วันเสาร์, สิงหาคม 2, 2568

สำรวจ5ปัญหาของแมนยูฯ ที่นำไปสู่ฤดูกาลแห่งฝันร้าย (ชมคลิป)

by Trust News, 29 พฤษภาคม 2568

สำรวจ5ปัญหาของแมนยูฯ ที่นำไปสู่ฤดูกาลแห่งฝันร้าย

หลังจบอันดับที่ 15 ในลีก ด้วยการทำสถิติชนะเพียง 11 นัด แพ้ถึง 18 นัด และเสียประตูไปมากถึง 54 ลูก และนี่คือ... ฤดูกาลแห่งหายนะอันแท้จริงสำหรับ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” และมันยังถือเป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุด นับตั้งแต่ปิศาจแดง เคยตกชั้นจากลีกสูงสุด เมื่อ 51 ปีที่แล้ว!

อะไรที่ทำให้ “ยูไนเต็ด” ต้องจบฤดูกาลอันเจ็บปวด ที่ไม่เพียงจะต้องตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 15 และไร้ซึ่งแชมป์ใดๆปลอบประโลมใจ  หากแต่…ที่น่าร้าวรานหัวใจมากไปกว่านั้นก็คือ “เหล่าสาวกเรดเดวิลส์” จำต้อง ทนเห็น “คู่ปรับสำคัญ” ได้เฉลิมฉลองแชมป์ลีก สมัยที่ 20 อย่างเอิกเกริกเสียด้วย!

“ฝันร้ายและความเจ็บปวด ณ โรงละครแห่งความฝัน สิ้นสุดลงแล้ว หรือ มันจะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน?”  

วันนี้ “เรา” มีหลากหลายมุมมองที่น่าสนใจ ซึ่งน่าจะเชื่อมโยงไปถึง “สารพัดปัญหา ฝันร้ายที่เกิดขึ้น ณ โอลด์แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้” มาประมวลให้ “คุณ” ได้ร่วมกันพิจารณา

1. ปัญหา คือ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ :

หนึ่งในปริศนาที่เหล่าสาวก “ปิศาจแดง” งุนงงมากที่สุด ก็คือ ความยุ่งเหยิงในการทำงานของทีมหลังบ้านภายใต้การบริหารของ “เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์” (Sir.Jim Ratcliffe) และ “กลุ่ม INEOS” โดยเฉพาะการปลด “เอริก เทน ฮาก” ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงกลางฤดูกาล รวมถึง มันยังเกิดขึ้นหลังจาก บอร์ดบริหารได้อนุมัติงบประมาณมากกว่า 200 ล้านปอนด์ (8,823ล้านบาท) สำหรับการซื้อนักเตะในแบบที่อดีตกุนซือชาวฮอลแลนด์ “ต้องการ” ไปแล้ว

หรือในกรณีการตัดสินใจปลด “แดน แอชเวิร์ธ” ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬา ทั้งๆที่ “เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์” เองนั่นแหล่ะ ที่พยายามทำทุกวิถีทาง กว่าที่จะสามารถดึงตัว “แดน แอชเวิร์ธ” ออกมาจากอ้อมอกของสโมสรนิวคาสเซิลได้ แต่แล้ว หลังผ่านไปเพียง 5 เดือน รวมถึงได้ทำงานในตลาดนักเตะ เพียงตลาดเดียว แต่แล้วจู่ๆ “แดน แอชเวิร์ธ” ก็ถูกปลดแบบฟ้าผ่า  

ซึ่งการตัดสินใจในแบบ “สร้างความสับสน” นี้ มันยังทำให้ยูไนเต็ด สูญเงินไปรวมกันมากกว่า 25 ล้านปอนด์ (1,100ล้านบาท) โดยแยกเป็น เงินชดเชย แดน แอชเวิร์ธ 4.1 ล้านปอนด์ (180ล้านบาท) เอริก เทน ฮาก 10.6 ล้านปอนด์ (441ล้านบาท) และเงินค่าจ้าง “รูเบน อโมริม” กุนซือใหม่ อีกถึง 11 ล้านปอนด์ (485ล้านบาท)

ทั้งๆที่ “เงินก้อนนี้” ถูกนำไปใช้ หลังจากตัวของ “เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์” เองอีกเหมือนกัน เพิ่งประกาศแผนการตัดค่าใช้จ่ายแบบไร้ความปราณี เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินก้อนโต ที่ต้องถึงขนาดปรับลดพนักงานจำนวนมาก หรือ แม้กระทั่ง ต้องยกเลิกเงินช่วยเหลือ เหล่าอดีตนักเตะตำนานสโมสร เพียงปีละ 40,000 ปอนด์ (1.7ล้านบาท) รวมถึง ค่าอาหารกลางวันฟรีสำหรับพนักงาน

2. ปัญหา คือ รูเบน อโมริม :

การยืนกรานของ “รูเบน อโมริม” ในแบบ “จะเป็นจะตายอย่างไร” ทีมของเขาจะต้องยึด Formation 3–4-3 ทุกนัด ทั้งๆที่ ตามรายงานของ The Athletic นั้น “ความดื้อรั้น” ดังกล่าว ได้เคยถูก “เจสัน วอลค็อกซ์” ผู้อำนวยการด้านเทคนิค ตั้งคำถามก่อน รูเบน อโมริม จะเข้าตำแหน่งแล้วว่า รูปแบบการเล่นเช่นนี้ จะเข้ากับ “วัฒนธรรมและนักเตะชุดปัจจุบัน” ของ ยูไนเต็ด หรือไม่?  

และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ได้รับทราบกัน เมื่อ “ผลลัพท์” ที่ได้มากลับมานั้น ก็คือ ความพ่ายแพ้ในลีกถึง 18 นัด และในจำนวนนี้ ยังเป็นการ “แพ้คาบ้าน” ถึง 9 นัด ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงเกินกว่ามาตรฐาน สำหรับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะยอมรับได้

ซึ่ง “ตัวเลข” ความพ่ายแพ้มากมายขนาดนั้น ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นอกจากจะทำให้เกิดความสงสัยในฝีมือการคุมทีม จากบรรดาสาวกเรดเดวิลส์แล้ว มันยังอาจไปกระทบต่อความเชื่อมั่นที่มีต่อกุนซือหนุ่มผู้นี้ ในหมู่นักเตะด้วยเช่นกัน

เพราะสิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืม คือ “รูเบน อโมริม” ยังไม่ได้ลงหลักปักฐานอันมั่นคงในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกทั้งบอร์ดบริหารของยูไนเต็ดเอง ก็ได้แสดงให้เห็นในกรณีของ “เอริก เทน ฮาก” มาแล้วว่า พร้อมตัดสินใจ “ปลดกุนซือ” ที่ไม่เข้าตาได้ทุกเมื่อ

ไม่เพียงเท่านั้น กุนซือหนุ่มโปรตุเกส ยังเคยแสดงออกถึง “วุฒิภาวะ” อันน่าถูกตั้งคำถาม สำหรับการคุมสโมสรใหญ่ที่เต็มไปด้วยแรงกดดันอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะกับประโยคการให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ว่า…

“เราอาจเป็นทีมที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ การตำหนิเหล่านักเตะอย่างรุนแรงต่อสาธารณชน รวมถึง… “ผมพร้อมเสมอหากบอร์ดบริหารและแฟนบอลรู้สึกว่าผมไม่ใช่คนที่เหมาะสม ผมก็พร้อมจะไปโดยไม่ต้องมีการเจรจาเรื่องเงินชดเชยใดๆ”

หากแต่ในอีกไม่กี่วันถัดมา “รูเบน อโมริม” กลับให้สัมภาษณ์ที่ขัดแย้งกับคำพูดดังกล่าวของตัวเองอย่างน่าแปลกใจ ซึ่งระบุว่า… “ผมจะไม่ลาออก ผมมั่นใจในงานของผมจริงๆ อย่างที่คุณเห็น ผมจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรในวิธีที่ผมทำสิ่งต่างๆ”

3. ปัญหา คือ การทำประตู :

มีสถิติที่น่าสนใจ หลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่นครบ 28 นัดในลีก ซึ่งพบว่า ทีมของรูเบน อโมริม ยิงประตูได้รวมกันเพียง 33 ประตู หรือ คิดเป็น 1.22 ประตูต่อเกม และไม่เพียงเท่านั้น มากถึง 10 นัด จากจำนวนทั้งหมด 27 นัด ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถยิงประตูคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย!

โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ทีมปิศาจแดง ยิงประตูได้น้อยมากในฤดูกาลนี้ ก็เป็นเพราะ ทีมของอโมริม ส่งบอลที่มี “คุณภาพเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายได้น้อยเกินไป”

ดังจะเห็นได้จากการที่มีนักเตะมากถึง 36 คนในพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลนี้ ที่สามารถทำประตูจากการเล่นลูกโอเพนเพลย์ ได้ถึง 10 ประตูขึ้นไป แต่ในจำนวนนั้น กลับไม่มีนักเตะปิศาจ รวมอยู่ในนั้น “แม้แต่เพียงคนเดียว”

ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งสถิติที่น่าจะตอกย้ำ ถึงปัญหาดังกล่าวได้ ก็คือ กองหน้าตัวเป้าของทีมอย่าง “ราสมุส ฮอยลุนด์” และ “โจชัว เซิร์กซี” ได้สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม รวมกันน้อยกว่า 100 ครั้งเท่านั้น  

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจาก “รูปแบบการเล่น 3-4-3” ของ “รูเบน อโมริม” สิ่งที่มักปรากฏในสนามก็คือ จากผู้เล่น 11 คน นั้น จะมีผู้เล่นในแนวรับมากถึง 6 คนเป็นอย่างน้อย ในขณะที่ผู้เล่นแนวรุกนั้น จะมีอยู่เพียง 3 หรือ 4 คนเท่านั้น ซึ่ง “ค่อนข้างน้อยเกินไป” สำหรับการสร้างภัยคุกคาม ในพื้นที่สุดท้ายของฝ่ายตรงข้าม

อีกทั้ง ทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก หากนัดใดก็ตามที่ “บรูโน แฟร์นันเดส” นักเตะที่มีสถิติสร้างสรรค์โอกาสการทำประตู จากการเล่นโอเพ่นเพลย์ ได้สูงที่สุดในทีม ถูกถอยจาก หมายเลข 10 ลงไปเล่นเป็นหมายเลข 6

เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่เป็นเช่นนั้น “กัปตันทีมปิศาจแดง” มักต้องถอยลงเป็นเล่นเกมรับตามแท็กติกเป็นหลัก จนกระทั่งไม่มีโอกาสเคลื่อนที่เข้าสู่แดนสาม เพื่อจ่ายบอลคุกคามฝ่ายตรงข้ามเลย

4. ปัญหา คือ สุขภาพนักเตะ :

คุณ รู้หรือไม่?

สถิติ ณ สิ้นสุดวันที่ 16เม.ย.2025 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีจำนวนนักเตะบาดเจ็บสะสมรวมกันถึง 58 ครั้ง และมีจำนวนวันที่นักเตะต้องพัก จากอาการบาดเจ็บรวมกันถึง 1,408 วัน ซึ่งถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

แต่หากนำไปเปรียบเทียบกับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในลีกแล้ว “ปิศาจแดง” มาเป็นลำดับที่ 1 ในขณะที่ ทีมแชมป์ในฤดูกาลนี้ อย่าง ลิเวอร์พูล มีจำนวนวัน ที่นักเตะต้องพักจากอาการบาดเจ็บ รวมกันเพียง 816 วัน เท่านั้น หรือ น้อยกว่ากันเกือบครึ่งต่อครึ่ง!

และสำหรับประเด็นนี้ มีมุมมองที่น่าสนใจ คือ บรรดานักเตะแกนหลักของทีม มักได้รับบาดเจ็บรุนแรงในช่วงปรีซีซั่น จากการต้องเดินทาง ไปเตะฟุตบอลในดินแดนอันห่างไกล เพื่อหารายได้เข้าทีมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น กรณี ค็อบบี ไมนู และ อาหมัด ดิยัลโล ที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ระหว่างลงเตะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ กรณี ราสมุส ฮอยลุนด์ และ เลนี โยโร ในอีก 1 ปีต่อมา ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เช่นกัน

ซึ่งในกรณี เซนเตอร์แห่งความหวังราคาแพง อย่าง เลนี โยโร ที่ได้รับบาดเจ็บกระดูกผ่าเท้าแตกนั้น กว่าที่เจ้าตัว จะหายจากอาการบาดเจ็บ เพื่อลงไปแก้ปัญหาแดนหลังให้กับทีมในฤดูกาลนี้ ได้นั้น ก็ล่วงเข้าถึงเดือนธันวาคมเข้าไปแล้ว

อย่างไรก็ดี ดูเหมือน “บทเรียน” ที่ว่านี้ บรรดาบอร์ดบริหารยูไนเต็ดยุคนี้ น่าจะยังไม่เรียนรู้ เพราะหลังเพิ่งผ่านการกรำศึกในฤดูกาลนี้ มาอย่างชนิดสะบักสะบอม จนทำให้นักเตะเหนื่อยล้าและได้รับบาดเจ็บมากมาย

หากแต่ทันที ที่พรีเมียร์ลีกปิดฉากลง แทนที่พวกเขาจะได้พักผ่อน กลับถูกจับไปนั่งเครื่องบินนานถึง 15 ชั่วโมง เพื่อมาเตะปรีซีซั่น หารายได้ (อีกแล้ว) ที่ประเทศมาเลเซีย และ ฮ่องกง ทันที!

5. ปัญหา คือ หนี้สิน :     

อ้างอิง จากการประเมินเบื้องต้นของ สำนักข่าว BBC การพลาดหวังไปเตะใน “ศึกยูฟาแชมเปียนส์ลีก” หรือแม้กระทั่ง ศึกยูโรปาลีกในฤดูกาลหน้า ของ ยูไนเต็ด สร้างความเสียหายอย่างน้อยที่สุด ถึงประมาณ 100 ล้านปอนด์ (4,400ล้านบาท)

ซึ่งจะมาจาก “เงินก้อนโต” จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด , รายได้อย่างน้อย 10 ล้านปอนด์ (440ล้านบาท) จากการไม่สามารถทำตามเงื่อนไข ลงเล่นถ้วยบิ๊กเอียร์ ของ สปอนเซอร์หลัก Adidas รวมถึง รายได้อีกอย่างน้อย 4.3 ล้านปอนด์ (189ล้านบาท) ต่อนัด จากการจำหน่ายตั๋วในเกมนัดเหย้า จากแมตช์การแข่งขันที่ลดลง

ขณะเดียวกัน หากไม่นับ “หนี้สิน” ราว 650 ล้านปอนด์ (28,675ล้านบาท) ซึ่งตระกูลเกลเซอร์ ก่อไว้ จากการกู้เงิน มาซื้อทีม ตั้งแต่แต่ปี 2005 ซึ่งจนบัดนี้ ก็ยัง “ชำระไม่หมด” แล้ว

“ยูไนเต็ด” ยังมี “หนี้สินค้างชำระ” จากการซื้อนักเตะ เป็นตัวเลขสูงถึง 272 ล้านปอนด์ (12,000ล้านบาท) และในจำนวนนี้ ยังเป็นการต้องชำระ ภายในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ เป็นตัวเลขสูงถึง 156 ล้านปอนด์ (6,900ล้านบาท) เสียด้วย!

แบบนี้คงไม่แปลกใจอะไรแล้วใช่ไหมว่า เพราะอะไร? “เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์” จึงต้องประกาศรัดเข็มขัดอย่างรุนแรงถึงขนาดนั้น

และจากสารพัดปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ที่จะนำไปสู่ “คำถาม” อันร้อนลุ่มจากบรรดาสาวกเรดเดวิลส์ ซึ่งต้องจำทนเห็น “เศษซากปรักหักพัง” ในฤดูกาลนี้ที่ว่า…

“รูเบน อโมริม ผู้ร้องขอให้เหล่าสาวกเร้ดเดวิลส์ อดทนกับความเจ็บปวด จะสามารถกอบกู้หายนะที่เกิดขึ้นนี้ได้จริงหรือไม่?”

และ “การผ่าโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อลดต้นทุน รวมถึงโปรเจคคืนสู่ความย่ิงใหญ่ ภายใต้การนำของเซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ จะไม่ได้เป็นเพียงแค่ การขายฝันใช่ไหม?”

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

เบื้องหลังความสำเร็จซอน เฮือง มิน พ่อ และทุกอย่างที่เริ่มจาก Basic (ชมคลิป)

เจมี วาร์ดี และ ตำนานความสำเร็จ บทเรียน เปลี่ยนแปลง นักสู้ (ชมคลิป)

ถอดรหัสความพิเศษ ลามีน ยามาล พรสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความเกรงกลัว (ชมคลิป)

แชมป์แรกในชีวิต แฮร์รี เคน ที่มาจาก Hard Work & Self-Belief (ชมคลิป)

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สเกาเซอร์ผู้ชื่นชอบความท้าทาย (ชมคลิป)

Tag : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนยูฯ manchester united ซอน เฮือง มิน ทอตแนมฮอตสเปอร์ Son Heung Min ซอน อุง จอง Son Woong jung เจมี วาร์ดี เลสเตอร์ซิตี้ จิ้งจอกสยาม Leicester City ลามีน ยามาล Lamine Yamal บาร์เซโลนา แฮร์รี เคน Harry kane บาเยิร์น มิวนิค ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ลิเวอร์พูลล่าสุด ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกกี่สมัย Liverpool เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ Trent Alexander-Arnold อาร์เนสล็อต โมฮาเหม็ดซาลาห์ อังกฤษ OUTFIELDMAN สำนักข่าวทรัสต์นิวส์ Trustnews

You might be intertested in this news.

Mostview

ทหารเตือน ระวังอันตราย ขีปนาวุธ PHL-03 ระยะยิงกว่า 130 กม.จากแนวชายแดน

กองทัพภาคที่ 2 เตือนพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระวังอันตรายจาก PHL-03 ขีปนาวุธ พื้นสู่พื้นหลายท่อยิงของฝ่ายกัมพูชา ชี้พิสัยไกล 130 กม. อาจตกใส่เขตชุมชนแบบไม่พึงประสงค์ ทั้งนี้ พยายามอยู่ห่างจากที่ตั้งหน่วยงานราชการไว้ก่อน

ทหารไทยยึด "ภูมะเขือ" ได้ นาวิกโยธิน เข้าขับไล่ทหารกัมพูชาพ้น "บ้านชำราก"

กองทัพไทย รายงานการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกองทัพภาคที่ 2 แจ้งทหารไทยตรึงกำลังเข้ายึด "ภูมะเขือ" ไล่ทหารกัมพูชาลงเขา ขณะที่ กองทัพเรือ เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” ส่ง นาวิกโยธินไล่ตะเพิดทหารกัมพูชาที่บุก "บ้านชำราก" พ้นแผ่นดินไทย

รีวิวหนัง “อ่านชะตาวันสิ้นโลก” CG อลังก์ หนังมันส์แบบ nonstop

ดูมาแล้ว สำหรับ หนังฟอร์มยักของเกาหลี “อ่านชะตาวันสิ้นโลก” หรือ Omniscient Reader: The Prophecy หนังที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล โดยดัดแปลงเนื้อหามาจาก “มังฮวา” ชื่อดัง ที่มีการเขียนลงในเว็บโนเวล

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ส.ค.2025)

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (1ส.ค.2025)

กองทัพอากาศ แจงข่าวสวีเดนปฏิเสธขาย Gripen ให้ไทย เป็นเฟคนิวส์ฝั่งกัมพูชา

กองทัพอากาศ ยืนยัน ข่าวกรณี สื่อของกัมพูชารายงานอ้างว่า สวีเดนระงับการขายเครื่องบินขับไล่ Gripen เพิ่มเติม ให้กับไทยทั้งหมด “ข่าวบิดเบือนความจริง” โครงการดังกล่าว ยังคงอยู่ในระหว่างกระบวนการจัดซื้อ

TrustNEws Line