เมื่อวิกฤตหนี้สิน47,000ล้านเยน ถูกแก้ไขด้วยใจนักสู้ของเราทุกคน
by Trust News, 16 มิถุนายน 2568
เมื่อวิกฤตหนี้สิน47,000ล้านเยน ถูกแก้ไขด้วยใจนักสู้ของเราทุกคน
“คุณ” จะทำอย่างไร?
หากจู่ๆ “คุณ” ซึ่งอยู่ในฐานะ “น้องเขย” เกิดได้รับมอบหมาย ให้ทำหน้าที่ประธานบริษัท รุ่นที่ 4 หากแต่ บริษัทที่ว่านี้ ดันมี “กองหนี้สิน” รวมดอกเบี้ย ที่มีมูลค่ามากกว่า 47,000 ล้านเยน! (10,645ล้านบาท) จากการบริหารของ “ครอบครัวของผู้ก่อตั้ง!” จนถึงขั้นบรรดาสถาบันการเงิน ไม่ยอมปล่อยกู้ให้กับบริษัทอีกต่อไป
แต่ “คุณ” เชื่อหรือไม่? โจทย์สุดหินที่ว่านี้ กลับมี “มนุษย์คนหนึ่ง” ที่ ณ เวลานั้น มีอายุ 60 ปี และอยู่ในฐานะลูกหม้อของบริษัท เนื่องจาก ได้เริ่มต้นการทำงานกับบริษัท มาตั้งแต่ ตำแหน่งพ่อครัว , พนักงานบริการ , พนักงานขาย และ หัวหน้าแผนกฝ่ายขาย
กลับใช้เวลาเพียง 6 ปี พลิกฟื้นธุรกิจที่เจียนล้มละลายนี้ ให้กลับมา กลายเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการอันแข็งแกร่ง และมียอดขายสูงถึง 84,700 ล้านเยน (19,184ล้านบาท) ต่อปีได้สำเร็จ
อะไร คือ “กลยุทธ์สำคัญ” ที่ ชายผู้นี้ ซึ่งมีชื่อว่า “ทาคายูกิ โอฮิงาชิ” (Takayuki Ohigashi) ประธานรุ่นที่ 4 ของบริษัทโอโช ฟู้ด เซอร์วิส (Ohsho Food Service) เชนร้านอาหารชื่อดังระดับประเทศของญี่ปุ่น “เกี๊ยวซ่า โอโช” (Gyoza Ohsho) ซึ่งปัจจุบันมีสาขารวมกันมากกว่า 500 สาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ นำมาใช้ กับ “องค์กรที่เกือบล่มสลาย”
จนกระทั่ง กลับมากลายเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งได้อีกครั้ง วันนี้ “เรา” มีเรื่องราวดีๆและน่าสนใจ จากประเทศญี่ปุ่น มาฝาก “คุณ” กันอีกแล้วในวันนี้

Takayuki Ohigashi :
“ผมคิดว่า การใช้จิตวิญญาณความเป็นนักสู้ของพนักงานในแบบญี่ปุ่นโบราณ มาเป็นทรัพยากรอันสำคัญในการบริหารกิจการ คือ หัวใจสำคัญของความสำเร็จ นั่นเป็นเพราะ ไม่มีอะไรจะสำเร็จได้ หากปราศจากการเติบโต ของ ผู้คน”
ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่น เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2009
“ทาคายูกิ โอฮิงาชิ” อดีต ประธานรุ่นที่ 4 ของ บริษัทโอโช ฟู้ด เซอร์วิส (Ohsho Food Service) เชนร้านอาหารชื่อดังระดับประเทศ “เกี๊ยวซ่า โอโช” (Gyoza Ohsho) เกิดที่เมืองโอซาก้า ในปี 1941
โดยในช่วงเริ่มต้นนั้น ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ เรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจครั้งแรก ตั้งแต่เรียนจบด้านบัญชี ในระดับวิทยาลัยที่ Kansai Accounting College หลังได้รับช่วงกิจการขายถ่าน ฟืน และ น้ำแข็ง จาก พี่เขย “อาซาโอะ คาโตะ” ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานรุ่นที่ 1 ของ บริษัทโอโช ฟู้ด เซอร์วิส ที่ในเวลานั้น เริ่มหันไปจับธุรกิจร้านอาหาร
โดย “ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ” ยอมรับว่า การต้องปั่นจักรยาน ไปส่งสินค้าให้กับลูกค้าในทุกๆวัน แม้จะเป็นสิ่งที่ “จำเจและน่าเบื่อ” หากแต่ “ผลตอบแทนอันงดงาม” นั้น ทำให้เขาสามารถสนุกกับชีวิตวัยหนุ่มได้อย่างเต็มที่ จนกระทั่งรู้สึกกระตือรือล้นที่อยากจะทำงานหนัก ในทุกๆวัน
ขณะเดียวกัน อีกสิ่งหนึ่งที่เขา “ค้นพบ” จากการทำงานหนักดังกล่าว ก็คือ การได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่หลากหลาย ทำให้สามารถเรียนรู้ ได้ว่า หัวใจสำคัญของการค้าขาย คือ ต้องบริหารจัดการ ความสัมพันธ์ระหว่างสินค้าและผู้บริโภค ให้สมเหตุสมผล”

เริ่มต้นจากพนักงานระดับล่าง สำคัญอย่างไร? :
หลังพี่เขย ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทโอโช ฟู้ด เซอร์วิส เปิดร้านเกี๊ยวซา สาขาแรกที่เกียวโต ในปี 1967 สองปีถัดมา “ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ” จึงได้ถูกดึงตัวมาร่วมงาน โดยเริ่มต้นการทำงาน ตั้งแต่ระดับล่าง และหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งพ่อครัว , พนักงานบริการ , พนักงานขาย จนกระทั่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็น หัวหน้าแผนกฝ่ายขาย และ รองประธานบริษัทในปี 1995
โดย ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ พูดถึงความสำคัญ ในช่วงเริ่มต้นการทำงาน ตั้งแต่ระดับล่าง เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า...
“การบริหารจัดการใดๆ นั้น ไม่ได้หมายถึง การดูเพียงแค่ตัวเลขหรือเอกสาร เพราะการที่คุณจะบริหารงานได้นั้น คุณจะต้องเข้าใจงาน ที่ตัวเองทำทั้งหมดเสียก่อน
ผมมองเห็นในโรงงานว่า เครื่องจักรแต่ละเครื่องกำลังทำงานอย่างไร ผู้คนในร้านอาหารกำลังเคลื่อนไหวอย่างไร ทุกอย่างมันผุดขึ้นมาเองในความคิดของผมเหมือนกับภาพถ่าย”
นอกจากนี้ การได้เริ่มต้นการทำงาน ตั้งแต่พนักงานระดับล่าง ยังทำให้ ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ ได้เรียนรู้อีกหนึ่งความสำคัญ ในการทำธุรกิจด้วย นั่นก็คือ... การเรียนรู้ การทำสงครามในสมรภูมิที่แท้จริง นั้น ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจ กับการทำงานเป็นทีม และทุ่มเทอย่างสุดตัว ในแบบเหงื่อไหลไคลย้อยไม่แพ้กัน ของ บรรดาพนักงานระดับล่างด้วย
และประเด็นนี้เอง ที่ในเวลาต่อมา กลายเป็นปรัชญาการทำธุรกิจ อันแสนโด่งดังประจำตัว ของเขา ที่ว่า “ลูกค้าคืออันดับหนึ่ง พนักงานคือลำดับถัดมา ส่วนผมที่เป็นประธานบริษัท อยู่ในลำดับล่างสุด”
กลยุทธ์แก้ไขหนี้สิน 47,000 ล้านเยน :
หลังการบริหารงานอันล้มเหลว จนมีหนี้สินก้อนโต รวมดอกเบี้ย ถึง 47,000 ล้านเยน ของ ประธานรุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรชายของผู้ก่อตั้ง ในช่วงปี 2000
ในที่สุด “ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ” จึงได้ถูก คณะกรรมการบริษัท แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทโอโช ฟู้ด เซอร์วิส เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในเดือนเมษายน ปี 2000
โดยประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ ได้กล่าวถึงวิกฤต ณ ช่วงเวลานั้น กับ สื่อญี่ปุ่น ในปี 2009 เอาไว้ว่า...
“ผมไม่เคยมีความคิด ที่อยากจะเป็นประธานบริษัทเลย ผมเพียงแต่คิดว่า นี่คือ ชะตากรรมของผม และผมจะไม่ยอมให้บริษัทโอโช ฟู้ด เซอร์วิส ของเรา ต้องล้มละลายอย่างแน่นอน”
โดยสิ่งแรกที่ ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ ลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหา คือ การเรียกร้องจิตใจนักสู้จากเหล่าพนักงานทุกคน ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา!
“ผมเชื่อจริงๆว่า เมื่อผู้คนรวมกันเป็นหนึ่ง พวกเขาจะแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะทำงานหนัก”
จากนั้น ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ จึงได้ลงมือแก้ไขปัญหาทางการเงินของบริษัท ที่จมไปด้วยกองหนี้สิน และไม่มีสถาบันการเงินใดยอมปล่อยเงินกู้ ด้วยการทยอยปิดร้านค้า มากกว่า 30 แห่งที่ผลประกอบการไม่ดี รวมถึงจำหน่ายทรัพย์สินส่วนเกิน ของ บริษัท ภายใน 2 ปี
อย่างไรก็ดี การปรับโครงสร้างทางการเงินครั้งใหญ่ดังกล่าว กลับไม่มีการปรับลดพนักงาน ลงแต่อย่างใด โดยประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ ให้เหตุผลถึงการตัดสินใจในครั้งนั้นเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า...
“เราไม่ได้คิดถึงเรื่องการปรับโครงสร้าง เพราะบริษัทจะอยู่ได้ ก็เพราะพนักงานที่ทำงานให้เราและครอบครัวของพวกเขา และแม้บริษัทจะประสบปัญหาทางการเงิน ในเวลานั้น แต่เรา ก็จ่ายโบนัสให้กับพนักงาน นอกเหนือจาก โบนัสฤดูร้อนและฤดูหนาว ถึงแม้ว่า มันจะเป็นเงินเพียงเล็กน้อยก็ตาม เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะสร้างบริษัทขึ้นมาใหม่ โดยไร้ซึ่งพนักงาน”
และด้วยการให้ความสำคัญ กับ พนักงานเป็นลำดับแรกนี้เอง จึงทำให้บรรดาพนักงานของบริษัททุกคน พร้อมใจกันทำงานหนัก จากเดิมถึง 2 เท่า ให้กับ ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ เพื่อร่วมฟันฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

การกลับคืนสู่พื้นฐาน :
หลังสามารถรวมใจเหล่าพนักงาน ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว สิ่งที่ ประธานบริษัทโอโช ฟู้ด เซอร์วิส รุ่นที่ 4 ลงมือทำในลำดับถัดมา คือ “การกลับคืนสู่พื้นฐาน” หลังได้พบว่า การขยายสาขาออกไปจำนวนมาก โดยละเลยเรื่องรสชาติของอาหาร เพื่อมุ่งเน้นไปที่ “ผลกำไร” เพียงอย่างเดียว ในยุคที่ผ่านมา นั้น…
ได้ทำให้ “จุดแข็ง” เรื่องรสชาติความอร่อยของเกี๊ยวซา และเมนูอาหารต่างๆ ค่อยๆจางหายไปจากความทรงจำ ของ บรรดาลูกค้า
ด้วยเหตุนี้ ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ จึงสั่งปรับปรุงร้านค้าทั้งหมด โดยการให้ “ทำครัวแบบเปิด” ในร้านสาขาต่างๆ เพื่อให้ลูกค้า สามารถมองเห็นและสัมผัสกับกลิ่นของการปรุงอาหาร และการห่อเกี๊ยวซ่า ได้อย่างชัดเจน รวมถึง ยังให้หยุดใช้อาหารสำเร็จรูป จากครัวกลาง มาเสิร์ฟให้กับลูกค้า ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการเซ็ทระบบข้อมูลการใช้วัตถุดิบ สำหรับการตรวจสอบบรรดาสาขาต่างๆว่า ได้ใช้จำนวนวัตถุดิบ สำหรับการปรุงอาหาร ที่ตรงกับสูตรดั้งเดิมของสาขาใหญ่หรือไม่ด้วย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจว่า รสชาติของ “เกี๊ยวซ่า โอโช” จะเหมือนกันทุกสาขา
การมอบความไว้วางใจ :
การให้ความสำคัญกับ “พนักงาน” เป็นลำดับแรก ของ ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ นั้น มีอีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจ นั่นก็คือ “การมอบความไว้วางใจ” นั่นเป็นเพราะเขาคิดว่า “สำหรับอุตสาหกรรมร้านอาหาร นั้น ยอดขายของแต่ละสาขานั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารงานและการตัดสินใจของ “ผู้จัดการร้านอาหาร” เป็นสำคัญ
ด้วยเหตุนี้ “เกี๊ยวซ่า โอโช” จึงให้ความสำคัญ กับการฝึกอบรม “ผู้จัดการร้าน” เป็นลำดับแรกสุด โดย ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ ให้เหตุผลถึงประเด็นนี้ เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า…
“แม้ว่าอำนาจจะถูกส่งมอบ ให้กับคุณได้ แต่คุณ ก็ต้องสร้างอำนาจนั้น ด้วยตัวเองเช่นกัน เพราะพนักงานระดับล่าง จะไม่ทำตามที่คุณบอก เว้นเสียแต่ว่า คุณ จะสามารถขัดเกลาการสื่อสาร ทัศนคติ บุคคลิกภาพ และการกระทำต่างๆกับคนรอบข้าง ได้ดีมากพอ”
ดังนั้น ผู้จัดการร้านต่างๆ จะถูกเรียกไปฝึกอบรม เรื่องการพัฒนาตัวเอง และการเอาใจใส่ผู้อื่น เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ในหน้าที่ของตัวเอง อย่างเข้มข้นทุกๆ 2 เดือน
“เมื่อผู้จัดการร้านเปลี่ยน บรรยากาศในร้านของเรา ก็จะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน และมันจะกลายเป็นร้านที่พนักงานทุกคนภาคภูมิใจ และเมื่อพนักงานภาคภูมิใจ รวมถึงสนุกไปกับการทำงาน การผลักดันนโยบายต่างๆของบริษัท ก็จะถูกส่งมอบต่อไป จนถึงผู้บริโภคทุกคน ได้อย่างแน่นอน”

ตรวจสอบและควบคุมด้วยตัวเอง :
ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ จะเดินทางมาถึงสำนักงานใหญ่ ในเวลา 06.00 น. ก่อนจะเริ่มการทำงานในทุกๆวัน จากนั้น ในเวลา 09.00 น. ประธานรุ่นที่ 4 จะเริ่มตรวจสอบอีเมล์ ซึ่งเป็นข้อมูลเรื่องยอดขาย ตัวเลขค่าแรงและต้นทุน จาก บรรดาผู้จัดการสาขาต่างๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด
และเมื่อใดก็ตาม ที่พบกับ “ความผิดปกติ” เขาจะรีบโทรศัพท์ หรือ ไปพบกับผู้จัดการร้านเหล่านั้น ด้วยตัวเองทันที เพื่อหารือถึงสาเหตุและจุดบกพร่องต่างๆ พร้อมกับ คำถามสำคัญอย่างชนิดตรงไปตรงมาที่ว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่?” และ "คุณไม่มีความคิดของตัวเองเลยหรือ ว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร?”
โดยเมื่อพูดคุยกันอย่างเปิดอก ถึง สาเหตุและวิธีการแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นลงแล้ว หากผู้จัดการสาขา ต้องการสิ่งใด สำหรับแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น พ่อครัวไม่เก่ง หรือ การบริหารจัดการต้นทุนยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ พวกเขา จะได้รับการสนับสนุนสิ่งเหล่านั้น จาก บริษัทแม่โดยทันที!
“ร้านอาหาร คือ ด่านหน้าในสมรภูมิอุตสาหกรรมอาหาร ดังนั้น ร้านอาหารที่นำโดยผู้จัดการ , พนักงาน และคู่ค้าต่างๆ คือ ผู้ที่แสดงบทบาทอันสำคัญ ต่อหน้า ผู้บริโภค
ด้วยเหตุนี้ หากพวกเขา สามารถทำได้ดีมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ผู้บริโภคก็จะยิ่งรู้สึกพึงพอใจ กับบริษัทมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ดังนั้น บริษัทจึงต้องสนับสนุนพวกเขา จากเบื้องหลังให้ได้ดีที่สุด และแน่นอนว่า หากใครที่สามารถทำเช่นนั้นได้ พวกเขาก็จะได้รับ การขอบคุณ จากบริษัทอย่างเหมาะสมด้วย”
ซึ่ง “การขอบคุณ” จากบริษัทที่ว่านี้ ก็คือ “เงินโบนัส” นั่นเอง โดย ณ สิ้นสุดเดือนมีนาคม ปี 2009 นั้น สื่อในประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า บริษัทโอโช ฟู้ด เซอร์วิส ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกือบล้มละลาย มียอดขายที่สูงเป็นประวัติการณ์ ถึง 54,900 ล้านเยน (12,000ล้านบาท)
จนกระทั่ง สามารถจ่ายโบนัส ให้กับเหล่าพนักงาน มากเป็นสองเท่า จากโบนัสที่เคยได้รับในช่วงเวลาปกติ ได้สำเร็จ!
ทัศนคติลูกค้าคืออันดับหนึ่ง :
“สิ่งที่ผมมักเน้นย้ำกับ พนักงานของเราทุกคน คือ การแสดงความขอบคุณลูกค้าทุกคน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การให้บริการในลักษณะที่แสดงออกทางสีหน้าว่า “คุณลูกค้ามาแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็มา
ซึ่งประเด็นนี้ จะต้องไม่เว้นแม้แต่ ในช่วงเวลาที่มี ลูกค้าจำนวนมากแห่มาใช้บริการ เพราะหากพนักงานแสดงอาการหงุดหงิดออกมา แม้แต่เพียงเล็กน้อย นอกจากจะทำให้ลูกค้า ไม่อยากสั่งอาหารเพิ่มเติมแล้ว มันยังมักมีผลให้ลูกค้ารู้สึกว่า อาหารที่กำลังกินอยู่ ไม่อร่อยตามมาด้วย
นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่ง ที่พนักงานทุกคนจะต้อง ไม่ลืม คือ มุมมองของลูกค้า ที่มีต่อ พนักงาน นั่นคือ แม้ว่า พนักงานของเรา จะได้รับอนุญาตให้สามารถปรุงอาหารกินเองได้ แต่เรา จะไม่อนุญาตให้พนักงานนำวัตถุดิบต่างๆ เช่น หมู หรือ กุ้ง ใส่ปรุงอาหารมากเกินกว่า เมนูที่เสิร์ฟให้กับลูกค้าอย่างเด็ดขาด เพราะสิ่งนั้น อาจทำให้ ลูกค้า เกิดความรู้สึกที่ไม่ได้กับพนักงานและร้านของเราได้
ประธานทาคายูกิ โอฮิงาชิ ให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่น ในปี 2009 หลัง บริษัทโอโช ฟู้ด เซอร์วิส กลายเป็นผู้ชนะเพียงไม่กี่รายในธุรกิจร้านอาหาร ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำของประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี “ท่านประธาน” ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็น ประธานผู้ทรงเสน่ห์และเป็นที่รักใคร่ของบรรดาพนักงานทุกคน ก็ได้สิ้นสุด “ตำนานการบริหารธุรกิจอันน่าจดจำ” ไปอย่างน่าเสียดาย หลังถูก “ลอบสังหารโดยสมาชิกแก๊งยากูซ่าชื่อดัง” ที่หน้าบริษัทของตัวเอง ในช่วงเช้าตรู่ ของ วันที่ 19ธ.ค.2013
ท่ามกลาง “ปริศนา” ที่ ณ จนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงเป็น "ความลับดำมืด" ที่ว่า….อะไรคือสาเหตุที่นำไปสู่การ “ปลิดชีพ” ท่านประธานผู้ใจดีและเก่งกาจท่านนี้
ดังที่ “เรา” ได้ เคยนำมาเล่าให้ “คุณ” ได้รับชมใน “คลิปแรก” ที่มีชื่อตอนว่า “ปลิดชีพประธานโอโชฟู้ดเซอร์วิส ปริศนาคดีดังญี่ปุ่นที่ยังรอคำตอบ” กดรับชม คลิป
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
เป็นโค้ชกับว่ายน้ำเองไม่เหมือนกัน มุมคิด คนจับปลา ชื่อ ตี๋ เว่ยเจี๋ย (ชมคลิป)
นักเรียนนักเลง สู่บัณฑิต UC.Berkeley ความตั้งใจของคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง (ชมคลิป)
เพราะอะไรลิเวอร์พูลจึงยอมจ่ายแพง กับเบอร์10 ที่ชื่อ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์
สำรวจ5ปัญหาของแมนยูฯ ที่นำไปสู่ฤดูกาลแห่งฝันร้าย (ชมคลิป)
เบื้องหลังความสำเร็จซอน เฮือง มิน พ่อ และทุกอย่างที่เริ่มจาก Basic (ชมคลิป)
You might be intertested in this news.
Mostview
โบอิ้ง 787 แอร์อินเดียแจ้ง "MAYDAY" ก่อนเครื่องตกใส่เขตชุมชนพร้อม 242 ชีวิต
เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ส ของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค ตกกระแทกพื้นกลางย่านชุมชน หลังเพิ่งออกจากสนามบินพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 242 คนบนเครื่อง ทั้งนี้ มีรายงานว่านักบินแจ้งฉุกเฉิน เมย์เดย์ ก่อนร่วงพื้น
พร้อมตั้งแต่เมื่อวาน ทอ.โชว์ติดระเบิดนำวิถี KGGB เขี้ยวเล็บ เอฟ-16 ฝูง 103 โคราช
กองทัพอากาศไทย เผย วิดีโอคลิปบนเฟซบุ๊ก โชว์การติดตั้งอาวุธให้กับเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ฝูงบิน 103 นครราชสีมา ทั้งการโหลดกระสุนขนาด 20 มม.การติดตั้งมิสไซล์นำวิถีไซด์วายเดอร์ และ อาวุธใหม่ ระเบิดร่อนนำวิถีด้วย GPS แบบ KGGB ที่ซื้อจากเกาหลีใต้
"ตั๊ก - สุนารี - ฮาย” 3 เพื่อนซี้พร้อมฟาด! ใน “สามตัวบน คอนเสิร์ต”
ตั๊ก - สุนารี - ฮาย” 3 เพื่อนซี้พร้อมฟาด! ใน “สามตัวบน คอนเสิร์ต” จองบัตร 14 มิถุนายนนี้ ....
เป็นโค้ช กับ ว่ายน้ำเองไม่เหมือนกัน มุมคิด คนจับปลา ชื่อ ตี๋ เว่ยเจี๋ย (ชมคลิป)
เป็นโค้ช กับ ว่ายน้ำเองไม่เหมือนกัน มุมคิด คนจับปลา ชื่อ ตี๋ เว่ยเจี๋ย (ชมคลิป)
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (10มิ.ย.68) เก็งทําไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (10มิ.ย.68) เก็งทําไรในกรอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
