วันศุกร์, กรกฎาคม 11, 2568

เจมี วาร์ดี และ ตำนานความสำเร็จ บทเรียน เปลี่ยนแปลง นักสู้ (ชมคลิป)

by Trust News, 21 พฤษภาคม 2568

เจมี วาร์ดี และ ตำนานความสำเร็จ บทเรียน เปลี่ยนแปลง นักสู้

จุดกำเนิดของนักฟุตบอลที่เคยเป็น...อดีตพนักงานโรงงานในเมืองเชฟฟิลด์ ถูกปล่อยตัวจากสโมสรฟุตบอลอาชีพ จนต้องลงไปเล่นให้กับทีมนอกลีก ในระดับ Tier 8 ที่ได้รับค่าเหนื่อยเพียง 30 ปอนด์ต่อเกม ยิ่งร้ายไปกว่านั้น เขายังเคยต้องสวมกำไลอีเอ็มลงเล่นฟุตบอล เป็นเวลาถึง 6 เดือน หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทำร้ายร่างกาย จนใครๆคิดว่า “อนาคตสำหรับเส้นทางการค้าแข้งน่าจะจบลงแล้ว”

หากแต่ “คุณเชื่อหรือไม่?” ว่าบทสรุปสำหรับ “ชายผู้ผ่านวิบากกรรมสารพัด” ดังที่กล่าวไปนี้ ในท้ายที่สุด เขากลับกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานของวงการฟุตบอลที่มีชื่อว่า “เจมี วาร์ดี” (Jamie Vardy) กองหน้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และ ทีมชาติอังกฤษ นักเตะที่ทำสถิติ ลงเล่นรวมทุกรายการ 544 นัด ยิง 237 ประตู กับอีก 88 แอสซิตส์ ตลอดการค้าแข้ง (สถิติ ณ วันที่ 20พ.ค.68)

ชีวิตดั่งเทพนิยาย ของ “เจมี วาร์ดี” ที่ปัจจุบัน อายุ 38 ปี และได้ขอกล่าวอำลาสโมสรอันเป็นที่รักและผูกพันตลอด 13 ปี แห่งการค้าแข้งกับ ทีมจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาลนี้ ไปอย่างสุดเจ็บปวด มีแง่มุมอะไรที่น่าสนใจ และน่าศึกษาสำหรับการแบบอย่างของนักเตะที่สู้สุดชีวิตเพื่อพัฒนาตัวเองไปสู่ความเป็นเลิศบ้าง

วันนี้ “เรา” ไปย้อนสำรวจเรื่องราวที่น่าสนใจนี้ด้วยกัน….

นักเตะนอกลีกที่พัฒนาตัวเองสู่ค่าตัว 1 ล้านปอนด์ :

หลังถูกตัดสินว่า “ยังดีไม่พอ” จนกระทั่งถูกสโมสรเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ปล่อยตัวเมื่ออายุ 16 ปี “เจมี วาร์ดี” รู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง จนกระทั่งห่างหายจากวงการฟุตบอลไปนานถึง 8 เดือน ก่อนจะตัดสินใจเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ด้วยการไปลงเล่นให้กับสโมสรสต็อกบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ (Stocksbridge Park Steels) ทีมนอกลีกใน Northern Premier League ซึ่งเป็นลีกระดับ Tier 8 ของฟุตบอลกึ่งอาชีพในประเทศอังกฤษ แม้ว่าจะได้รับค่าจ้างเพียง 30 ปอนด์ (1,318บาท) ต่อเกม อีกทั้งในช่วงเวลานั้น เนื่องจากถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อทำร้ายร่างกาย เขาจึงต้องสวมกำไลอีเอ็มลงเตะเป็นเวลาถึง 6 เดือน

จนกระทั่งไม่สามารถเล่นเกมกลางสัปดาห์ที่ลงเตะช่วงหัวค่ำ รวมถึงยังมักถูกเปลี่ยนตัวออกหลังเกมผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้สามารถกลับบ้านได้ทันเวลา 6 โมงเย็น ตามคำสั่งควบคุมตัวของศาลเสียด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น “เจมี วาร์ดี” ยังเคยยอมรับด้วยว่า ในช่วงแรกๆ ที่อยู่กับ สโมสรสต็อกบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ เขาเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองมากๆ โดยครั้งหนึ่งเขาเคยตัดสินใจโดดการซ้อม เพราะกลัวที่จะถูกเลื่อนชั้นจากทีมสำรองไปสู่ทีมชุดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงใช้เวลาอยู่กับสโมสรเล็กๆแห่งนี้ นานถึงเกือบ 7 ปี  

อย่างไรก็ดี หลังเริ่มเปลี่ยนทัศนคติ โดยเฉพาะการติดตั้งจิตใจนักสู้ทุ่มเทเต็มร้อย เพื่อลุยเข้าปะทะอย่างดุดัน กับ บรรดากองหลัง แม้ว่าจะตัวเล็กกว่ามาก เมื่อได้รับโอกาสให้ขึ้นทีมชุดใหญ่ จนผลในสนามเริ่มพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ

ในที่สุด “สโมสรฮาลิแฟกซ์ ทาวน์” (Halifax Town) ทีมใน เนชันนัล ลีก (National League) ซึ่งเป็นลีกระดับ Tier 5 หรือ ลีกระดับสูงสุดของฟุตบอลกึ่งอาชีพของอังกฤษ ก็ได้ทุ่มเงิน 15,000 ปอนด์ (659,000บาท) ซื้อตัวไปในปี 2010

ก่อนที่อีก 1 ปีต่อมา “สโมสรฟลีทวูด ทาวน์” (Fleetwood Town) ซึ่ง ณ เวลานั้น ยังอยู่ใน เนชันนัล ลีก จะตัดสินใจทุ่มเงินถึง 100,000 ปอนด์ (4.3ล้านบาท) คว้าตัวไปร่วมทีม หลังจากโชว์ฝีเท้าได้เข้าตา ทั้งๆที่ลงเล่นไปเพียง 4 นัด ยิง 3 ประตูก็ตาม

และที่สโมสรฟลีทวูด ทาวน์ นี้เอง “เจมี วาร์ดี” ที่ลงเล่นในฤดูกาลนั้น รวมทุกรายการ 40 นัด ยิงไปถึง 34 ประตู กับอีก 17 แอสซิสต์ จนช่วยให้ ฟลีทวูด ทาวน์ คว้าแชมป์ เนชันนัล ลีก และได้เลื่อนชั้นจากลีกกึ่งอาชีพ สู่ “ลีกทู” หรือ ดิวิชั่น 4 ของอังกฤษได้สำเร็จ นั้น ก็ได้รับความสนใจจากสโมสรต่างๆ มากมาย

แต่ในที่สุด “เลสเตอร์ ซิตี้” ก็รีบชิงปิดดีล ด้วยการทุ่มเงินถึง 1 ล้านปอนด์ (43ล้านบาท) นำตัวกองหน้าวัย 25 ปีรายนี้ มาอยู่ที่ “คิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม” ซึ่ง ณ เวลานั้นยังอยู่ใน “เดอะแชมเปี้ยนชิพ” ได้เป็นผลสำเร็จ

ความเสี่ยงมูลค่า 1 ล้านปอนด์ :

“สตีฟ วอลช์” อดีตผู้ช่วยผู้จัดการทีมและหัวหน้าแมวมองของทีมจิ้งจอกสยาม ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะคว้าตัว “อดีตกองหน้าทีมนอกลีก” มาร่วมทีม เปิดเผยถึงการตัดสินใจ ณ เวลานั้นเอาไว้ว่า…

“การลงทุน 1 ล้านปอนด์ ซื้อตัว เจมี วาร์ดี คือการใช้เงินที่คุ้มค่าที่สุดของสโมสรเลสเตอร์ และตัวเขาเองก็คิดว่า คงไม่สามารถตัดสินใจซื้อนักเตะคนไหนที่คุ้มค่าเงินได้มากไปกว่านี้อีกแล้วในอนาคต”  

นอกจากนี้ สตีฟ วอลช์ ยังบอกเล่าเบื้องหลังการตัดสินใจนี้ด้วยว่า ตัวเขาเองต้องไปพบกับ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา (เจ้าของทีมเลสเตอร์ ผู้ล่วงลับ) เพื่อขอการตัดสินใจในขั้นสุดท้ายด้วยว่า ยินดีที่จะจ่ายเงินถึง 1 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับกองหน้าทีมนอกลีกคนนี้ด้วยหรือไม่?

อย่างไรก็ดี ด้วยความเชื่อมั่นการทำงานของทีมแมวมองสโมสรอย่างเต็มที่ “คุณวิชัย” จึงยอมไฟเขียวในที่สุด   

ทั้งนี้ สตีฟ วอลช์ ยังเคยบอกเล่าด้วยว่า ในช่วงแรกๆที่มาอยู่กับเลสเตอร์ เจมี วาร์ดี เคยร้องขอกลับไปเล่นให้กับ ฟลีทวูด ทาวน์ แบบยืมตัว จากเสียงวิพากวิจารณ์ที่ว่า “เลสเตอร์คงบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ยอมเสียเงินถึง 1 ล้านปอนด์ กับนักเตะนอกลีก”

จนกระทั่งรู้สึกว่า ตัวเองอาจจะดีไม่พอที่จะเล่นให้กับทีมจิ้งจอกสยาม และบางทีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะเป็นก้าวกระโดดที่เร็วเกินไป ด้วยเหตุนี้ สตีฟ วอลช์ จึงต้องค่อยๆปลอบโยนกองหน้ารายนี้ ให้รู้จักการปรับตัวในฐานะนักเตะอาชีพ

จนกระทั่งก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ได้สำเร็จ ขณะเดียวกัน ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น มันยังเป็นเพียงครั้งเดียวที่ เจมี วาร์ดี แสดงให้ สตีฟ วอลช์ ได้เห็นตลอดการค้าแข้งที่เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วย

การเริ่มต้นของตำนานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ :

จากนักเตะนอกลีกราคาแพงที่ถูกตั้งคำถาม หากแต่เมื่อ 13 ปีผ่านไป การกล่าวอำลาของ เจมี วาร์ดี ถูกสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เขียนคำจำกัดความเอาไว้ว่า “นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของสโมสร”
แม้ว่าการเริ่มต้นฤดูกาลแรกกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในศึกแชมเปียนชิพ ฤดูกาล 2012/13 จะไม่สวยหรูมากนัก เนื่องจาก เจมี วาร์ดี ยิงไปได้เพียง 5 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่นรวมทุกราย 29 นัด และในจำนวนนี้ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกเพียง 17 นัด

หากแต่ในฤดูกาลที่ 2 สัญชาติญาณกองหน้าในแบบ Fox-in-the-box ของ “เจมี วาร์ดี” ก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ด้วยสถิติลงเล่นรวมทุกรายการ 41 นัด ยิง 16 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ จนกระทั่งช่วยพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์เดอะแชมเปียนชิพ และกลับคืนสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

สำหรับเบื้องหลัง การกลับมาคืนฟอร์มได้อย่างเฉิดฉายของ “เจมี วาร์ดี” ก็คือ “คุณต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เจ้าของทีมจิ้งจอกสยามคนปัจจุบัน

โดยหลังจากทราบข่าวว่า กองหน้านอกลีกมูลค่า 1  ล้านปอนด์ เริ่มออกลูกเกเร ดื่มหนักทุกวันจนถึงขนาดเมามาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม คุณต๊อบ จึงได้เรียก เจมี วาร์ดี มาพูดคุยแบบตรงไปตรงมาที่ว่า...

“คุณอยากจบอาชีพแบบนี้ใช่ไหม”
“เราจะยกเลิกสัญญากับคุณ หากยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง”
“ผมลงทุนกับคุณ แล้วคุณมีอะไรจะตอบแทนให้กับสโมสรบ้าง”  

หลังกองหน้าผู้นี้ ยอมรับกับ คุณต๊อบ ว่า “เขาไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับชีวิต หลังเปลี่ยนจากนักเตะทีมนอกลีก มาเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีรายได้มากมายขนาดนี้” อย่างไรก็ดี หลังได้รับ “คำเตือนอันมีค่านี้” เจมี วาร์ดี จึงค่อยๆเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองรวมถึงกลับมาฝึกซ้อมอย่างหนักอีกครั้ง

แม้ว่า... จนถึงตอนนี้ “เจ้าตัว” จะละจากขวดวอดก้า ไปดื่มแอลกอฮอลล์บ้างเป็นครั้งคราว รวมถึงมีเมนูอาหารก่อนแข่งขันที่ขัดใจบรรดานักโภชนาการของทีม อย่าง เครื่องดื่มเรดบูล 3 กระป๋อง , ดับเบิ้ลเอสเปรสโซ , ออมเลตชีสแฮมกับถั่วอบ ก็ตาม (Opps!)

เจมี วาร์ดี กับ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ :

การเริ่มต้นผจญภัยในศึกพรีเมียร์ลีก ร่วมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ นี้เอง ที่ค่อยๆเปลี่ยนให้ อดีตกองหน้าทีมนอกลีกคนนี้ กลายเป็น “ตำนาน”

โดยเฉพาะความพลิกผันราวกับ “รถไฟเหาะตีลังกา” ระหว่างฤดูกาล 2014/15 ที่ทีมเลสเตอร์ รอดตกชั้นได้อย่างหวุดหวิด สู่ฤดูกาล 2015/16 ที่ทีมจิ้งจอกสยาม สร้างประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจารึก ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งๆที่ มีอัตราการต่อรองการคว้าแชมป์อยู่ที่ 5,000 ต่อ 1!

และนอกจาก จะสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้อย่างเหลือเชื่อแล้ว อดีตพนักงานโรงงานในเมืองเชฟฟิลด์ ยังช่วยพาทีมเลสเตอร์ คว้าแชมป์ เอฟ เอ คัพ , คอมมิวนิตี้ชิลด์ และ แชมป์ เดอะแชมเปี้ยนชิพอีก 2 สมัย ด้วย

ขณะที่ผลงานส่วนตัวในฐานะกองหน้านั้น เจมี วาร์ดี ยังคว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก , รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี , หนังสือรับรองจากกินเนสส์ เวิร์ด เรคคอร์ด จากการเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีก 11 นัดติดต่อกัน รวมถึงยังก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ได้ถึง 26 นัด ด้วย

ปัจจุบัน “เจมี วาร์ดี” ยังอยู่ในอันดับที่ 14 ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ จากการลงเล่นรวม 342 นัด ยิง 145 ประตู และทำไปอีก 48 แอสซิสต์ (สถิติ ณ วันที่ 20พ.ค.68) ทั้งๆที่เขาเดบิวต์ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เมื่ออายุถึง 27 ปี ซึ่งถือว่า ค่อนข้างช้ากว่าบรรดากองหน้าระดับท็อป คนอื่นๆก็ตาม!

ความพิเศษ ของ เจมี วาร์ดี :

อะไรที่ทำให้ เจมี วาร์ดี เป็นคนพิเศษ?

'Fox-in-the-box' :

“เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์” กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์และสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับว่า ได้ศึกษาการเคลื่อนที่ เพื่อหาช่องว่างในการทำประตู ของ เจมี วาร์ดี นักเตะที่ตัวเขาเองยกย่องให้เป็น กองหน้าที่หาช่องว่างในแผงกองหลังเพื่อเข้าทำประตู ได้ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก

ซึ่งจุดเด่นในลักษณะ 'Fox-in-the-box' ของ หมายเลข 9 แห่งทีมจิ้งจอกสยามนี้เอง เคยดึงดูด อาแซน เวนเกอร์ อดีตกุนซือของอาร์เซนอล พยายามกระชากตัวเขาไปร่วมทีมมาแล้ว ก่อนที่ ตำนานแห่งเลสเตอร์ จะปฏิเสธการเป็นสมาชิกทีมปืนใหญ่ในวินาทีสุดท้าย

จิตใจนักสู้และความนิ่งในการจบสกอร์ :

รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตกองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ ยกย่องความเหยือกเย็นในการจบสกอร์ของลูกทีมคนเก่งเอาไว้ว่า “เจมี ไม่เคยใส่ใจกับอะไรก็ตามที่พยายามเข้ามารบกวน เขาเป็นกองหน้าที่เยือกเย็นเสมอเวลาจบสกอร์”

ขณะที่ “คริสเตียน ฟุคส์” อดีตเพื่อนร่วมทีมเลสเตอร์ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก บอกเล่าว่า เจมี วาร์ดี เป็นนักเตะประเภทที่การยั่วยุต่างๆ ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ อีกทั้งกองหน้าอดีตเพื่อนร่วมทีมรายนี้ ยังมักใช้แรงยั่วยุต่างๆจากฝ่ายตรงข้าม ไปเป็นพลังงานสำคัญสำหรับการเอาคืน อย่างชนิดแสบๆคันๆเสียด้วย!

“เจมี ชื่นชอบการปะทะคารมกับแฟนบอลและกองหลังฝ่ายตรงข้ามเสมอ เพราะนั่นแปลว่าเขากำลังเล่นได้ไม่ดีนัก จากนั้นเขาจะพยายามหาทางยกระดับการเล่น เพื่อเป็นการตอบโต้”  

และด้วยเหตุนี้เอง เราจึงได้เห็นการเอาคืนแบบ...การทำท่าเลียนแบบนกอินทรี เมื่อยิงประตูคริสตัน พาเลซ ได้ และ หอนเหมือนสุนัขจิ้งจอกหลังยิงประตูวูลฟ์ แฮมป์ตันได้ รวมถึง ชี้ไปที่ตราสัญลักษณ์แชมป์พรีเมียร์ลีกบนเสื้อ หลังถูกแฟนทอตแนม ฮอตสเปอร์ ยั่วยุ (Opps!)

รวมถึงล่าสุด กับการวิ่งไปยืนต่อหน้าแฟนบอลอิปสวิช พร้อมเอานิ้วแตะริมฝีปาก ก่อนชูธงที่มุมสนามเฉลิมฉลองอย่างสุดเหวี่ยงให้กับ การทำสถิติยิงประตูที่ 200 และลงเล่นครบ 500 นัด กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อเร็วๆนี้

บทส่งท้าย :

"ฟุตบอลเป็นโลกที่บ้าคลั่ง คุณไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

"ผมกำลังเล่นกีฬาที่ผมรัก มันคือสิ่งที่ผมทำมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นขอให้มันดำเนินต่อไป ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

เจมี วาร์ดี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Skysport หลังการกล่าวอำลา กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ส่วนสถานีต่อไปของเขาจะเป็นสโมสรใดโปรดติดตามกันต่อไป

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

ถอดรหัสความพิเศษ ลามีน ยามาล พรสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความเกรงกลัว (ชมคลิป)

ปลิดชีพประธานโอโชฟู้ดเซอร์วิส ปริศนาคดีดังญี่ปุ่นที่ยังรอคำตอบ (ชมคลิป)

แชมป์แรกในชีวิต แฮร์รี เคน ที่มาจาก Hard Work & Self-Belief (ชมคลิป)

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สเกาเซอร์ผู้ชื่นชอบความท้าทาย (ชมคลิป)

สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)

Tag : เจมี วาร์ดี เลสเตอร์ซิตี้ จิ้งจอกสยาม Leicester City ลามีน ยามาล Lamine Yamal บาร์เซโลนา แฮร์รี เคน Harry kane บาเยิร์น มิวนิค ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ลิเวอร์พูลล่าสุด ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกกี่สมัย Liverpool เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ Trent Alexander-Arnold อาร์เนสล็อต เยอร์เกนคลอปป์ ไรอันกราเฟนแบร์ก เวอร์จิลฟานไดจ์ค โมฮาเหม็ดซาลาห์ อังกฤษ OUTFIELDMAN สำนักข่าวทรัสต์นิวส์ Trustnews

You might be intertested in this news.

Mostview

5 ก.ค.2025 ผวาแผ่นดินไหว สึนามิ ต้นตอการ์ตูนมังงะ ที่ไม่มีมูลทางวิทยาศาสตร์

เมื่อมังงะญี่ปุ่น ปลุกความตื่นกลัว “แผ่นดินไหว” 5 กรกฎาคม 2025 จะเกิดสึนามิใหญ่กว่า ปี 2011 กว่า 3เท่า ขณะที่ รัฐบาลญี่ปุ่นยัน ไม่มีมูลความจริงทางวิทยาศาสตร์ แผ่นดินไหว ถี่ ช่วงที่ผ่านมา คือ เรื่องดี คือ การปลดปล่อยพลังงานสะสม…

กลยุทธ์การลงทุน เมื่อไทยโดนภาษีทรัมป์36%

กลยุทธ์การลงทุน เมื่อไทยโดนภาษีทรัมป์36%

รำลึกถึงความมุ่งมั่น ดีโอโก้ โชต้า นายจะอยู่กับเดอะค็อปตลอดไป (ชมคลิป)

รำลึกถึงความมุ่งมั่น ดีโอโก้ โชต้า นายจะอยู่กับเดอะค็อปตลอดไป (ชมคลิป)

คำตอบความอดทนของอาร์เซนอล ทำไมจึงต้องเป็น มาร์ติน ซูบิเมนดี้

คำตอบความอดทนของอาร์เซนอล ทำไมจึงต้องเป็น มาร์ติน ซูบิเมนดี้

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (7ก.ค.68) แกว่งออกข้าง

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (7ก.ค.68) แกว่งออกข้าง

TrustNEws Line