วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 18, 2568

What If? รัสเซียVSนาโต จำลอง3ฉากทัศน์การเผชิญหน้า

by Trust News, 6 มีนาคม 2568

What If? รัสเซียVSนาโต จำลอง3ฉากทัศน์การเผชิญหน้า

การช่วงชิงอำนาจระหว่างชาติตะวันตกและรัสเซีย ที่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จากท่าทีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่แลดูราวกับจะมุ่งหน้าไปสู่การทำตามนโยบายหาเสียงที่ว่า American First แต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ “แยแส” เหล่าพันธมิตรชาติยุโรปตะวันตกนั้น ใน 2 ตอนที่แล้ว “เรา” ได้พูดถึงบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับแรงปราถนาของสหรัฐฯ ที่มีต่อ RareEarth ในยูเครน

รวมถึงประเด็นที่ว่า “หากเหล่าชาติพันธมิตรยุโรป” ถูกสหรัฐอเมริกาหันหลังให้ ในการต่อต้านการแผ่อิทธิพลของรัสเซีย สิ่งที่พวกเขาต้องเร่งทำเพื่อหาทาง “ปกป้องตนเอง” จากเงื้อมมือ “เคลมลิน” ควรทำอย่างไร? กันไปแล้ว…

อ่านเพิ่มเติม :
ตอนที่ 1 : RareEarthบำเหน็จสงคราม สำคัญต่อสหรัฐฯแค่ไหน? 
ตอนที่ 2 : ยุโรปจะรับมือรัสเซียอย่างไร ในวันที่สหรัฐฯหันหลังให้ 

สำหรับในตอนที่ 3 นี้ “เรา เลยอยากหยิบบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์สุดขั้วที่ว่า “หากรัสเซียต้องเผชิญหน้ากับฝ่าย NATO” ขึ้นมาจริงๆ อะไรคือเหตุแห่งปัจจัย ที่จะนำไปสู่การใช้ปฏิบัติการทางการทหารของพญาหมีขาว ต่อ เหล่าพันธมิตรยุโรปได้บ้าง

รวมถึงจุดไหนคือจุดที่เป็นอันตรายต่อภัยคุกคามจากเคลมลิน…โดยอ้างอิงจากบทวิเคราะห์ของ “แอตแลนติกเคาน์ซิล” เมื่อช่วงปลายปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า...

1. รัสเซียไม่ได้พ่ายแพ้ หรือ ล้มเหลวในเชิงยุทธศาสตร์ต่อยูเครน และสามารถฟื้นฟูการสูญเสียอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากในสงคราม ผ่านการระดมทรัพยากรเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับของกองทัพได้

2. ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย กับ จีน เกาหลีเหนือ และ อิหร่าน ยังเป็นไปด้วยความราบรื่นและลึกซึ้งต่อไป

3. กระบวนการและขั้นตอนการยกระดับเพื่อต่อต้านรัสเซียของพันธมิตรตะวันตกยังคงดำเนินต่อไป

4. รัสเซียและพันธมิตร ยังคงมีการระดมทรัพยากรด้านกลาโหมอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียว พันธมิตรตะวันตกและสหรัฐฯ

 

1.  ทัศนคติของ NATO ที่มีต่อรัสเซีย :

กลุ่มนายพลอาวุโสของ NATO หลายคนเชื่อมั่นว่า งบประมาณด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรัสเซีย เพื่อขยายขนาดกองทัพให้ใหญ่โตขึ้น สอดคล้องกับแผนการพิชิตดินแดนในทะเลบอลติก ซึ่งในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียตเดิม มากกว่าสเกลการทำสงครามเพียงเพื่อหวังยึดครองยูเครนแต่เพียงอย่างเดียว

ซึ่งประเด็นนี้ สอดคล้องกับความเชื่อของบรรดาชาติตะวันตกที่ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย มีเป้าหมายสำคัญคือยึดครองดินแดนที่เคยเป็นอดีตสหภาพโซเวียตเดิมกลับคืนมา เพื่อขยายอิทธิพลของรัสเซียให้มากขึ้น

ในขณะที่ฝ่ายประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แสดงจุดยืนในเรื่องนี้อย่างชัดเจนมาแล้วหลายต่อหลายครั้งว่า การขยายชาติสมาชิก NATO มายังประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะในกรณียูเครนที่มีดินแดนติดกับรัสเซีย นั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และยังถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของเคลมลินด้วย

 

2.  What if …… รัสเซีย VS NATO?

ฉากทัศน์ที่ 1 : สงครามบอลติก

ฉากทัศน์นี้ เชื่อว่ารัสเซียจะเริ่มต้นปฏิบัติการโจมตีเพื่อเข้ายึดครอง “จุดยุทธศาสตร์สำคัญ” ที่มีชื่อว่า "Suwalki" ซึ่งเป็นพื้นที่ยาว 100 กิโลเมตร ระหว่างโปแลนด์และลิทัวเนีย ให้ได้เป็นลำดับแรก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการถ่ายโอนกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปให้กับพันธมิตรชาติบอลติก เพื่อแยกรัฐบอลติกออกจากพันธมิตร NATO

โดยสงครามจะเริ่มต้นจากการโจมตีทางไซเบอร์และขีปนาวุธครั้งใหญ่ ต่อศูนย์บัญชาการหลักต่างๆของ NATO เพื่อทำลายการติดต่อสื่อสาร , โครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ต่างๆ

ก่อนจะเปิดฉากการสู้รบทางทะเล เพื่อเข้ายึดครองเกาะบอร์นโฮล์ม (Bornholm) และ เกาะก็อตลันด์ (Gotland) ซึ่งเป็นดินแดนของเดนมาร์กและสวีเดน ก่อนจะวางกำลังทางเรือเพื่อขัดขวางการเสริมกำลังของ NATO เพื่อเป้าหมายสำคัญในการบุกภาคพื้นดินในลำดับถัดไป

นอกจากนี้ รัสเซียยังอาจเข้ายึดครองภูมิประเทศที่สำคัญๆ ใน อาร์กติก เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงของ NATO ตามแนวทะเลเหนือด้วย

สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวนี้ มีการประเมินเบื้องต้นด้วยว่า มีความเป็นไปได้สูงที่รัสเซีย อาจนำเทคโนโลยีทางการทหารขั้นสูง เช่น รถถังและยานเกราะไร้คนขับ รวมถึงโดรนทางการทหารมาใช้ในปฏิบัติการนี้ด้วย เนื่องจากในสงครามยูเครนนั้น กองทัพรัสเซียมีการทดลองนำเทคโนโลยีที่ว่านี้มาใช้อย่างกว้างขวาง

เป้าหมายรัสเซีย :

สำหรับฉากทัศน์แรก บทวิเคราะห์ชิ้นนี้เชื่อว่า การปฏิบัติการทางการทหารของรัสเซียดังกล่าว ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเข้าครอบครองดินแดนของชาติสมาชิก NATO แต่จะเป็นไปเพื่อยืนยันอำนาจของรัสเซียเหนือรัฐอดีตสหภาพโซเวียตเดิมเป็นสำคัญ และจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ...

ข้อที่ 1. รัสเซียเกิดติดหล่มสงครามหรือมีทีท่าว่าอาจจะพ่ายแพ้ในสงครามยูเครน

ข้อที่ 2. สหรัฐฯและยุโรปสนับสนุนพันธกรณีด้านกลาโหมกับพันธมิตรในบอลติกจนถึงขั้นที่ทำให้ฝ่ายรัสเซียไม่อาจยอมรับได้  

 

ฉากทัศน์ที่ 2 : มอลโดวาเป้าหมายถัดจากยูเครน  

บทวิเคราะห์นี้ชี้ว่า รัฐบาลมอลโดวา ถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่รัสเซียต้องการโค่นล้ม เนื่องจากถูกมองว่าฝักใฝ่กับฝ่ายตะวันตกมากเกินไป จากความพยายามขอเข้าเป็นสมาชิกอียูและ NATO และปัจจุบันแม้จะยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกนาโตอย่างเป็นทางการ แต่ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด

ประกอบกับการที่ ประเทศมอลโดวา มีพรมแดนติดกับยูเครน และสาธารณรัฐทรานส์นีสเตรีย ซึ่งปัจจุบันประกาศแยกตัวจากมอลโดวาและอยู่ภายใต้การอารักขาของกองกำลังทหารรัสเซีย 1,500 นาย ด้วยเหตุนี้ เคลมลินจึงมีนิยามต่อ “มอลโดวา” เช่นเดียวกับ “ยูเครน” นั่นคือ “ต้องไม่กลายเป็นรัฐที่เป็นศัตรูต่อรัสเซีย”  

เป้าหมายรัสเซีย :

เป้าหมายของรัสเซียในฉากทัศน์นี้ คือ การรุกคืบในทางปฏิบัติการใต้ดินอย่างช้าๆ ผ่าน ยูเครนและมอลโดวา ไปสู่การครอบครองหรือแทรกแซงเหล่าประเทศอดีตสมาชิกสนธิสัญญาวอร์ซอเดิม ที่ปัจจุบันไม่กลายเป็นสมาชิกก็ฝักใฝ่ใกล้ชิดกับ NATO ไปแล้ว เช่น โปแลนด์ , สโลวาเกีย , ฮังการี , โรมาเนีย , บัลแกเรีย

โดยหากขบวนการใต้ดินเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของประเทศเหล่านั้นให้หันกลับมาเป็นพันธมิตรกับรัสเซียได้สำเร็จ จนกระทั่งทำให้ฝ่ายตะวันตกเกิดความไม่พอใจและพยายามเข้าแทรกแซง รัสเซียก็จะมีข้ออ้างต่อชาวโลกได้ทันทีว่า “ฝ่ายตะวันตกเป็นฝ่ายที่รุกรานก่อน”

สำหรับฉากทัศน์นี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ... ฝ่ายกองทัพยูเครนพ่ายแพ้ต่อกองทัพรัสเซียอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจรวมไปถึงการสูญเสียดินแดนเพิ่มเติมนับตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป จนกระทั่งฝ่ายรัสเซียสามารถขยายการยึดครองยูเครนลงไปจนถึงทางตอนใต้ของประเทศ เพื่อเข้าสู่ประเทศมอลโดวาได้สำเร็จ

และเมื่อสถานการณ์ดำเนินไปถึงจุดนั้น โดยที่ฝ่ายตะวันตกเกิดความแตกแยกกันเอง ในเรื่องการสนับสนุนยูเครนซ้ำเติมเข้าไปอีก อิทธิพลของเคลมลินก็จะแผ่กระจายจนสร้างความปั่นป่วนให้กับเสถียรภาพบนคาบสมุทรบอลข่านตะวันตกได้อย่างแน่นอน

 

ฉากทัศน์ที่ 3 : ปฏิบัติการฝูงโดรนในทะเลดำ

แรงกระตุ้นจากความสูญเสียของกองทัพเรือรัสเซีย จากการถูกโจมตีด้วยโดรนของฝ่ายยูเครนในสงคราม ทั้งๆที่ฝ่ายเคียฟไม่สามารถเทียบกำลังทางเรือกับฝ่ายรัสเซียได้เลยแม้แต่น้อย

ทำให้รัสเซียเริ่มเข้าใจถึงความเปราะบางของกองทัพเรือตนเอง และเริ่มหันไปปรับยุทธศาสตร์กองเรือรบให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อดำรงขีดความสามารถในการต่อต้านกองเรือของฝ่ายตะวันตก เพราะรัสเซีย เคยระบุอย่างชัดเจนแล้วว่า กองเรือของ NATO ที่ลอยลำอยู่ในทะเลดำ ถือเป็น “ภัยคุกคามทางการทหาร” และจะต้องมีพัฒนาแผนยุทธศาสตร์สำหรับการรับมือ  

และสิ่งที่รัสเซียดูเหมือนจะหันไปโฟกัสมากเป็นพิเศษ คือ เทคโนโลยีโดรนสงครามที่ได้รับการถ่ายทอดจากอิหร่าน ที่นอกจากจะใช้ต้นทุนต่ำแล้ว ยังมีประสิทธิภาพในการโจมตีสูงด้วย

ซึ่งหากในอนาคตอันใกล้นี้ รัสเซียสามารถผลิตโดรนสงครามได้ในปริมาณที่มากพอ อาจทำให้เคลมลิน สามารถสร้างภัยคุกคามใหักับทั้งกองเรือหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บริเวณชายฝั่งของ NATO ได้ และประเด็นนี้อาจถึงขั้น “ลบล้าง” ความได้เปรียบที่ชัดเจนของ กองเรือ NATO ที่ลอยลำอยู่ในเขตทะเลดำ , ทะเลบอลติก หรือ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ต่อกองทัพเรือรัสเซียได้ด้วย

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

หยุดทำแบบนี้ได้ไหม? เสียงร้องขอเซเลปเกาหลี 

อ่อนแอ ล่าช้า ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจัยฉุดดีล NISSAN-HONDA ล่ม 

เกียรติตำรวจของจีน...หลิวจงอี้มือปราบคอลเซนเตอร์ 

เจาะกลยุทธ์ อีลอนมัสก์ ซื้อOpenAIทำไมแพงลิบลิ่ว 

ตัวตน&คมคิด เหลียงเหวินเฟิง ก่อนปฏิบัติการเพิร์ลฮาร์เบอร์ 


You might be intertested in this news.

Mostview

ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น

ถอดรหัส ข้าคือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงหรือ? ต้องได้เป็นตัวจริงเท่านั้น

รีวิวหนัง Eternity สามรัก หนึ่งนิรันดร์

ถ้าโลกหน้ามีจริง คุณจะเลือกอยู่กับใคร เมื่อต้องเลือกระหว่าง อดีตสามีที่ตายไปก่อนหลายสิบปี กับสามีที่อยู่ด้วยกันมานานจนตายไปด้วยกัน...?

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (17ธ.ค.68) Sideway Up เก็งกำไรในกรอบ

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ

แนวโน้มราคาทองคำ วันนี้ (18ธ.ค.68) Sideway Up รอซื้อตามแนวรับ

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)

6 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (17ธ.ค.68)

TrustNEws Line