ยุโรปจะรับมือรัสเซียอย่างไร ในวันที่สหรัฐฯหันหลังให้
by Trust News, 3 มีนาคม 2568
ยุโรปจะรับมือรัสเซียอย่างไร ในวันที่สหรัฐฯหันหลังให้
หลังการปะทะคารมอย่างดุเดือดระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และ โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครน จนไฟแทบจะลุกไหม้ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว ซึ่งจบลงด้วยการไม่ต่างอะไรกับการถูกตะเพิดออกนอกบ้านผู้นำสหรัฐฯ ด้วยการยกเลิกการเลี้ยงอาหารกลางวัน พร้อมกับประกาศยุติการสนับสนุนยูเครน ในการทำสงครามกับรัสเซียอย่างชนิดไร้เยื้อใย กระทั่งกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก
หากแต่เมื่อผ่านไปอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา เมื่อประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี้ เดินทางถึงบ้านพักเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ในกรุงลอนดอน สิ่งที่ผู้นำยูเครนได้รับ กลับแลดูช่างแตกต่างจากการต้อนรับที่ทำเนียบขาวอย่างชัดเจน เพราะนอกจาก เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ จะเข้าสวมกอดอย่างอบอุ่น โดยไม่ยึดติดกับการที่ผู้นำยูเครนยังคงไม่ยินดีสวมสูทมาเข้าพบแล้ว!
เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ ยังได้ให้คำมั่นกับ ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี้ ด้วยว่า สหราชอาณาจักรยังคงไว้วางใจในตัวผู้นำยูเครน และจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อไป แถมตบท้ายด้วยการให้คำมั่นว่าจะมอบแพ็ตเก็ตเงินกู้มูลค่า 2,260 ล้านปอนด์ (97,273ล้านบาท) สำหรับการเพิ่มขีดความสามารถด้านกลาโหมแก่ยูเครนเสียด้วย!
“เหตุใดในสายตาที่มองยูเครนผ่านเลนส์ของสหรัฐฯและยุโรปในเวลานี้ จึงแตกต่างกัน?”
วันนี้ “เรา” มีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง “Bruegel” ซึ่งเป็นสำนักวิจัยและวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจชั้นแนวหน้าของยุโรป และ “Kiel Institute” สถาบันวิจัยด้านเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศเยอรมนี มาให้คำตอบที่น่าสนใจกันเวลานี้ว่า…. หากไร้ซึ่งสหรัฐฯสนับสนุนแล้ว ยุโรปควรเดินหน้าต่อไปเช่นไร สำหรับการหยุดยั้งการแผ่อิทธิพลของเคลมลิน ในกรณีที่ทั้งมีหรือไม่มียูเครนเป็นส่วนหนึ่งของสมการ?
“ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ยุโรปต้องเสริมกำลังทหารอย่างน้อย 300,000 นาย รวมถึงเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอย่างน้อย 250,000 ล้านยูโร (8.8ล้านล้านบาท) ต่อปี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับยับยั้งการรุกรานของรัสเซีย”
บทสรุปจากการวิเคราะห์ของ “Bruegel” และ “Kiel Institute”
รัสเซียแข็งแกร่งถึงขนาดที่ยุโรปจำเป็นต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านกำลังทหารโดยเร็วขนาดนั้นจริงหรือ? “เรา” ลองไปสำรวจข้อมูลและมุมจากบทวิเคราะห์ที่ว่านี้ด้วยกัน…
1. สงครามในยูเครน ทำให้กองทัพรัสเซียแข็งแกร่งขึ้น :
กองทัพรัสเซีย ณ สิ้นสุดปี 2024 แตกต่างจากกองทัพรัสเซียที่บุกเข้าสู่ประเทศยูเครนในปี 2022 มาก เนื่องจากสงครามทำให้เกิดการระดมทรัพยากร สำหรับการเอื้อต่ออุตสาหกรรมทางการทหารอย่างกว้างขวาง ด้วยเหตุนี้ กองทัพรัสเซียจึงมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงมีประสบการณ์ในสนามรบ ที่ช่วยเสริมสร้างให้กองทัพแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย
โดยจากการประเมินเบื้องต้น กองทัพรัสเซียในช่วงสิ้นปี 2024 มีกำลังพลถึง 700,000 นาย ซึ่งมากกว่ากำลังพลที่บุกเข้าประเทศยูเครนในปี 2022 ยิ่งไปกว่านั้นในด้านการผลิตอาวุธยุทธภัณฑ์ของรัสเซีย ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย โดยในปี 2024 เพียงปีเดียว รัสเซียสามารถผลิตรถถังเข้าประจำการได้มากถึง 1,550 คัน หรือเพิ่มขึ้น 220% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2022 , ผลิตรถหุ้มเกราะ 5,700 คัน หรือเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2022 ขณะที่การผลิตปืนใหญ่และอาวุธยิงระยะไกลทุกประเภท เพิ่มขึ้น 435% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2022
ขณะเดียวกัน อาวุธที่ผลิตใหม่เหล่านี้ ยังเป็นอาวุธที่มีการปรับปรุงทางเทคโนโลยีให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อนำใช้มาทดแทนอาวุธคงคลังตั้งแต่เมื่อสมัยอดีตสหภาพโซเวียต ซึ่งรัสเซียนำมาใช้ในช่วงต้นๆสงครามยูเครนด้วย
หากแต่สิ่งที่น่าเป็นกังวลในเรื่องศักยภาพทางการของเคลมลินในเวลานี้ คือ ความรุดหน้าในเรื่องเทคโนโลยีโดรนทางการทหารของรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันสามารถลดการพึ่งพาจากอิหร่านได้แล้ว
ทั้งนี้ จากการประเมินของกองกำลังป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO ในเรื่องความเสี่ยงจากการถูกรุกรานโดยรัสเซียนั้น เบื้องต้นมีการประเมินเอาไว้ว่า กองทัพรัสเซียจะมีความพร้อมสำหรับการปฏิบัติการทางการทหารดังกล่าวภายในระยะเวลา 3 - 10 ปี อย่างไรก็ดี ระยะเวลาที่ว่านี้ อาจเร็วขึ้นกว่านั้น จากปฏิบัติการซ้อมรบเชิงยุทธศาสตร์ร่วมระหว่างรัสเซียและเบลารุส ที่เรียกว่า Zapad
2. เพราะอะไรยุโรป จึงต้องสนับสนุนยูเครนต่อไป :
บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ ยืนยันอย่างชัดเจนว่า สิ่งสำคัญลำดับแรกสุด คือ ยุโรปจะต้องสนับสนุนยูเครนต่อไป เพราะกองทัพยูเครนที่ผ่านการรบกับรัสเซียมาอย่างโชกโชน แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดแล้วว่า สามารถป้องปรามการรุกคืบของรัสเซียต่อยุโรปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทางเลือกอื่น โดยเฉพาะการทำข้อตกลงเจรจาสันติภาพระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย ถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ เนื่องจากการรับประกันสันติภาพของประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย นั้น “ไร้ความน่าเชื่อถือ”
ดังนั้น ยุโรปจึงยังต้องคงการสนับสนุนในเรื่องการจัดหาอาวุธเพิ่มเติมให้กับยูเครนต่อไป เพื่อให้แน่ใจได้ว่ากองทัพยูเครนจะยังคงขีดความสามารถในการทำสงครามกับรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน จากการประเมินในเบื้องต้น หากสหรัฐฯปล่อยมือจากยูเครนขึ้นมาจริงๆ ยุโรป อาจต้องทุ่มเทงบประมาณถึง 250,000 ล้านยูโรต่อปี (หรือคิดเป็น 3.5% ของ GDP) สำหรับการเพิ่มขนาดและศักยภาพของกองทัพในการป้องกันตัวเองจากรัสเซียด้วย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : RareEarthบำเหน็จสงคราม สำคัญต่อสหรัฐฯแค่ไหน?
3. ยุโรปต้องทำอย่างไร หากสหรัฐฯทิ้งยูเครน :
ในกรณีที่สหรัฐละทิ้งยูเครน สิ่งที่สหภาพยุโรปและพันธมิตร รวมถึงสหราชอาณาจักรและนอร์เวย์ จะต้องดำเนินการทันที คือ “การเพิ่มจำนวนกำลังพลประจำการ” โดยทันที
ส่วนคำถามที่ว่า กำลังพลประจำการที่ว่านี้ ควรมีจำนวนเท่าไหร่นั้น อ้างอิงจากการประเมินโดย NATO ในปี 2024 ระบุว่า กรณีที่รัสเซียรุกรานยุโรปด้วยกำลังทหาร กองทัพสหรัฐฯที่มีกำลังพลประจำการอยู่ทั่วยุโรปรวม 100,000 นาย จะต้องได้รับการเสริมกำลังทันทีอีกอย่างน้อย 200,000 นาย รวมถึงรถหุ้มเกราะซึ่งมีขีดความสามารถเหมาะสมกับสมรภูมิบนแผ่นดินยุโรปอีกจำนวนหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ ในกรณีที่ไม่มีกองทัพสหรัฐฯ คอยให้การสนับสนุนขึ้นมาจริงๆ ยุโรปจะต้องมีกำลังพลเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยที่สุด 300,000 นาย รวมถึงรถถังและยานเกราะอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อทดแทนส่วนที่ขาดหายไปจากกองทัพสหรัฐ
4. ถ้าไม่มีกองทัพสหรัฐฯ ยุโรปสามารถหยุดยั้งกองทัพรัสเซียได้หรือไม่ :
บทวิเคราะห์นี้ชี้ชัดว่า ขีดความสามารถทางการรบของกำลังพล 300,000 จากกองทัพสหรัฐฯ นั้น “มีความแตกต่าง” จากกำลังพลของฝ่ายยุโรปในเวลานี้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะกองทหารสหรัฐ นั้น มีความพร้อมทั้งในแง่อาวุธยุทโธปกรณ์ , การสนับสนุนทางยุทธศาสตร์ , ความเชี่ยวชาญทางการรบ รวมถึงความเป็นเอกภาพและเข้มงวดในสายการบังคับบัญชามากกว่า ฝ่าย NATO ที่เป็นการรวมตัวของกองทัพจากหลายชาติ
ดังนั้น แม้ยุโรปจะสามารถชดเชยกำลังทหารจำนวน 300,000 นาย ในส่วนที่ขาดหายไปจากกองทัพสหรัฐฯได้ก็จริง หากสิ่งที่ต้องเร่งปรับปรุงตามมาคือ การค้นหาวิธีในการปรับปรุงการประสานงานสายการบังคับบัญชาทางการทหารให้รวดเร็วมากขึ้น เพราะการตัดสินใจล่าช้าแม้แต่เพียงเสี้ยววินาทีนั้น มีผลอย่างยิ่งต่อการต่อสู้ในสมรภูมิ
ขณะเดียวกัน ในด้านการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ นั้น หากอ้างอิงจาก กองพลที่ 3 (US Army III Corps) ของกองทัพสหรัฐ ซึ่งถูกใช้เป็นกำลังพลหลัก ในการป้องกันยุโรปจากการคุกคามของรัสเซียในทะเลบอลติก นั้น เบื้องต้นกำลังพลดังกล่าว มีรถถังประจำการถึง 1,400 คัน , ยานเกราะ 2,000 คัน และ ปืนใหญ่อีก 700 กระบอก (ยังไม่รวมปืนครก และเครื่องยิงจรวดอีกนับไม่ถ้วน)
ซึ่งทั้งขนาดและศักยภาพทางการรบเช่นนี้ สูงกว่ากองกำลังภาคพื้นดินของกองทัพฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และอังกฤษ รวมกัน ณ ปัจจุบันเสียอีก
ดังนั้น หากไม่มีกองทัพสหรัฐช่วยค้ำยันให้ ยุโรปจะต้องเร่งจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ในระดับเดียวกันมาเป็นเกราะป้องกันจากรัสเซียแทน นอกจากเหนือจากอาวุธในคลังแสงที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. จำนวนอย่างน้อย 1 ล้านนัด ซึ่งถือเป็นจำนวนขั้นต่ำที่เพียงพอ สำหรับการรบในระดับความเข้มข้นสูง ในเวลา 90 วัน นอกจากนี้ ยุโรปจะต้องเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งและป้องกันภัยทางอากาศ , ขีปนาวุธ , โดรนสงคราม ตลอดจนศักยภาพด้านการสื่อสารและข่าวกรอง ให้ใกล้เคียงกับกองทัพรัสเซียในปัจจุบันด้วย
5. ถ้าไม่มีกองทัพสหรัฐฯ ใครควรเป็นผู้นำของยุโรป :
บทวิเคราะห์นี้ชี้ชัดว่า เยอรมนีควรแสดงออกถึงความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในเรื่องการป้องกันยุโรปจากเงื้อมมือรัสเซียได้แล้ว โดยเริ่มจากการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมประจำปีจาก 80,000 ล้านยูโร (2.8ล้านล้านบาท) เป็น 140,000 ล้านยูโร (4.9ล้านล้านบาท) ต่อปี หรือ คิดเป็นประมาณ 3.5% ของ GDP รวมถึงเพิ่มกำลังพลประจำการอีกเกือบ 100,000 นายเป็นอย่างน้อย **
นั่นเป็นเพราะในช่วงที่ผ่านมา เยอรมนีได้สร้างความผิดหวังให้กับบรรดาพันธมิตรในยุโรปมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากคำมั่นสัญญาในเรื่องการเพิ่มกำลังทหารให้กับ NATO จำนวน 40,000 นาย ตั้งแต่ปี 2022 หากแต่จนถึงปัจจุบัน เยอรมนีกลับยังคงไม่สามารถทำได้ตามที่ได้ให้คำมั่นเอาไว้
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
หยุดทำแบบนี้ได้ไหม? เสียงร้องขอเซเลปเกาหลี
อ่อนแอ ล่าช้า ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจัยฉุดดีล NISSAN-HONDA ล่ม
เกียรติตำรวจของจีน...หลิวจงอี้มือปราบคอลเซนเตอร์
You might be intertested in this news.
Mostview
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น
รีวิวหนัง Eternity สามรัก หนึ่งนิรันดร์
ถ้าโลกหน้ามีจริง คุณจะเลือกอยู่กับใคร เมื่อต้องเลือกระหว่าง อดีตสามีที่ตายไปก่อนหลายสิบปี กับสามีที่อยู่ด้วยกันมานานจนตายไปด้วยกัน...?
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง