ถอดรหัสความพิเศษ ลามีน ยามาล พรสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความเกรงกลัว

“เขาคือหนึ่งในนักเตะมากพรสวรรค์ ที่จะเกิดมาทุกๆ 50 ปี ผมไม่เคยเห็นเขาเล่นด้วยตาตัวเองมาก่อนเลย และวันนี้เขาทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากๆ”  

"ซิโมเน อินซากี้" อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลี และผู้จัดการทีมอินเตอร์ มิลาน กล่าวยกย่องนักเตะวัย 17 ปี ที่ร่ายเวทมนต์หลอกหลอนเหล่านักเตะเนรัซซูรี จนแทบเสียผู้เสียคน แม้ว่าในท้ายที่สุด พลพรรคงูใหญ่ จะสามารถผ่าน บาร์เซโลนา เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลนี้ก็ตาม

“สำหรับนักเตะระดับเยาวชน เมื่อพวกเขาได้สัมผัสบอล คุณจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่พิเศษ ในกรณีของลามีน ยามาล เขาคือหนึ่งในนักฟุตบอลอายุ 12 ปี ที่สามารถทำให้คุณแทบคลั่งได้เลยในระหว่างการฝึกซ้อม มัน Wow มากๆ”

"เปา โมรัล" อดีตโค้ชระดับเยาวชน ที่ศูนย์ฝึกลามาเซีย ของบาร์เซโลนา

ใช่แล้วครับ วันนี้ “เรา” จะมาพูดถึง “ลามีน ยามาล” (Lamine Yamal) เจ้าหนูวัย 17 ปี ที่ ณ เวลานี้ ใครๆต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันแล้วว่า “หากเจ้าหนูรายนี้ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง รักษาระเบียบวินัยและความเป็นมืออาชีพ โดยไม่หลงไปกับสิ่งยั่วยุต่างๆ ที่มักดึง “นักเตะดาวรุ่งมากพรสวรรค์” เข้าสู่ Dark side จนเสียผู้เสียคนมาแล้ว หลายต่อหลายคนก่อนหน้านี้

บางที “เรา” อาจได้เห็น “นักเตะระดับปรากฏการณ์” เช่น “ลิโอเนล เมสซี” และ “โรนัลโด CR7” ในเร็วๆนี้ก็เป็นได้!

“ลามีน ยามาล” มีความพิเศษมากกว่า “สุดยอดนักเตะ” ณ เวลานี้มากแค่ไหน?
และ “เขา” จะกลายเป็น “เมสซี” คนใหม่ ได้จริงหรือไม่?

วันนี้ “เรา” ลองไปพิจารณา ข้อมูลต่างๆ ที่อาจนำไปสู่ “คำตอบ” ที่ว่านี้กันดู!

ลามีน ยามาล :

“ผมมักใช้เวลาอยู่ที่สวนสาธารณะมากกว่าอยู่ที่บ้าน นั่นเป็นเพราะทุกครั้งที่ผมเดินไปตามท้องถนน ผมมักจะมีโอกาสได้เล่นฟุตบอลอยู่เสมอๆ ซึ่งประสบการณ์การเล่นฟุตบอลแบบนั้น จะติดอยู่กับตัวคุณไปตลอด”

ลามีน ยามาล หรือชื่อเต็ม ลามิเน ยามาล นาสราอุย เอบาน่า (Lamine Yamal Nasraoui Ebana)

เกิดเมื่อวันที่  13ก.ค.2007 สูง 180 ซ.ม. หนัก 72 กิโลกรัม มีคุณพ่อเป็นชาวโมร็อกโก และคุณแม่เป็นชาวอิเควทอเรียลกินี (Equatorial Guinean) อาศัยอยู่ในย่านโรคาฟอนดา (Rocafonda) เมืองมาตาโร (Mataro) แคว้นกาตาลุญญา ประเทศสเปน ซึ่งถือเป็นย่านผู้ใช้แรงงานและผู้อพยพต่างชาติ ที่มีประชากรเพียง 120,000 คน

โดยหลังจากคุณพ่อและคุณแม่แยกทางกันตั้งแต่ “ลามีน ยามาล” อายุได้เพียง 3 ขวบ คุณแม่ของเขาจึงต้องไปทำงานในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง เพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว
 
อย่างไรก็ดี การทำงานที่ร้านอาหารดังกล่าวนี้เอง ในเวลาต่อมาได้กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ทำให้ชาวโลกได้ทำความรู้จักกับ “เจ้าหนูมหัศจรรย์คนใหม่” นั่นเป็นเพราะ “พรสวรรค์ลูกหนัง” ที่อัดแน่นอยู่ในตัว “ลามีน ยามาล” ได้ถูกค้นพบในที่สุด

และเนื่องจากทางบ้านมีฐานะยากจน “ลามีน ยามาล” จึงไม่มีโอกาสได้ไปโชว์ฝีเท้าในการแข่งขันระดับเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 (Juvenil A) ในย่านโรคาฟอนดา ซึ่งจะทำให้มีโอกาสได้พบเจอกับบรรดาแมวมองจากสโมสรใหญ่ๆ ในประเทศสเปนมากกว่า 

อย่างไรก็ดี “พรสวรรค์อันเฉิดฉาย” บนสนามฟุตบอลพื้นคอนกรีตที่ตั้งอยู่ติดกับ “สนามหญ้า” ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน Juvenil A ของ “ลามีน ยามาล” ก็ไปเตะตา “อินโนเซนเต ดิอาซ” (Inocente Diez) แมวมองของสโมสรท้องถิ่น La Torreta เข้าจนได้! 

โดย “อินโนเซนเต ดิอาซ” มีความสนิทสนมกับแม่ของเจ้าหนูนักเตะรายนี้ เนื่องจากแวะเวียนไปใช้บริการที่ร้านอาหารอยู่บ่อยๆ พูดถึง “พรสวรรค์ลูกหนัง” ของ “ลามีน ยามาล” ทันทีที่ได้เห็นการ “ร่ายเวทมนตร์” กับลูกฟุตบอลเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า...“เขาคือคนพิเศษ”  

และ “อินโนเซนเต ดิอาซ” นี่เองที่คอยทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน รวมถึงคอยทำหน้าที่ขับรถไปรับไปส่ง  “ลามีน ยามาล” เพื่อให้เจ้าหนูนักเตะรายนี้ สามารถเดินต่อไปในเส้นทางลูกหนังได้ พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า… “ไอ้หนู เชื่อเถอะวันหนึ่งแกจะได้เซ็นสัญญากับบาร์ซา” 

จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2014 สิ่งที่เขาคาดหวังไว้ก็เป็นจริง เมื่อแมวมองจากยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นกาตาลุญญา ก็มาพบเข้ากับ “เพชรเม็ดงามในวัยเพียงแค่ 7 ขวบ” ก่อนจะทาบทามให้เข้าสู่โรงเรียนลูกหนังลามาเซียทันที! 

และจากนั้นเป็นต้นมา “ลามีน ยามาล” ก็กลายเป็น “คนพิเศษ” ที่ลามาเซียค่อยๆ บรรจงเจียระไนเพื่อรอวันเปล่งประกายบนถนนสายลูกหนัง และถูกสื่อกีฬาชื่อดังของสเปน Marca จับตามองในฐานะ “เมสซีคนใหม่” เมื่ออายุเพียง 12 ปี เท่านั้น!

การขัดเกลาของบาร์เซโลนา :

“ถ้าไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ผมอยากเป็นสตรีมเมอร์”

บาร์เซโลนา เคยดูแลประคบประหงม “ลิโอเนล เมสซี” ในวัยเด็กที่พบปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของร่างกาย ด้วยการยอมจ่ายเงินก้อนโตฉีดฮอร์โมนให้กับดาวเตะอาร์เจนตินา เพื่อให้ยังคงพัฒนาการความเป็นนักฟุตบอลได้ต่อไป…. ซึ่งสำหรับกรณีของ “ลามีน ยามาล” ก็เช่นเดียวกัน

“บาร์ซา” ยอมแหกกฎด้วยการนำตัว “เจ้าหนูยามาล” ซึ่งมีบ้านพักอยู่ใกล้กับศูนย์ฝึกลามาเซีย ย้ายเข้ามาอยู่หอพักในลามาเซีย ซึ่งปกติจะสงวนไว้ให้เฉพาะนักเตะเยาวชนที่อาศันอยู่นอกแคว้นกาตาลุญญาเท่านั้น

นั่นเป็นเพราะ เพื่อจัดสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เหมาะสม ให้ Wonder Kid รายนี้ สามารถพัฒนาตัวเองสู่ความเป็นสุดยอดนักเตะในอนาคต

โอกาสที่ได้รับจากอาซูลกรานา :

“ผมทิ้งความกลัวทั้งหมดเอาไว้ที่สวนสาธารณะแถวบ้านแล้ว เพราะตราบใดที่ผมยังชนะ มันก็คงไม่มีใครพูดอะไรได้”

สถานะทางการเงินอันย่ำแย่ ซึ่งค่อยๆ กลืนกิน “บาร์เซโลนา” เข้าสู่ความมืดมิดไปทุกขณะ สิ่งที่กุนซือ ชาบี เอร์นานเดซ อดีตนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ และหนึ่งในผลผลิตอันงดงามจากลามาเซีย ลงมือทำเพื่อ “กอบกู้ทีม” คือ “การกลับคืนสู่จุดเริ่มต้น” นั่นคือ…เราจะต้องไปแสวงหานักเตะชื่อดังราคาแสนแพงไปทำไม? ในเมื่อ ลามาเซีย อัดแน่นไปด้วยนักเตะมากพรสวรรค์จนนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว 

และนี่เองคือ “การพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส” เพราะในเมื่อสถานะทางการเงินอันย่ำแย่ ทำให้ไม่สามารถซื้อนักเตะราคาแพงเข้าสู่ทีมได้มากมายเช่นในอดีต โอกาสสำหรับการเปิดพื้นที่ให้กับ “นักเตะ Made in ลามาเซีย” เข้าสู่ทีมชุดใหญ่ จึง “กว้างใหญ่” มากขึ้นกว่าเดิม

และในฤดูกาล 2022/23 โอกาสนั้นก็มาถึง “ลามีน ยามาล” เข้าจนได้ เมื่อ “ชาบี เอร์นานเดซ” ที่จับตาพัฒนาการของเจ้าหนูคนนี้มาโดยตลอด ตัดสินใจปล่อยเจ้าหนูที่ขณะนั้นมีอายุเพียง 15 ปี 9 เดือน 16 วัน และข้ามชั้นจากระดับ U19 (เยาวชนต่ำกว่า 19 ปี) เพื่อเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ทันที

และได้รับโอกาสลงสัมผัสเกมในลีกเป็นครั้งแรกที่สนามคัมป์นู ซึ่งถึงแม้จะมีเวลาอยู่ในสนามเพียง 8 นาที แต่นั่นก็เป็นผลทำให้ “ลามีน ยามาล” กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงเตะในลาลีกาให้กับบาร์ซาไปในทันที!

แถมในการค้าแข้งฤดูกาลที่ 2 (2023/24) “ชาบี” ยังให้โอกาส “ลามีน ยามาล” ที่มีอายุ 16 ปี ได้ลงเล่นมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในลีกได้ลงเล่นถึง 37 นัด แถมในจำนวนนี้ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงถึง 22 นัด (รวมเวลาในสนาม 2,197 นาที)

จนกระทั่งสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง ด้วยการทำสถิติ ยิง 5 ประตู 5 แอสซิสต์ และมีชื่อติดทีมชาติสเปนชุดลุยศึกฟุตบอลยูโร 2024 ในที่สุด และเมื่ออายุได้ 16 ปี 57 วัน เขายังกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด ที่ทำประตูให้กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่เสียด้วย!

แม้ว่าในช่วงระหว่างการพัฒนาการนี้ จะเกิดคำถามอยู่บ้างเหมือนกัน จากการที่ “ลามีน ยามาล” เคยถูกส่งตัวกลับบ้านพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คน โทษฐานทำผิดวินัยที่ไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ในช่วงลงเล่นทีมชาติอายุไม่เกิน 17 ปี ก็ตาม รวมถึง ยังถูกบาร์ซา ตัดชื่อออกจากเกมรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี อีกหลายนัดก็ตาม

อย่างไรก็ดี ล่าสุดในฤดูกาลนี้ (2024/25) เจ้าหนูมหัศจรรย์คนใหม่ ก็สามารถพิสูจน์ตัวเองไปได้อีกขั้น หลังกลายเป็นแกนหลักของพลพรรคอาซูลกรานา ภายใต้การนำของ ฮันซี ฟลิกซ์ กุนซือเยอรมัน กวาดคว้าแชมป์ลาลีก้า , โคปา เดลเรย์ , และ สแปนิช ซูเปอร์คัพ ได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยวัยเพียง 17 ปี  พร้อมทำสถิติ ลงเล่นรวมทุกรายการ 54 นัด ยิง 18 ประตู และ 25 แอสซิสต์  (สถิติ ณ วันที่ 18พ.ค.68)

อะไรที่ทำให้ ลามีน ยามาล กลายเป็นคนพิเศษ :

“ชาบี เอร์นานเดซ” กุนซือผู้ให้กำเนิด ปีกขวาดาวรุ่งผู้นี้ เคยกล่าวถึง “ความพิเศษ” ของอดีตลูกทีมเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า…

“ในโลกฟุตบอลนั้น มีนักเตะที่เลี้ยงบอลเก่งๆมากมาย หากแต่สิ่งที่ทำให้ ลามีน ยามาล พิเศษกว่าคนอื่นๆ ก็เป็นเพราะ เขามีพรสวรรค์ในการอ่านเกมได้อย่างรวดเร็ว และเลือกตัดสินใจได้ดีที่สุดเสมอ เวลาอยู่ในสนาม และนั่นคือ สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการเล่นฟุตบอล”  

โดยสิ่ง “ชาบี”  กล่าวถึงนั้น ก็หมายความว่า เมื่อได้รับบอลบริเวณริมเส้น ยามาล มักจะหยุดชั่วครู่ เพื่อรอเพื่อนร่วมทีมวิ่งทำทาง จากนั้นเขาจะอ่านแนวรับและกำหนดการตัดสินใจในหัวเสมอ เช่น ถ้าคู่ต่อสู้จะไปดักการเลี้ยงตัดเข้าด้านใน เขาจะพุ่งทะยานไปถึงเส้นหลัง ก่อนจะหักกลับตัดเข้าด้านในหรือยิงไซด์โค้งด้วยเท้าซ้ายอ้อมแนวรับคู่ต่อสู้

แต่ถ้าหากคู่ต่อสู้ เปิดช่องว่างให้เลี้ยงบอลตัดเข้าด้านใน เขาจะพาบอลเข้าหา พร้อมอ่านแนวรับ แล้วจึงจ่ายบอลทะลุช่องให้กับกองหน้า หรือ มิดฟิลด์ที่วิ่งสอดเข้ามาเพื่อทำประตู เหมือนกับ “ควอเตอร์แบ็ก” ในกีฬาอเมริกันฟุตบอล

ซึ่งนักเตะที่สามารถ ผสมผสานความสามารถทางเทคนิค และสามารถจับจังหวะรวมถึงให้น้ำหนักการจ่ายบอลในพื้นที่แคบๆไปพร้อมๆกับ มีสมาธิเพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุด ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีนั้นในโลกนี้ มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำได้ ซึ่งแน่นอนว่า หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ “ลิโอเนล เมสซี”

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ “ลามีน ยามาล” ยังต้องพัฒนาเพื่อไปให้ถึง “ระดับโลก” ในความเห็นของ “ชาบี” ก็คือ การหาพื้นที่ว่างในยามที่ไม่มีบอลอยู่กับตัว หลังวิ่งทะลุแนวรับคู่ต่อสู้ หรือ การเล่นชิ่งหนึ่งสองกับเพื่อนร่วมทีม

รวมถึงยังต้องพัฒนาสัญชาตญาณความเด็ดขาดในการเป็นกองหน้า เนื่องจากยังผลิตสกอร์ได้ไม่มากนักต่อฤดูกาลในฐานะกองหน้า

ลิโอเนล เมสซี คนใหม่ :

“ผมไม่อยากเปรียบเทียบตัวเองกับผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล”  

หลัง “ลามีน ยามาล” ลงเล่นครบให้กับบาร์ซ่าครบ 100 นัด ด้วยวัยเพียง 17 ปี 291 วัน ในขณะที่ “ลิโอเนล เมสซี” ในวัย 18 ปี ลงเล่นให้อาซูลกรานา ไปเพียง 9 นัด และฉลองครบ 100 นัด เมื่ออายุ 21 ปี

ขณะที่เมื่อมองไปที่ทัวร์นาเมนต์ระดับชาติ “ยามาล” บนวัย 17 ปี สามารถทำได้ถึง 22 ประตู กับ 27 แอสซิสต์ จากการลงเล่นให้กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่  ในขณะที่ ราชันแห่งอาร์เจนตินา ในวัยเดียวกัน ยังไม่เคยติดทีมชาติชุดใหญ่

มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ที่เจ้าหนูคนนี้ จะถูกจับตามองว่า “เขาจะก้าวบนเส้นทางลูกหนังไปได้ไกลกว่านักเตะมหัศจรรย์แห่งคัมป์นูคนก่อนหรือไม่?”

อย่างไรก็ดี  “มาร์ค ฟาน บอมเมล” อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติฮอลแลนด์และบาร์เซโลนา ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจสำหรับประเด็นนี้เอาไว้ว่า…

“ในช่วงที่เมสซี อายุ 17 ปี นั้น บาร์ซาเต็มไปด้วยแนวรุกชั้นยอด อย่าง ซามูเอล เอโต้ , เดโก้ , เอดมิลสัน และ โรนัลดินโญ่ ในช่วงที่พีคที่สุดในอาชีพนักฟุตบอล ในขณะที่ ยามาล ในวัย 17 ปี สถานการณ์ทางการเงินบีบบังคับให้ บาร์เซโลนา ต้องหันกลับไปพึ่งพานักเตะเยาวชนจากลามาเซีย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะนำนักเตะต่างยุคสมัย มาเปรียบเทียบกัน

อย่างไรก็ดี นับจากนี้เป็นต้นไป มันคือการเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ของบาร์ซา ที่มี ลามีน ยามาล เป็นแกนนำ เหมือนกับเช่นที่ เมสซี เคยเริ่มต้นสร้างตำนานความสำเร็จกับบาร์เซโลนา หลังคว้าแชมเปียนส์ลีกในปี 2006”

ดังนั้น ในฐานะ “เจ้าหนูมหัศจรรย์คนใหม่” สิ่งที่น่าหวาดหวั่นมากยิ่งกว่า “การพุ่งเข้าสกัดจากคู่แข่ง” ก็คือ “จิตใจของตัวเอง” เพราะท่ามกลางเสียงชื่นชม และแห่แหนยกย่องสรรเสริญในเวลานี้ มันสามารถแปรเปลี่ยนได้อย่างฉับพลันทันใด หากเจ้าตัวเกิดหลงระเริงไปกับ “เงา” ที่ถูกสร้างขึ้นจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะกับสื่อมวลชนที่พร้อมจะรุมทึ้งคนดังเพื่อหวังขายข่าว รวมถึงพร้อมจะแปรเปลี่ยนไปหา Wonder Kid คนใหม่ได้ง่ายๆ หากคนเดิมไม่ได้อยู่ในจุดที่น่าชื่นชมอีกต่อไป…

เพราะตัวอย่าง ที่เห็นได้อย่างจะแจ้งก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น “โบยาน เกร์กิช”, “อเลน ฮาลิโลวิช” และล่าสุด “อันซู ฟาติ” เหล่านักเตะอัจฉริยะ ซึ่งเป็นผลผลิตจากลามาเซีย ต่างก็ก้าวไปไม่ถึงคำว่า “New Messi” ทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่ทั้ง 3 คน เต็มไปด้วยพรสวรรค์อันน่าจับตายิ่งก็ตาม  

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

ปลิดชีพประธานโอโชฟู้ดเซอร์วิส ปริศนาคดีดังญี่ปุ่นที่ยังรอคำตอบ (ชมคลิป)

แชมป์แรกในชีวิต แฮร์รี เคน ที่มาจาก Hard Work & Self-Belief

ทำไมคนจีนเที่ยวไทยน้อยลง เวียดนามคู่แข่งที่น่ากลัวจริงไหม (ชมคลิป)

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สเกาเซอร์ผู้ชื่นชอบความท้าทาย (ชมคลิป)

สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)