วันเสาร์, ธันวาคม 6, 2568

ความแค้นและชีวิตแบบรถไฟเหาะ ของหญิงสาวผู้เป็นศัตรู Tinder

by Trust News, 3 ธันวาคม 2568

ความแค้นและชีวิตแบบรถไฟเหาะ ของหญิงสาวผู้เป็นศัตรู Tinder

คุณรู้หรือไม่? การเลิกรากับแฟนเก่า ที่นำไปสู่ การถูกขับไล่ไสส่งออกจากบริษัท และไม่มีแม้แต่สิทธิ ที่จะถูกเรียกว่า “เคยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง” แอฟพลิเคชันหาคู่ชื่อดังอย่าง Tinder

รวมไปจนกระทั่งถึงการได้สัมผัสกับประสบการณ์ผู้ใช้งานอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งได้รู้ว่า… “ผู้หญิงที่ใช้แอพพลิเคชันหาคู่มากถึง 56% มักต้องเผชิญหน้ากับประสบการณ์สุดเลวร้ายในการใช้งาน จากพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ของ “ฝ่ายชาย”

หากแต่ทั้งหมดนั้น กลับทำให้ ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเกือบได้ชื่อว่า เป็น “ผู้พ่ายแพ้” พลิกกลับมากลายเป็น “ผู้ชนะ” ได้ในที่สุด

“หลังจากดิฉัน ออกจาก Tinder บทความมากมายถูกนำเสนอสู่สาธารณชนว่า ดิฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉะนั้น มันจึงมีทางเดียวที่จะสามารถพิสูจน์ให้คนเหล่านั้นเห็นว่ากำลังคิดผิด นั่นก็คือ ดิฉันต้องทำมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”

และจากนี้ไป คือ วิธีคิดของ “ผู้เคยแพ้” ที่ช่วยให้สามารถพลิกตัวเอง จนกลายมาเป็น “ผู้ชนะ” ที่มีชื่อว่า “วิตนีย์ วูล์ฟ” (Whitney Wolfe) CEO Bumble แอฟพลิเคชันหาคู่ และคู่แข่งสำคัญ ของ “Tinder”

ดรามาถูกขับออกจาก Tinder :

วิตนีย์ วูล์ฟ ทำงานที่ Tinder ในฐานะรองประธานฝ่ายการตลาด โดยทำหน้าที่โดยตรงในการดูแลลูกค้า ซึ่งกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่เธอ พุ่งเข้าหาเป็นลำดับแรก คือ เหล่านักศึกษามหาวิทยาลัย และเพื่อให้ แอฟพลิเคชันหาคู่น้องใหม่ ในเวลานั้น อย่าง Tinder กลายเป็นที่จดจำ ของคนหนุ่มสาวโดยเร็วที่สุด

วิตนีย์ วูล์ฟ จึงเลือกใช้โฆษณาเชิงรุก กับ “กลุ่มเป้าหมาย” ด้วยการใช้สายสัมพันธ์ส่วนตัว กับ สโมสรนักศึกษาหญิงทั่วประเทศ บุกเข้าถึงตัวนักศึกษาทั้งหญิงและชายตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นเวลาร่วม 2 ปี เพื่อทำให้ Tinder กลายเป็นที่รู้จักโดยเร็วที่สุด

“ฉันกระโดดเข้าไปในนั้นและบังคับให้ทุกคน Download Tinder และมันก็เป็นไปตามนั้น”

นอกจากนี้ เธอยังเลือกใช้กลวิธีเรียกร้องความสนใจจาก กลุ่มเป้าหมาย ด้วยการคัดเลือกรูปภาพหนุ่มสาวน่าตาดีมีระดับ ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ มาใช้ในการประชาสัมพันธ์ ตามไนต์คลับและบาร์ซึ่งเป็นที่นิยมของเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยอีกด้วย

และวิธีการแบบ “ถึงลูกถึงคน” นี้เอง ที่ทำให้ในเวลาต่อมา “นิยามปัดขวาคือเธอ” และ Tinder เข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของเหล่าคนหนุ่มสาวได้ในที่สุด

อย่างไรก็ดี ปัญหาการเลิกราระหว่าง วิตนีย์ วูล์ฟ และ จัสทีน มาทีน (Justin Mateen) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง ที่นำไปสู่การฟ้องร้องชุลมุนวุ่นวายในประเด็นเรื่องการคุกคามทางเพศ กับ อดีตแฟนหนุ่ม

ก่อนจะไปจบลง ที่การยอมรับ “ข้อตกลงระงับคดีนอกศาล” เพื่อแลกกับเงินชดเชย 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บวกกับหุ้นจำนวนหนึ่ง รวมถึง ยอมรับคำสั่งห้ามพูดถึงประสบการณ์ใดๆที่เกี่ยวข้องกับ Tinder และจะไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็น “หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง” ก็ได้ทำให้ เธอ ต้องเก็บกระเป๋าเดินออกจาก Tinder ที่ในเวลานั้นกำลังประสบคามสำเร็จอย่างสูง อย่างสุดขมขื่น!

เริ่มต้นนับหนึ่ง :

ประสบการณ์การเลิกราในแบบจบไม่สวย กับ อดีตแฟนหนุ่ม รวมถึง การทำงานแบบถึงลูกถึงคนกับ Tinder ทำให้ “วิตนีย์ วูล์ฟ” ตระหนักถึง “ข้อมูลสำคัญ” ที่นำไปสู่ “ความสำเร็จ” ของเธอในเวลาต่อมา

นั่นคือ “ประสบการณ์การใช้งานแอพพลิเคชั่นหาคู่” ของ “ผู้หญิง” จำนวนมาก มักต้องพบเจอกับ พฤติกรรมสุดเลวร้ายของ “ฝ่ายชาย” ไม่ว่าจะเป็น ข้อความทางเพศที่ไม่ได้ร้องขอ รวมถึง รูปภาพโป๊ที่ไม่ต้องการ!

ซึ่งสอดคล้อง กับ ผลสำรวจของ Pew Research ในปี 2023 ที่ระบุว่า ผู้หญิงที่ใช้งานแอพพลิเคชันหาคู่ ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี มากถึง 56% ของกลุ่มตัวอย่าง เคยได้รับข้อความคุกคามทางเพศ และ รูปโป๊ ในขณะที่มากถึง 43% เคยได้รับการติดต่อที่ไม่พึงประสงค์อย่างต่อเนื่อง ส่วนอีก 37% เคยถูกเรียกด้วยชื่อที่ไม่เหมาะสม

และประเด็นนี้เอง ทำให้ “วิตนีย์ วูล์ฟ” สรุปได้ว่า นี่คือ “วัฒนธรรมด้านมืดที่กำลังแผ่ขยายตัวออกไป จนกระทั่ง ทำลายสุขภาพจิตและการยอมรับนับถือในตัวเองของผู้หญิงทั่วโลก”

ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจเปิดบริษัทใหม่ เพื่อสร้างแอพพลิเคชันหาคู่ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประโยชน์กับฝ่ายหญิงเป็นลำดับแรก และมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศสตรี ให้กลายเป็นจริงขึ้นมา ภายใต้ชื่อ “บัมเบิ้ล” (Bumble)

อย่างไรก็ดีแม้ “วิตนีย์ วูล์ฟ” จะยืนยันผ่านสื่อ มาโดยตลอดว่า การสร้าง “บัมเบิ้ล” ไม่ได้เกิดจากแรงแค้น เพื่อมุ่งหวังโค่นล้ม “Tinder” หากแต่ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง กับ นิตยสาร EllE ที่ระบุว่า

“หลังจากดิฉัน ออกจาก Tinder บทความมากมายถูกนำเสนอสู่สาธารณชนว่า ดิฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉะนั้น มันจึงมีทางเดียวที่จะสามารถพิสูจน์ให้คนเหล่านั้นเห็นว่ากำลังคิดผิด นั่นก็คือ ดิฉันต้องทำมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง”

ทำให้ หลายๆฝ่าย เชื่อว่า เป้าหมายสำคัญ ของ “วิตนีย์ วูล์ฟ” ย่อมหนีไม่พ้น การก้าวข้ามภูเขาสูงแห่งความแค้น ที่มีชื่อว่า “Tinder” อย่างแน่นอน

เพราะอะไร จึงชื่อ Bumble :

ในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ELLE ในปี 2017 “วิตนีย์ วูล์ฟ” ระบุว่า ชื่อนี้ได้รับการเสนอจาก หนึ่งในทีมกฎหมายของหุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยครั้งนั้นเธอให้เหตุผลเอาไว้ว่า เป็นชื่อที่เธอ ใช้เรียกสามีที่มักชอบทำอะไรซุ่มซ่ามอยู่เสมอๆ ซึ่งในตอนแรก “วิตนีย์ วูล์ฟ” เองรู้สึกไม่ชอบชื่อนี้เอาเสียเลย เนื่องจากมันดู “ไร้สาระเอามากๆ”

อย่างไรก็ดี เมื่อแม่ของหนึ่งในพนักงานบริษัท พูดขึ้นมาว่า เธอชอบชื่อ Bumble เพราะน่ารัก และยังคล้ายกับชื่อ ผึ้งตัวเมีย (Bumble bee) หรือ ราชินีผึ้ง (Queen bee) ซึ่งทำหน้าที่ผสมเกสร เพื่อสร้างสังคมให้มีความสุข “วิตนีย์ วูล์ฟ” จึงตัดสินใจเลือกชื่อ Bumble นี้ เป็นชื่อ แอพพลิเคชันใหม่ของเธอทันที

พลิกดีลให้กลายเป็นผู้ชนะ :

หลังก้าวพ้นจากชายคา Tinder ในช่วงแรก “วิตนีย์ วูล์ฟ” ได้ซุ่มพัฒนาโปรเจคแอพพลิเคชันหาคู่ ที่มีชื่อว่า เมอร์ซี (Merci) อย่างไรก็ดี เมื่อได้พบกับ “แอนเดรย์ แอนดรีฟ” (Andrey Andreev) ผู้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เน้นการหาคู่ ซึ่งมีชื่อว่า “บาดู” (Badoo) จากประเทศอังกฤษ ที่ในเวลานั้นมีผู้ใช้งานมากถึง 250 ล้านคนทั่วโลก ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!

เพราะ “วิตนีย์ วูล์ฟ” นอกจากจะปฏิเสธข้อเสนอของ “แอนเดรย์ แอนดรีฟ” ที่พยายามโน้มน้าวให้เธอ มาทำหน้าที่ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดให้กับ “บาดู” แล้ว เธอยังยื่นข้อเสนอให้ “พาร์ทเนอร์คนใหม่” ลงทุนให้กับ “โปรเจคเมอร์ซี” แทนอีกด้วย

ซึ่งหลังการหารืออย่างจริงจัง ในที่สุด ทั้งคู่ก็ได้พบกัน “ครึ่งทาง” ด้วยการที่ “แอนเดรย์ แอนดรีฟ” ตัดสินใจลงทุนให้กับโปรเจคใหม่ที่ชื่อว่า Bumble เป็นเงินก้อนโตถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแลกกับการถือหุ้น 79% ส่วน “วิตนีย์ วูล์ฟ” นอกจากจะได้ทำหน้าที่เป็น CEO และถือครองหุ้นในสัดส่วน 20% แล้ว ยังได้รับสิทธิในการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานและความรู้ทางเทคนิคของ “บาดู” ด้วย

ความสำเร็จที่รอคอย :

Concept อันแข็งแรงที่เน้นให้ผู้หญิงปลอดภัย และไม่น่าอึดอัด เมื่อใช้แอพลิเคชันหาคู่ ที่ว่า...

“ผู้ชายจะไม่มีเบอร์ของผู้หญิง แต่ผู้หญิงจะมีเบอร์ของผู้ชายตั้งแต่แรก และจะเป็นอย่างไร ถ้าฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน เป็นคนแรกในการส่งข้อความและถ้าเธอไม่ส่ง การจับคู่จะหายไปหลัง 24 ชั่วโมง เหมือนกับ ซินเดอเรลรา ฟักทองและรถม้า” นั้น ไม่เพียงแต่ จะเป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาสาวๆ แต่กับกลุ่มผู้ชายเอง ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน เนื่องจากมองว่า “นี่จะเป็นครั้งแรกที่ตัวเองไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน”

ด้วยเหตุนี้ หลังเปิดตัวในเดือนธันวาคม ปี 2014 เพียงปีแรกหลังการเปิดตัว Bumble ก็มียอดผู้ใช้งานถึง 1 ล้าน Users แล้ว ขณะที่ปัจจุบันในปี 2025 มียอด Active Users มากกว่า 50 ล้าน Users โดยในจำนวนนี้ เป็นผู้ใช้งานแบบพรีเมียม จ่ายค่าสมาชิก 24.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน รวม 2.8 ล้าน Subscribe ขณะที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 มีรายได้รวม 201 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การตัดสินใจเลือกที่ถูกต้อง :

หลัง Bumble กลายเป็นแอพพลิเคชันหาคู่ที่ร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ในช่วงระหว่างปี 2016 - 2018 มีรายงานว่า Match Group เจ้าของ Tinder ซึ่งในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของ interActiveCorp หรือ IAC (ก่อนจะแยกตัวจากกันอย่างสมบูรณ์ในปี 2020) ได้พยายามติดต่อ เพื่อขอซื้อ Bumble หลายครั้ง ด้วยมูลค่าระหว่าง 500 - 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

หากแต่ นอกจาก “วิตนีย์ วูล์ฟ” จะตอบโต้ด้วยการใช้ถ้อยคำ “เสียดสี” ต่อสาธารณชนหลายต่อหลายครั้ง สำหรับความพยายามดังกล่าวแล้ว ยังมีการยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับ Match Group ในข้อหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย

ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าว ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะต่อมา ในปี 2019 Magic Lab ซึ่งเป็น บริษัทแม่ของ Bumble ได้ถูกขายให้กับ The Blackstone Group ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ในราคาที่สูงลิบลิ่วถึง ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 95,000 ล้านบาท!

อย่างไรก็ดี การซื้อขายดังกล่าว “วิตนีย์ วูล์ฟ” นอกจากจะได้ดำรงตำแหน่ง CEO แล้ว เธอยังตัดสินใจเลือกที่จะถือครองหุ้นในสัดส่วน 19% ต่อไป ซึ่งสวนทางกับ พาร์ทเนอร์ อย่าง “แอนเดรย์ แอนดรีฟ” ที่เลือกจะปล่อยหุ้นทั้งหมดออกไปจากมือ

ทำให้ต่อมา ในปี 2021 จึงได้กลายไฮไลท์สำคัญในชีวิตของ “วิตนีย์ วูล์ฟ” ไปในทันที เมื่อ Bumble เปิด IPO เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยสัปดาห์แรกของการซื้อขาย นั้น ราคาหุ้น Bumble เคยพุ่งทะยานไปถึง 78.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในขณะที่ มูลค่าบริษัทเอง ก็พุ่งขึ้นไปสูงถึง 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 4.1 แสนล้านบาท!

จนส่งผลให้ “วิตนีย์ วูล์ฟ” กลายเป็น มหาเศรษฐีหญิงที่สร้างฐานะด้วยตัวเอง ที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 31 ปี เท่านั้น!

อย่างไรก็ดีในอีกไม่กี่ปีต่อมา ชีวิตอันน่าเหลือเชื่อ ของ ผู้หญิงคนนี้ ก็มาถึงจุดพลิกผันราวกับรถไฟเหาะอีกครั้ง หลังต้องเผชิญหน้ากับ เหตุการณ์กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีตกต่ำในปี 2022 และ หุ้นกลุ่มแอปพลิเคชันหาคู่ ถูกนักลงทุนเทขายในปี 2024 จนฉุดให้ ราคาหุ้น Bumble ร่วงลงถึง 80% จากราคาสูงสุด 78.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นในปี 2021 และอาจเป็นผลให้ เธอ ต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO ปี 2024

อย่างไรก็ดี ในเดือนมกราคมปี 2025 “วิตนีย์ วูล์ฟ” ได้กลับมานั่งเก้าอี้ CEO เพื่อกอบกู้ Bumble อีกครั้ง หลัง CEO ที่มาแทนที่เธอก่อนหน้านี้ ได้ประกาศลาออก โดยอ้างเหตุผลส่วนตัว

ปัจจุบัน ณ วันที่ 1 ธันวาคมปี 2025 ราคาหุ้นของ Bumble อยู่ที่ 3.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ของ วิตนีย์ วูล์ฟ ณ สิ้นปี 2025 นั้น มีการประเมินว่า อยู่ที่ประมาณ 400 - 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม : 

ความพรีเมียม และพนักงานขาย วิธีเอาชนะการรีวิว ของ สตีฟ จ็อบส์ (ชมคลิป)

ทำความเข้าใจแบบไม่ดรามา ภาพรวมศักยภาพ “นมไทย” (ชมคลิป)

สำรวจหลักคิด หลอมรวมเศษแก้ว ที่พาหมอนทองวิทยาไปสู่ปรากฏการณ์ (ชมคลิป)

ทำไมทีมไหนๆจึงเลือกใช้ บอล Direct โจมตี ลิเวอร์พูล (ชมคลิป)

เล่นเร็ว เน้นบอลยาวและฟรีคิก แท็กติกที่ทำให้แมนยูฯเริ่มดีขึ้น (ชมคลิป)


You might be intertested in this news.

Mostview

ความพรีเมียม และพนักงานขาย วิธีเอาชนะการรีวิว ของ สตีฟ จ็อบส์ (ชมคลิป)

ความพรีเมียม และพนักงานขาย วิธีเอาชนะการรีวิว ของ สตีฟ จ็อบส์ (ชมคลิป)

แนวโน้มราคาทองวันนี้ (1ธ.ค.68) Sideway Up หาจังหวะขายทำกำไร

แนวโน้มราคาทองวันนี้ (1ธ.ค.68) Sideway Up หาจังหวะขายทำกำไร

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ธ.ค.68)

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ธ.ค.68)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (2ธ.ค.68)

7 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (2ธ.ค.68)

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (2ธ.ค.68) Sideway Up หาจังหวะขายทำกำไร

แนวโน้มราคาทองคำวันนี้ (2ธ.ค.68) Sideway Up หาจังหวะขายทำกำไร

TrustNEws Line