี้
บทส่งท้าย :
"ฟุตบอลเป็นโลกที่บ้าคลั่ง คุณไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
"ผมกำลังเล่นกีฬาที่ผมรัก มันคือสิ่งที่ผมทำมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นขอให้มันดำเนินต่อไป ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
เจมี วาร์ดี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Skysport หลังการกล่าวอำลา กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ส่วนสถานีต่อไปของเขาจะเป็นสโมสรใดโปรดติดตามกันต่อไป
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
ถอดรหัสความพิเศษ ลามีน ยามาล พรสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความเกรงกลัว (ชมคลิป)
ปลิดชีพประธานโอโชฟู้ดเซอร์วิส ปริศนาคดีดังญี่ปุ่นที่ยังรอคำตอบ (ชมคลิป)
แชมป์แรกในชีวิต แฮร์รี เคน ที่มาจาก Hard Work & Self-Belief (ชมคลิป)
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สเกาเซอร์ผู้ชื่นชอบความท้าทาย (ชมคลิป)
สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)
You might be intertested in this news.
Mostview
ทำไมทีมไหนๆจึงเลือกใช้ บอล Direct โจมตี ลิเวอร์พูล (ชมคลิป)
ทำไมทีมไหนๆจึงเลือกใช้ บอล Direct โจมตี ลิเวอร์พูล (ชมคลิป)
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น (ชมคลิป)
เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น (ชมคลิป)
“พระปรุหนัง” ของขลังมหาอุตม์ของ “เสือฝ้าย” และจุดจบที่แสนอดสู
เรื่องเล่า "ของขลัง" ขุนโจรฉายา "จอมพลฝ้าย" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 4 เสือสุพรรณ โดยมีของดี เป็น "พระเครื่องปรุหนัง" พระระดับตำนานที่สร้างในสมัยอยุธยา ขึ้นชื่อเรื่อง มหาอุตม์ แต่จุดจบของเสือฝ้ายกลับตายอย่างน่าอดสู....
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (7พ.ย.68) Sideway ดีดตัวขึ้นกรอบบน
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (7พ.ย.68) Sideway ดีดตัวขึ้นกรอบบน
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (5พ.ย.68) ยังคงเป็น Sideway
แนวโน้มราคาทองวันนี้ (5พ.ย.68) ยังคงเป็น Sideway
ข่าวที่เกี่ยวข้อง