วันอาทิตย์, พฤษภาคม 25, 2568

เบื้องหลังความสำเร็จซอน เฮือง มิน พ่อ และทุกอย่างที่เริ่มจาก Basic

by Trust News, 25 พฤษภาคม 2568

เบื้องหลังความสำเร็จซอน เฮือง มิน พ่อ และทุกอย่างที่เริ่มจาก Basic

“หากลูกไม่สามารถเป็นนักฟุตบอลได้ และต้องไปเรียนโรงเรียนธรรมดา ลูกต้องเรียนด้านวิชาชีพ หรือไม่ก็ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม เลิกเรียนให้เร็วขึ้นหน่อย เพื่อที่จะได้มีเวลาเล่นฟุตบอลที่ลูกรัก

และเมื่อได้งาน ให้เลือกงาน ที่แม้ว่าอาจจะได้เงินเดือนน้อยลง แต่สามารถเลิกงานได้เร็วขึ้น เพื่อที่ลูกจะได้มีเวลาเหลือสำหรับการเล่นฟุตบอลต่อไป”

“ลูกอยากเป็นนักฟุตบอลจริงๆใช่ไหม ลูกรู้ไหมว่า ฟุตบอลเป็นเรื่องยาก และพ่อจะฝึกลูกด้วยวิธีการที่แตกต่างไปจากสิ่งที่พ่อเคยฝึกฝน เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ลูกยังอยากที่จะทำมันอยู่ไหม?”

“จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมเคยได้รับ ปัญหาเรื้อรังของวงการฟุตบอลเกาหลีใต้ คือ การเลือกที่จะก้าวข้ามขั้นตอน เพื่อมุ่งเน้นไปที่ผลลัพท์"

ดังนั้น ผมจึงเลือกที่จะฝึกลูกชาย ด้วยวิธีการที่ตรงกันข้ามไปจากสิ่งที่ผมเคยทำในอดีต นั่นคือ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากพื้นฐาน การสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย และ ความรู้สึกที่มีต่อฟุตบอล”

ทั้งหมดนั้น คือ “แนวคิด” ที่ชายคนหนึ่ง ใช้พร่ำสอนลูกชาย 2 คน ของตัวเอง จนกระทั่งหนึ่งในจำนวนนั้น สามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ก้าวไกลไปถึงคำว่า “ระดับโลก” รวมถึง เพิ่งหลุดพ้นจากคำสาป “ราชันย์ไร้มงกุฎ” ไปสู่ การได้แชมป์ระดับเมเจอร์ แชมป์แรกในชีวิตได้เป็นผลสำเร็จ

ใช่ครับ วันนี้ “เรา” จะมาพูดถึงเบื้องหลังความสำเร็จ “มีวันนี้เพราะพ่อให้” ของ “ซอน เฮือง มิน” (Son Heung Min) ชายที่เพิ่งฉลองความสำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ “ยูโรปาลีก” ให้สาสมกับความสามารถ และความทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักกับฟุตบอล มาเป็นเวลาหลายสิบปีได้สักที!

อาบอจี (คุณพ่อ) “ซอน อุง จอง” (Son Woong jung) ใช้หลักการ 3 ข้อที่ว่า 1. พื้นฐาน 2. สมดุล และ 3. ความรักในฟุตบอล เพื่อปลุกปั้น “โอปา Sonny” ให้กลายเป็นหนึ่งในกองหน้าชั้นนำของโลกได้สำเร็จ

วันนี้ “เรา” ลองไปสำรวจ “แนวคิด” อันน่าสนใจนี้ ไปพร้อมๆกัน!

อาบอจี ซอน อุง จอง :

“ผมรักฟุตบอลมาก แต่ผมเป็นเพียงนักเตะธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่เล่นฟุตบอลด้วยพละกำลัง ที่ขาดไร้ซึ่งทักษะพื้นฐาน”

“ซอน อุง จอง” พ่อของ “ซอน เฮือง มิน” เป็น อดีตนักเตะริมเส้น ที่ผ่านประสบการณ์ การเล่นฟุตบอลมาแล้วหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็น การติดทีมโรงเรียนระดับมัธยมต้น มัธยมปลาย และระดับมหาวิทยาลัย ก่อนจะไปเข้าร่วมสโมสรชั้นนำของเกาหลีใต้ อย่าง “สโมสรฮุนได ไทเกอร์” และ “สโมสรฮุนได ซองนัม” จนกระทั่งก้าวไปติดทีมชาติ U-23 ของเกาหลีใต้ ในปี 1988

อย่างไรก็ดี อนาคตอันสดใสในวงการฟุตบอล ของ “ซอน อุง จอง” ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องความเร็ว ด้วยการวิ่ง 100 เมตร ภายในเวลาเพียง 11 วินาที ก็มาถึงจุดสิ้นสุด หลังได้รับบาดเจ็บ เอ็นร้อยหวายฉีกขาดอย่างรุนแรง จนถึงกับ ต้องแขวนสตั๊ดอย่างขมขื่นในปี 1990

หลังแขวนสตั๊ด “ซอน อุง จอง” ต้องหันไปทำงานเป็น ผู้ฝึกสอนด้านสุขภาพ ที่ศูนย์ออกกำลังกายประจำเมือง อย่างไรก็ดี เนื่องจากอาชีพใหม่ดังกล่าว มีเงินเดือนอันน้อยนิดเพียง 270,000 วอน (6,425บาท) จึงไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูครอบครัว ที่มีทั้งภรรยาและลูกชาย 2 คน ที่กำลังเติบโต

ด้วยเหตุนี้ “อาบอจี” จึงตัดสินใจไปทำงานเป็นกรรมกรที่ไซต์ก่อสร้างในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ เพื่อหารายได้เสริม แม้ว่าในช่วงแรกๆ เขาจะรู้สึก “อับอาย” จากเสียงซุบซิบนินทา ของผู้คนรอบข้างที่ว่า “อดีตนักฟุตบอลชื่อดัง กำลังตกอับ จนต้องมาทำงานเป็นกรรมกร” ก็ตาม

หากแต่ในเวลาต่อมา “ซอน อุง จอง” ก็เริ่มตระหนักได้ว่า… สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเวลานี้ ก็คือ “ความรับผิดชอบ ความเป็นอยู่ของครอบครัว” ฉะนั้น ในอดีตไม่ว่าเขาจะเคยทำอะไรมาก่อน แต่ ณ เวลานี้ เขาต้องทำงานให้หนัก เพื่อหาเงินดูแลครอบครัว และเป็น “พ่อที่ดี” ให้ได้

ลูกรักฟุตบอลจริงๆใช่ไหม? :

เมื่อ “ซอน เฮือง มิน”  และ พี่ชายของเขา “ซน เฮือง ยุน”  ยืนยันว่า อยากจะเป็นนักฟุตบอล สิ่งที่ “ซอน อุง จอง” ตั้งคำถามกลับและขอคำมั่นสัญญากับลูกชายทั้ง 2 คน ก็คือ…

“ลูกอยากเป็นนักฟุตบอลจริงๆใช่ไหม ลูกรู้ไหมว่า ฟุตบอลเป็นเรื่องยาก และพ่อจะฝึกลูกด้วยวิธีการที่แตกต่างไปจากสิ่งที่พ่อเคยฝึกฝน เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ลูกยังอยากที่จะทำมันอยู่ไหม?”

แล้วอะไร? คือความ “แตกต่าง” สำหรับการฝึกสอนลูกชายทั้ง 2 คน จาก คุณพ่ออดีตนักฟุตบอลรายนี้!

ทุกสิ่งเริ่มต้นจากพื้นฐาน :

“ไผ่โมโซ” (Moso Bamboo) ซึ่งเป็นต้นไผ่ที่ดีที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด รวมถึงยังสามารถเติบโตได้ดี ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ทุ่งหญ้าไปจนกระทั่งถึงแนวป่านั้น ในช่วง 4 ปีแรก มันจะสูงเหนือพื้นดินเพียง 3 เซนติเมตรเท่านั้น เพื่อใช้เวลาสำหรับการขยายรากที่อยู่ใต้ดินให้แข็งแกร่ง

ก่อนที่ในปีที่ 5 มันจะเติบโตและสูงถึงเกือบ 30 เซนติเมตรต่อวัน จากนั้นมันจะใช้เวลาอีกเพียง “หนึ่งเดือนครึ่ง” สำหรับการเติบโตที่ความสูงมากกว่า 15 เมตร

และหลักคิดนี้ ได้ถูกนำมาใช้กับ “โอปา Sonny” และ พี่ชาย สำหรับการฝึกฝนเพื่อเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคตอย่างจริงจัง

โดย “ซอน อุง จอง” ซึ่งหลังแขวนสตั๊ดใหม่ๆ ได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาระบบอเคเดมีของสโมสรฟุตบอลชื่อดังหลายแห่งในยุโรป รวมถึงศึกษาวิธีการของเล่นของกองหน้าระดับโลก จากวิดีโอการแข่งขันฟุตบอลโลก และศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มากกว่า 300 เทป ได้นำความรู้ทั้งหมดที่ได้รับ มาผสมผสานเข้ากับประสบการณ์ตรงในช่วงที่ยังเป็นนักฟุตบอล

จนกระทั่ง กลั่นกรองให้เป็นรูปแบบการฝึกฝนลูกชาย ซึ่ง “แตกต่าง” ไปจากระบบการฝึกฝนเยาวชน ตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในประเทศเกาหลีใต้

โดยสิ่งแรกที่เขาลงมือทำ ก็คือ “ฝึกสอนลูกด้วยตัวเอง” และ ไม่ให้ลูกชายเข้าร่วมทีมฟุตบอลของโรงเรียน จนกว่าจะอายุ 8 ขวบ รวมถึงยังไม่อนุญาตให้ ลูกชายตอนอายุ 15 ปี “ยิงประตู” จนกว่า ตัวเขาเองจะมั่นใจได้ว่า “ลูกชาย” มีความเชี่ยวชาญเรื่องการเบสิกฟุตบอลอย่างเต็มที่แล้ว

"ผมใช้เวลาเรื่องการเน้นไปที่การฝึกเบสิกฟุตบอลนานมากๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในฟุตบอล ล้วนแล้วแต่ต้องมาจากพื้นฐานที่ดี เพื่อให้สามารถควบคุมลูกบอลได้อย่างอิสระ

เพราะสำหรับเกมในสนาม คุณต้องสามารถส่งบอล เลี้ยงบอล รวมถึงโหม่งและยิงได้อย่างแม่นยำ หากการเคลื่อนไหวที่คุณเรียนรู้เมื่อยังเด็ก ไม่สามารถทำได้ โดยอัตโนมัติ ผ่านการฝึกฝนที่เป็นระบบมากพอ ทุกอย่างก็จะสายเกินไป"

โดย “อาบอจี” ได้ให้ “เหตุผล” ถึงการตั้งกฎเกณฑ์ที่แสนประหลาดนี้ เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า…

“ในสมัยเป็นนักเตะระดับเยาวชน ผมเคยตั้งคำถามกับรูปแบบการฝึกซ้อมเก่าๆ ที่สืบทอดต่อๆกันมาของบรรดาโค้ชในอดีต เช่น การวิ่งลากยางรถยนต์ หรือ วิ่งรอบสนามหลายๆรอบ รวมถึง มักมีหลักเกณฑ์การตัดสินนักฟุตบอลแบบง่ายๆ เช่น ใครที่วิ่งได้เร็ว มักถูกจับไปเล่นเป็นปีก เพื่อทำหน้าที่เปิดบอลให้กับ คนตัวสูงที่ถูกเลือกมาเป็นกองหน้าเพื่อทำประตู

โดยไม่มีคำอธิบายว่า รูปแบบการฝึกซ้อมเช่นนี้ จะช่วยพัฒนาการเป็นฟุตบอลได้อย่างไร ทั้งๆที่การให้เอาแต่วิ่งรอบสนาม โดยไม่มีลูกฟุตบอล รวมถึงมีการลงโทษฐานผิดวินัย ด้วยวิธีการรุนแรง นั้น อาจทำให้เด็กๆรู้สึกเกลียดการเล่นฟุตบอล ที่ตัวเองเคยหลงรักได้เลย”

นอกจากนี้ “ซอน อุง จอง” ยังบอกเล่าด้วยว่า เขาเคยเห็นนักกีฬาเยาวชน ที่มีพรสวรรค์หลายต่อหลายคน ได้รับบาดเจ็บจากฝึกฝนด้านพละกำลังที่มากเกินไป ตั้งแต่อายุยังน้อย จนกระทั่งต้องเข้ารับการผ่าตัดในช่วงปลายวัยรุ่นหรืออายุ 20 ปีต้นๆ เนื่องจากกระดูกอ่อนและกล้ามเนื้อได้รับความเสียหาย และค่อยๆหายหน้าไปจากวงการฟุตบอล ก่อนวัยอันควร จากอาการบาดเจ็บเรื้อรัง

นั่นเป็นเพราะ... กระดูกอ่อนและกล้ามเนื้อของเด็กๆ นั้น ยังไม่เจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ การฝึกฝนใดๆจึงต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ร่างกายของเด็ก ต้องแบกภาระที่หนักหน่วงเกินไป

วงการฟุตบอลเกาหลีใต้ ไม่ควรสูญเสียเด็กๆเหล่านั้นไป เพียงเพราะต้องการมุ่งหน้าไปสู่ผลลัพท์ที่รวดเร็ว หรือเพราะ เคยใช้รูปแบบการฝึกเดิมๆแบบนี้ มาตั้งแต่สมัยอดีต

“จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมเคยได้รับ ปัญหาเรื้อรังของวงการฟุตบอลเกาหลีใต้ คือ การเลือกที่จะก้าวข้ามขั้นตอน เพื่อมุ่งเน้นไปที่ผลลัพท์อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ผมจึงเลือกที่จะฝึกลูกชายด้วยตัวเอง รวมถึงใช้วิธีการที่ตรงกันข้ามไปจากสิ่งที่ผมเคยทำในอดีต นั่นคือ ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องเริ่มต้นจากพื้นฐาน การสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย และ ความรู้สึกที่มีต่อฟุตบอล”

Basic Basic และ Basic :

“ตอนที่ผมเป็นเล่นตำแหน่งปีก ผมไม่มีทักษะเรื่องการเลี้ยงฟุตบอล หรือ เทคนิคเฉพาะตัวที่สามารถเอาชนะใครได้เลย นั่นเป็นเพราะผมไม่มี เบสิกฟุตบอลมากพอ แต่กลับถูกปล่อยลงไปเล่นและต้องสร้างผลงานให้ดี”

แล้ว การฝึกเบสิกฟุตบอลแบบไหนที่ทำให้ “ซอน เฮือง มิน” เป็นได้อย่างทุกวันนี้?

เพื่อให้ลูกชายสามารถคอลโทรลบอลได้ทั้งสองเท้า “ซอน อุง จอง” ได้ฝึกให้ “ซอน เฮือง มิน” และพี่ชาย สวมถุงเท้า , รองเท้า , ผูกเชือกรองเท้า และก้าวเท้าลงสนาม ด้วยเท้าซ้ายก่อนเท้าขวาที่ถนัด ในทุกครั้งก่อนเสมอ เพื่อฝึกให้ร่างกายเกิดความสมดุล

วิ่งเลี้ยงบอลรอบสนาม ด้วยเท้าซ้ายหนึ่งรอบ และเท้าขวาอีกหนึ่งรอบ จากนั้น ใช้เท้าทั้งสองข้างเลี้ยงบอลแบบไขว้กันไปมาอีกหนึ่งรอบ ก่อนจะจบด้วยการยิงประตู ด้วยลูกฟุตบอลที่ถูกอัดลมเข้าไปเกินกว่าปกติ เพื่อให้คอนโทรลบอลได้ยากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขอีกด้วยว่า หากทำพลาดแม้แต่เพียงครั้งเดียว จะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ ตั้งแต่รอบแรกอีกครั้ง

ฝึกซ้อมเดาะลูกบอล โดยห้ามทำหล่นพื้นต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงทุกวัน และหากทำพลาด แน่นอนต้องกลับไปเริ่มต้นจับเวลาใหม่ทั้งหมด!

สำหรับการฝึกนี้ “อีกหนึ่งตำนานทอตแนม ฮอตสเปอร์” ยอมรับกับสื่ออังกฤษอย่าง The Guardian ว่าเมื่อตอนเรียนชั้น ป.6 ครั้งหนึ่งมันเคยทำเขาเหนื่อยมากๆ จนกระทั่งตาแดงก่ำ และเห็นลูกบอลถึง 3 ลูก แต่พ่อก็ยังไม่ยอมให้หยุด จนกว่าจะทำมันได้สำเร็จ!

ซึ่งการฝึกฝนเบสิก เพื่อให้ลูกบอลกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนี้ ยังเป็นการฝึกภายใต้การควบคุมอย่างดุดันและเข้มงวด ของ “อาบอจี” ในแบบซ้อมไปด้วยกันอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องในทุกๆวัน  

จนกระทั่ง ครั้งหนึ่ง เพื่อนบ้าน ถึงกับเคยโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ เพราะเข้าใจผิดว่า “ซอน อุง จอง” เป็น “พ่อเลี้ยง” ที่กำลังทารุณกรรมลูกชาย! (Opps!)

โดยหลังจาก การฝึกสอนพื้นฐานการเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง ที่กินระยะเวลายาวนานถึง 7 ปีสิ้นสุดลง “ซอน อุง จอง” จึงค่อยๆเริ่มต้นการฝึกยิงประตู ด้วยการให้ใช้เท้าซ้ายและเท้าขวา ยิงประตู ข้างละ 500 ครั้ง ทุกวัน รวมถึง เริ่มสร้างความแข็งแกร่งทางร่างกาย ให้กับลูกชาย ที่ในเวลานั้น มีอายุ 17 ปี อย่างจริงจัง   

ความทุ่มเทของ “อาบอจี” :

นอกจากจะอยู่กับลูกชาย ในการฝึกซ้อมฟุตบอลแสนโหดนี้ทุกช่วงเวลา แล้ว “อาบอจี” ที่ในเวลานั้น ต้องทำงานเป็นกรรมกรเพื่อหารายได้เสริม ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยังสนับสนุนลูกๆ ด้วยการลงทุนซื้อเกลือถึง 100 กระสอบ ใส่ไว้บนรถบรรทุก เพื่อใช้มันโปรยละลายหิมะ ที่ลานสนามเด็กเล่นใกล้บ้าน ในช่วงฤดูหนาว เพื่อไม่ให้สภาพอากาศที่หนาวเหน็บ ของประเทศเกาหลีใต้ กลายเป็นอุปสรรคในการฝึกซ้อม รวมถึงอาจทำให้ลูกชายของเขาได้รับบาดเจ็บ

ขณะเดียวกัน เมื่อครั้งที่ลูกชายเดินเข้าร้านกีฬา เพื่อหวังหาซื้อสตั๊ดสักคู่ สำหรับการเล่นฟุตบอล “ซอน อุง จอง” ยังผลักลูกชายที่มีท่าทีลังเล ไปซื้อสตั๊ดคู่ที่แพงที่สุดในร้าน โดยไม่จำเป็นต้องห่วงเงินในกระเป๋าของพ่อด้วย!

และไม่เพียงจะสนับสนุนเรื่องความฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เพราะในระหว่างการเดินทางเพื่อไปให้ถึงความฝันที่ว่านั้น “สุดยอดคุณพ่อผู้นี้” ยังช่วยให้ลูกชายมีความสุข กับการเรียนทั้งในช่วงวัยเด็กและเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ด้วยการซื้อหนังสือเรียนเล่มเดียวกัน มาเรียนร่วมกับลูกชาย

โดยทั้ง 3 คน มีนัดสำหรับการทบทวนบทเรียน ถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมถึง ยังร่วมอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบด้วยกัน จนดึกดื่นอีกด้วย

และไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงที่ “ซอน เฮือง มิน” เริ่มต้นการค้าแข้งในยุโรป กับ สโมสรฮัมบูรก์ ของเยอรมนี นั้น นอกจาก “ซอน อุง จอง” จะยอมเสียเงินก้อนโต จ้างครูสอนภาษาเยอรมนี มาสอนลูกชาย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผจญภัยครั้งสำคัญแล้ว

เขายังเสียสละตัวเอง ด้วยการไปพักในโรงแรมราคาถูก เพียงคืนละ 50 ยูโร (1,847บาท) เพื่อเฝ้าติดตามการฝึกซ้อม และช่วยปรับปรุงวิธีการเล่นที่เหมาะสมให้กับลูกชาย รวมถึงยังไปทำอาหารให้กินเป็นเวลาถึง  3 ปี ที่ประเทศเยอรมนีด้วย

ทั้งนี้ “ซอน อุง จอง” บอกเล่าถึงเหตุผลที่ทำเช่นนั้น เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า…

“ผมต้องการแสดงให้ลูกได้รู้ว่า ผมพร้อมจะสนับสนุนและอยู่ร่วมกับเขาเสมอในทุกๆช่วงเวลา”

“ถ้าพ่อแม่กำลังดูทีวี หรือ กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ แต่กลับไปบอกให้ลูกๆเรียนหนังสือ คุณคิดว่าเด็กๆจะยอมทำตามที่พ่อแม่บอกหรือ?  ฉะนั้น ถ้าคุณอยากให้ลูกๆอ่านหนังสือ คุณก็ต้องอ่านหนังสือให้ลูกดูเป็นตัวอย่างที่ห้องนั่งเล่น”

ซึ่งทั้งการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี และทุ่มเทอย่างสุดกำลังของพ่อเช่นนี้ ทำให้ “ซอน เฮือง มิน”  ยอมรับว่า แม้การฝึกฝนของพ่อจะหนักหน่วง จนบางครั้งรู้สึกท้อแท้และเหนื่อยล้า จนอยากจะพักผ่อนบ้าง แต่เมื่อได้เห็นว่า พ่อต้องทำงานอย่างหนักแบบนั้น ทำให้ เขา รู้สึกได้ว่า ตัวเองจะต้องไม่ “ยอมแพ้อย่างเด็ดขาด”   

จงเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน :

สำหรับเหตุผลที่ “ซอน อุง จอง” ไม่อนุญาตให้ “ซอน เฮือง มิน” ตอนอายุ 15 ปี “ยิงประตู” รวมถึง เคยปฏิเสธว่า ลูกชายที่ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ยังไม่เข้าขั้นการเป็นนักเตะระดับโลก และยังต้องพัฒนาอีกมาก นั้น ก็เป็นเพราะ เขาไม่ต้องการให้ “ลูกชาย” สูญเสียสมาธิในสนาม หรือ หลงระเริงไปกับเสียงสรรเสริญเยินยอ ที่มักจะนำพาไปสู่ “ความเย่อหยิ่งจองหอง” ซึ่งถือเป็น “ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของนักฟุตบอล”

โดยสิ่งที่สามารถยืนยันในเรื่องนี้ ก็คือ “ซอน อุง จอง” ได้เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้ หลายต่อหลายครั้ง ถึงประเด็นนี้ เอาไว้อย่างน่าสนใจ เช่นที่ว่า…

“ผมอยากให้เขาแต่งงาน หลังแขวนสตั๊ด เพื่อที่เขาจะได้เล่นฟุตบอล โดยไม่มีอะไรรบกวน”

หรือ... “นอกเหนือจากเรื่องเงินทองแล้ว ผมหวังว่าเขาจะได้เล่นฟุตบอลอย่างมีความสุข ในเมืองที่เขาอยากอาศัยอยู่ และในสโมสรที่เขาอยากจะลงเล่นให้ เพราะแม้ว่าการทำแบบนั้น อาจทำให้ได้เงินน้อยลงก็ตาม แล้วจึงค่อยแขวนสตั๊ด”

และ... “สิ่งที่ผมกระตุ้นลูกอยู่เสมอ คือ โลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ เพราะต่อให้ได้รับเสียงชื่นชมจากผลงานที่เขาสร้างไว้ แต่โลกจะไม่เปลี่ยนไป เพียงเพราะเขาได้รางวัลดาวซัลโวสูงสุด ฉะนั้น หน้าที่ของลูกคือ จงเตรียมพร้อมสำหรับการลงเล่นในนัดถัดไป”

หรือ... “ผมบอกเขาว่า จงปล่อยใจให้ว่าง ปล่อยวางความโลภ และกลับมาเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุข โดยไม่คำนึงถึงผลแพ้ชนะ ในอดีต ผมอาจเคยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเกมการแข่งขันมากมายกับเขามากมาย แต่ทุกวันนี้ เมื่อผมไปส่งเขาลงแข่งขัน ผมจะกอดเขาและบอกกับเขาว่า ลูกจงลงไปเล่นให้มีความสุข และหากลูกสามารถก้าวข้ามผลแพ้หรือชนะได้ ลูกจะเป็นนักฟุตบอลที่มีความสุขกับการเล่นฟุตบอล โดยไม่คำนึงถึงชื่อเสียงหรือเงินทอง”

รวมถึงเมื่อครั้งที่ “ซอน เฮือง มิน” ผิดหวังที่สุดในชีวิต จากความพ่ายแพ้ “ลิเวอร์พูล” ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2019 “อาบอจีท่านนี้” ได้เข้าสวมกอดลูกชายที่เดินร้องไห้มาหาที่อัฒจันทร์หลังจบเกมว่า...

“ไม่เป็นไร ลูกทำได้ดีแล้ว ลูกไม่ได้รับบาดเจ็บและลูกเล่นได้ดี นั่นมันเพียงพอแล้วสำหรับพ่อ”

และทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่ ชายชื่อ “ซอน อุง จอง” ยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อทำให้ความฝันของลูกชายกลายเป็นจริงได้ในที่สุด

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

เจมี วาร์ดี และ ตำนานความสำเร็จ บทเรียน เปลี่ยนแปลง นักสู้ (ชมคลิป)

ถอดรหัสความพิเศษ ลามีน ยามาล พรสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความเกรงกลัว (ชมคลิป)

แชมป์แรกในชีวิต แฮร์รี เคน ที่มาจาก Hard Work & Self-Belief (ชมคลิป)

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สเกาเซอร์ผู้ชื่นชอบความท้าทาย (ชมคลิป)

สปริตและพลังงาน วาตารุ เอ็นโดะ นักเตะรับจบที่นำลิเวอร์พูลสู่แชมป์ (ชมคลิป)

Tag : ซอน เฮือง มิน ทอตแนมฮอตสเปอร์ Son Heung Min ซอน อุง จอง Son Woong jung เจมี วาร์ดี เลสเตอร์ซิตี้ จิ้งจอกสยาม Leicester City ลามีน ยามาล Lamine Yamal บาร์เซโลนา แฮร์รี เคน Harry kane บาเยิร์น มิวนิค ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ลิเวอร์พูลล่าสุด ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกกี่สมัย Liverpool เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ Trent Alexander-Arnold อาร์เนสล็อต เยอร์เกนคลอปป์ ไรอันกราเฟนแบร์ก เวอร์จิลฟานไดจ์ค โมฮาเหม็ดซาลาห์ อังกฤษ OUTFIELDMAN สำนักข่าวทรัสต์นิวส์ Trustnews

You might be intertested in this news.

Mostview

ระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 รุ่นล่าสุดของสหรัฐฯ ประกอบเสร็จออกจากโรงงานแล้ว

รมว.กระทรวงพลังงานของสหรัฐ และ NNSA ประกาศว่า ลูกระเบิดนิวเคลียร์ B61-13 รุ่นล่าสุด ประกอบเสร็จสิ้นและออกจากโรงงานที่เท็กซัสแล้ว เร็วกว่ากำหนดเกือบ 1 ปี หลังประกาศการพัฒนาเมื่อปี 2023 โดยเป็นแผนการปรับปรุงอาวุธนิวเคลียร์เก่าให้มีประสิทธิภาพ

ทอ.เตรียมแถลงจัดซื้อ กริพเพน E/F จากสวีเดนพร้อม Offset Policy ที่อาจมี Meteor

ทอ.ประชุมเตรียมงานแถลง "โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน" โดยมีรายงานว่า คือ กริพเพน รุ่น E/F จาก SAAB สวีเดน พร้อม Offset Policy แบบจัดเต็ม คาดจะมีอาวุธเด็ด BVRAAM แบบ Meteor มาให้ ทอ.ไทยด้วย

FINAL DESTINATION BLOODLINES ไล่ล่า โกงตาย กับเงื่อนไขที่แตกต่าง

ดูมาแล้ว สำหรับ FINAL DESTINATION BLOODLINES ภาพยนตร์ แฟรนไซส์ สยองขวัญ ที่ ไม่มีผี แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ความตายที่พยายามไล่ล่าด้วยอุบัติเหตุต่าง ๆ ...

“หลานม่า-วิมานหนาม” คว้ารางวัล “NINEENTERTAIN AWARDS 2025”

GDH ปลื้ม คว้า 2 รางวัลสำคัญ “NINEENTERTAIN AWARDS 2025” เรื่อง “หลานม่า” คว้าภาพยนตร์แห่งปี ส่วน "วิมานหนาม" ได้รางวัลสร้างสรรค์แห่งปี ...

Final Destination Bloodlines กลับมาทวงความตายจากผู้หนีตาย!

Final Destination Bloodlines กลับมาทวงความตายจากผู้หนีตาย! ผลงานตอนใหม่จากแฟรนไชส์เลือดสาดที่สร้างความสำเร็จให้นิวไลน์ ซีเนม่า...

TrustNEws Line