จับ กริพเพน เทียบ F-35 และแนวคิดพึ่งตัวเองของสวีเดน
by Trust News, 4 สิงหาคม 2568
จับ กริพเพน เทียบ F-35 และแนวคิดพึ่งตัวเองของสวีเดน
เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความชัดเจนในการดำเนินนโยบาย “เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ซึ่งสามารถดำรงมาได้เนิ่นนานร่วม 200 ปี ก่อนจะเพิ่งตัดสินใจ เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต จากความหวาดระแวงท่าทีอันก้าวร้าว ของ “รัสเซีย” ไปเมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา
การเลือกที่จะผลิต “อาวุธยุทธภัณฑ์” ด้วยตัวเอง จึงกลายเป็น “ทางเลือก” ที่มีความสำคัญในลำดับต้นๆ เพราะปัจจัยนี้ นอกจากจะสามารถช่วยให้บรรดาประเทศมหาอำนาจ ลดความคลางแคลงใจได้แล้ว มันยังช่วยลดความจำเป็น ในการต้อง “พึ่งพาอาวุธจากภายนอก” สำหรับใช้่ปกป้องอธิปไตยประเทศตัวเอง ประกอบกับตระหนักได้ว่า ยุคใหม่ของสงคราม กำลังทางอากาศ โดยเฉพาะ “เครื่องบินรบ” จะมีบทบาทอันสำคัญยิ่งในสนามรบ มาตั้งแต่ปี 1937
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาว่า “เพราะเหตุใด” ประเทศสวีเดน จึงมีเครื่องบินรบที่มีชื่อว่า “กริพเพน”
(Gripen) หรือ “กริฟฟิน” (Griffin) ในภาษาอังกฤษ สัตว์ในตำนานเทพนิยายกรีก ที่มี หัว , จะงอยปาก , กรงเล็บ และปีกเป็น “นกอินทรี” ส่วน ลำตัว , ขาหลัง และหาง เป็น “สิงโต” สัญลักษณ์แห่งอำนาจ ความกล้าหาญ และความเฉลียวฉลาด
ประเด็นนี้ มีความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน? วันนี้ “เรา” ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาให้ “คุณ” ได้ร่วมกันพิจารณา แล้ว

ความเป็นกลางของสวีเดน :
หลังพ่ายแพ้ในสงครามต่อรัสเซีย จนต้องสูญเสียดินแดนที่เป็นประเทศฟินแลนด์ในปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 1809 สวีเดน สามารถ “หลีกเลี่ยง” ผลกระทบจากภัยสงครามต่างๆ มาได้ร่วม 200 ปี จากนโยบาย “ขอเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ในแบบที่มีความ “ยืดหยุ่นสูง”
ซึ่งได้ช่วยให้สวีเดน สามารถ “รอดพ้น” จากการถูกยึดครองโดยกองทัพเยอรมนี ในสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ “ความขัดแย้งทางการทหาร” กับ สหภาพโซเวียตในยุคสมัยสงครามเย็น รวมถึง “หลบเลี่ยง” แรงกดดันของสหรัฐอเมริกาผ่านนาโต ในเรื่องนโยบายการปรับลดอาวุธและอุตสาหกรรมสงคราม ที่มีจุดประสงค์เพื่อ “ป้องปราม” ไม่ให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ในยุโรป หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี แม้ “หน้าฉาก” สวีเดนจะวางตำแหน่งตัวเองในฐานะชาติเป็นกลาง หากแต่ในอีกด้านหนึ่ง สวีเดน ก็ยังคงแสดงความใกล้ชิดกับบรรดาพันธมิตรชาติตะวันตกอยู่เสมอๆ
ดังจะเห็นได้จาก การส่งทหารเข้าร่วมการซ้อมรบ กับ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต และ เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายความมั่นคงและการป้องกันประเทศร่วมกัน (Common Security and Defense Policy) หรือ CSDP ของสหภาพยุโรป รวมถึงยังเคยส่งกำลังทหารเข้าร่วมกับ “นาโต” ในเหตุการณ์ความขัดแย้งต่างๆในโลก เช่น ที่ บอสเนีย อัฟกานิสถาน และ ลิเบีย เช่นกัน
อย่างไรก็ดี “นโยบายขอเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่าย” ของ สวีเดน ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานร่วม 200 ปี ก็ได้ยุติลงในที่สุด หลังสวีเดนตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต ในวันที่ 7 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา หลังเกิดความ “หวาดระแวง” ประเทศเพื่อนบ้านมหาอำนาจ อย่าง “รัสเซีย” จากชนวนเหตุ “เรื่องการผนวกเชชเนีย” และ “การเปิดฉากทำสงครามกับยูเครน”

ทำไมต้องสร้างอาวุธสงครามด้วยตัวเอง :
เพื่อเป็นการแสดงออกถึง “จุดยืนที่ชัดเจน” ในนโยบาย “ความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” สวีเดนจึงตัดสินใจ “พึ่งพาตัวเอง” ในเรื่องการผลิตอาวุธสงคราม เพื่อไม่ให้ถูกมองด้วย “สายตาเคลือบแคลง” กรณีการเลือกซื้ออาวุธ จากทั้งฝ่ายรัสเซียและพันธมิตรตะวันตก
อีกทั้ง การมีอุตสาหกรรมผลิตอาวุธสงครามเป็นของตัวเอง นั้น ยังช่วยให้สามารถ “ลดการถูกกดดันในรูปแบบต่างๆ ของ ชาติมหาอำนาจ ต่อการดำเนินนโยบายความเป็นกลางของตัวเองได้ด้วย
เนื่องจากไม่มีความจำเป็น ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ในกรณีที่ถูกขู่ว่า “จะตัดการสนับสนุนทางการทหาร จากประเทศมหาอำนาจฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด” ซึ่งถือเป็นจุดที่เป็นจุด “เปราะบางยิ่ง” สำหรับสวีเดน โดยเฉพาะในโลกยุคสงครามเย็น
คุณรู้หรือไม่ อุตสาหกรรมทางการทหารของสวีเดน สร้างรายได้ให้กับประเทศที่มีประชากรเพียงประมาณ 10 ล้านคน มากน้อยแค่ไหน?
อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสต็อกโฮล์ม (Stockholm International Peace Research Institute หรือ SIPRI ซึ่งเป็นสถาบันวิเคราะห์ข้อมูลทางการทหารระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัท Saab ของสวีเดน อยู่ในลำดับที่ 35 ของ 100 บริษัทผู้ผลิตอาวุธโลก ที่มีรายได้สูงสุดจากการขายอาวุธในปี 2023
โดยมีรายได้สูงถึง 4,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (140,000ล้านบาท) และคิดเป็นถึง 89% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัท
ขณะที่ ในปี 2014 สวีเดน เคยอยู่ในลำดับที่ 3 ของประเทศที่มีรายได้ จากการส่งออกอาวุธสงครามสูงสุด เมื่อคิดเฉลี่ยต่อหัวประชากร โดยมีตัวเลขสูงถึง 53.1 ดอลลาร์สหรัฐ (1,722บาท) ต่อหัวประชากร เป็นรองเพียง รัสเซีย ซึ่งอยู่ที่ 57.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัวประชากร (1,871บาท) และอันดับที่ 1 คือ อิสราเอล ซึ่งอยู่ที่ 97.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อหัวประชากร (3,169บาท) เท่านั้น

พัฒนากองทัพสู่ยุคใหม่ :
สวีเดน ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีประวัติศาสตร์เรื่องอุตสาหกรรมด้านความมั่นคง มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1600 เนื่องจากในยุคนั้น สวีเดนถือเป็นประเทศมหาอำนาจหลักของยุโรป
อย่างไรก็ดี “ความเปลี่ยนแปลง” เรื่องการพัฒนากองทัพไปสู่ยุคใหม่ ได้ถูกริเริ่มขึ้นในปี 1936 หลัง อดีตนายกรัฐมนตรีเพอร์ อัลบิน แฮนส์สัน (Per-Albin Hansson) ได้ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า “สวีเดนควรผลิตด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ และสวีเดนที่ทั้งสามารถต่อเรือและสร้างอาวุธอื่นๆได้แล้ว เหตุใด จึงยังไม่สามารถผลิตเครื่องบินรบได้ด้วยตัวเอง”
ต่อมาในวันที่ 2 เมษายน ปี 1937 จึงได้มีการก่อตั้งบริษัท Saab ขึ้นมาเพื่อพัฒนาและผลิตเครื่องบินรบด้วยตัวเอง และจากนั้นเป็นต้นมาบริษัทแห่งนี้ จึงได้กลายเป็นหัวใจหลัก ในการพัฒนาขีดความสามารถให้กับกองทัพอากาศสวีเดน มาจนถึงปัจจุบัน
โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็น นั้น สวีเดน ได้ให้ความสำคัญกับกองทัพอากาศเป็นหลัก เนื่องจากมองว่า เป็น “กำแพงชั้นแรก” ในการป้องกันการถูกรุกราน นั้น กองทัพอากาศสวีเดนจึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกองทัพอากาศที่แข็งแกร่งลำดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากมีจำนวนเครื่องรบมากถึง 425 ลำ ประจำการใน 28 ฝูงบิน!
อย่างไรก็ดี หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย กองทัพอากาศสวีเดน ได้ค่อยๆปรับลดขนาดกำลังรบลง ทำให้ปัจจุบัน มีเครื่องบินรบประมาณ 73 ลำ ประจำการใน 5 ฝูงบิน และอีก 24 ลำ สำหรับใช้ในการฝึก

แนวคิดการสร้างกริพเพน :
การปรับลดขนาดกองทัพ และมุ่งเน้นไปสู่หลักนิยม เรื่องการกระจายกำลังพล (Dispersed Operations) ได้กลายเป็นที่มาของการออกแบบกริพเพน ที่คลอบคลุมแนวคิด เรื่องความคล่องตัวสำหรับการปฏิบัติภาระกิจที่หลากหลาย , มีต้นทุนสำหรับการบำรุงรักษาต่ำ รวมถึง ยังพึ่งพาสิ่งอำนายความสะดวกต่างๆ ในระดับกระทัดรัดเท่านั้น
ทั้งนี้ กองทัพอากาศสวีเดน ได้ยึดถือหลักนิยมเรื่องการกระจายกำลังพล มาตั้งแต่สมัยสงครามเย็นแล้ว เนื่องจากตระหนักได้ว่า เครื่องบินรบและสนามบินหลัก คือ “เป้าหมายแรก” ที่จะถูกผู้รุกรานโจมตีเพื่อหวังสร้าง “ความได้เปรียบในการรบ”
ด้วยเหตุนี้ กองทัพสวีเดน จึงได้คิดค้นกลยุทธ์ให้เครื่องบินรบ สามารถกระจายการขึ้นบินได้จากหลายๆสถานที่ในประเทศพร้อมๆกัน จากขีดความสามารถบินขึ้นและลงรันเวย์ ที่มีขนาดกว้างเพียง 16 เมตร และยาวเพียง 800 เมตร ไม่ว่าจะเป็น บนพื้นถนน หรือ สนามบินเอกชนขนาดเล็ก ในประเทศได้
ซึ่งจากรายงานเบื้องต้น คาดว่า มีถนนมากกว่า 50 แห่งในประเทศสวีเดน ที่สามารถรองรับการถูกใช้เป็นสนามบินชั่วคราวสำหรับเครื่องบินรบกริพเพนได้
ขณะเดียวกัน เมื่อสามารถใช้ถนนสำหรับการบินขึ้นและลงในสนามรบได้แล้ว อาวุธและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงต้อง “ตอบสนอง” ต่อแนวคิดนี้ด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ คุณเชื่อหรือไม่? ว่า…
เครื่องบินรบกริพเพน 2 ลำ ที่ออกปฏิบัติภาระกิจ 2 สัปดาห์ ต้องการการสนับสนุนด้านการซ่อมบำรุง เติมเชื้อเพลิง และติดตั้งอาวุธใหม่ ซึ่งบรรทุกอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน ขนาด 20 ฟุต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีกเพียง 6 หรือ 7 คนเท่านั้น!
โดยในช่วงเวลาปกติ ตู้คอนเทนเนอร์เหล่านั้น จะอยู่ตามฐานทัพอากาศต่างๆในประเทศสวีเดน แต่เมื่อใดก็ตามที่ถูกรุกราน ตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดจะถูกนำไปติดตั้งกับรถบรรทุก เพื่อกระจายตัวเคลื่อนที่ ไปยังถนนสายต่างๆ เพื่อสนับสนุนการขึ้นบินของกริพเพน และ “หลบเลี่ยง” การถูกระบุตำแหน่งที่ชัดเจนจากฝ่ายตรงข้ามด้วย

Gripen VS F-35 :
“วอลเตอร์ โควาสกี้” อดีต Project Manager ของ นาโต ให้ความเห็นกับสื่อตะวันตก ที่บ่งชี้ถึงความแตกต่างระหว่างเครื่องบินรบ กริพเพน และ F-35 เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า…
“เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือ ในด้านการออกแบบ F-35 เหมือนรถยนต์เฟอร์รารี ส่วน กริพเพน เหมือนกับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค และทั้งคู่ไม่สามารถถูกนำมาเปรียบเทียบกันได้ เนื่องจากถูกออกแบบมา เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน
Sabb ออกแบบให้ กริพเพน สามารถติดตั้งอาวุธได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธระยะไกลและระยะสั้น หรือแม้กระทั้งขีปนาวุธนำวิถี ด้วยเหตุนี้ ประเทศใดที่ซื้อกริพเพนไป ย่อมสามารถนำอาวุธที่มีอยู่ ปรับใช้กับมันได้ทันที
ขณะเดียวกัน ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุงเครื่องบินกริพเพน นั้น นอกจากสามารถหาซื้อได้ง่ายแล้ว ยังมีราคาประหยัดกว่า F-35 มากอีกด้วย และไม่เพียงเท่านั้น Sabb ยังยินดีที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับประเทศที่ซื้อกริพเพน เพื่อให้สามารถ พัฒนา ผลิต และ ซ่อมบำรุง เครื่องบินรบรุ่นนี้ ให้สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานถึง 40 ปี ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่ของบริษัทอีกด้วย
ขณะเดียวกัน อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ ของ นักวิจัยจากสถาบันเพื่อสันติและการทูต (Institute for Peace & Diplomacy) หรือ IPD ได้ให้ความเห็นในประเด็นเดียวกันนี้ว่า...
หากไม่นับ “คุณสมบัติล่องหน” และขีดความสามารถสำหรับทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างหลากหลาย แล้ว “กริพเพน” โดดเด่นกว่า F-35 ทั้งในเรื่องที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 2,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่ F-35 ทำความเร็วได้สูงสุด 1,900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

นอกจากนี้ กริพเพน ยังมีระยะบินสำหรับการปฏิบัติภาระกิจ และบรรจุเชื้อเพลิงได้มากกว่า F-35 ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องบินรบสัญชาติสวีเดน ยังมีค่าใช้จ่ายต่อการปฏิบัติภาระกิจ ระหว่าง 4,700 - 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อชั่วโมง (150,000 - 230,000 บาท) ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับ F-35 นั้น มีค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ สูงถึง 33,000 - 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อชั่วโมง! (1,000,000 - 1,300,000 บาท)
และไม่เพียงเท่านั้น “กริพเพน” ยังสามารถกลับคืนสู่ภารกิจได้เร็วกว่า F-35 อีกด้วย เนื่องจากใช้เวลาสำหรับการเตรียมการเพื่อกลับคืนสู่ภารกิจใหม่เพียงประมาณ 20 นาที ในขณะที่ F-35 ต้องใช้เวลาสำหรับการเตรียมการถึง 3 ชั่วโมง
ดังนั้น หากประเทศใด ต้องการเครื่องบินรบที่มีคุณสมบัติล่องหน “กริพเพน” จึงไม่ใช่ “คำตอบ” อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี หากประเทศใด ต้องการมี F-35 เอาไว้ประจำการ ปัจจัยสำคัญที่สุด ที่ต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรกก็คือ “หากปราศจากการสนับสนุนของสหรัฐแล้ว เทคโนโลยีอันซับซ้อนของ F-35 จะไร้ซึ่งประโยชน์ สำหรับการป้องกันน่านฟ้าของตัวเองอย่างแน่นอน”
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
อาวุธข่มขวัญทางยุทธศาสตร์ เครื่องบินล่องหน B-2 Spirit (ชมคลิป)
เรียนรู้ถึงตัวตนของฮุนเซน ผ่านการดิ้นรนเพื่อไปสู่อำนาจ (ชมคลิป)
ย้อนรอย จลาจลเผาสถานทูตไทย บทเรียนข่าวเท็จ กัมพูชา ปี2546 (ชมคลิป)
ย้อนสงครามไทย-กัมพูชา 2554 BM 21 VS ปืนใหญ่ “บิ๊กตู่” ลั่น อยากรบก็รบ! (ชมคลิป)
เมื่อวิกฤตหนี้สิน47,000ล้านเยน ถูกแก้ไขด้วยใจนักสู้ของเราทุกคน
You might be intertested in this news.
Mostview
รีวิวหนัง “อ่านชะตาวันสิ้นโลก” CG อลังก์ หนังมันส์แบบ nonstop
ดูมาแล้ว สำหรับ หนังฟอร์มยักของเกาหลี “อ่านชะตาวันสิ้นโลก” หรือ Omniscient Reader: The Prophecy หนังที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล โดยดัดแปลงเนื้อหามาจาก “มังฮวา” ชื่อดัง ที่มีการเขียนลงในเว็บโนเวล
กองทัพอากาศ แจงข่าวสวีเดนปฏิเสธขาย Gripen ให้ไทย เป็นเฟคนิวส์ฝั่งกัมพูชา
กองทัพอากาศ ยืนยัน ข่าวกรณี สื่อของกัมพูชารายงานอ้างว่า สวีเดนระงับการขายเครื่องบินขับไล่ Gripen เพิ่มเติม ให้กับไทยทั้งหมด “ข่าวบิดเบือนความจริง” โครงการดังกล่าว ยังคงอยู่ในระหว่างกระบวนการจัดซื้อ
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ส.ค.2025)
8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ส.ค.2025)
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (4ส.ค.68) มีโอกาสดีดตัวระยะสั้น
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (4ส.ค.68) มีโอกาสดีดตัวระยะสั้น
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (30ก.ค.68) มีสัญญาณบวกเล็กน้อย
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (30ก.ค.68) มีสัญญาณบวกเล็กน้อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
