เพราะอะไรลิเวอร์พูลจึงยอมจ่ายแพง กับเบอร์10 ที่ชื่อ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ (ชมคลิป)
by Trust News, 11 มิถุนายน 2568
เพราะอะไรลิเวอร์พูลจึงยอมจ่ายแพง กับเบอร์10 ที่ชื่อ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์
หลัง สโมสรลิเวอร์พูล ประกาศความพร้อม ที่ราคามากกว่า 100 ล้านปอนด์ (4,400ล้านบาท) เพื่อหวังกระชากตัว ศิลปินลูกหนังหมายเลข 10 ชาวเยอรมนี อย่าง “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” (Florian Wirtz) จากสโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ไปร่วมทีม
คำถามต่างๆนานา จากเหล่า “เดอะ ค็อป” จึงค่อยๆเริ่มก่อตัวขึ้น ทีละเล็กทีละน้อย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า เหตุใด “Wonder Kid” ผู้นี้ จึงเป็นเป้าหมายการเสริมทัพสำคัญ ของ “ทีมหงส์แดง”
ทั้งๆที่ แผงมิดฟิลด์ชุดแชมป์ฤดูกาลล่าสุด ตามแท็กติกของ “อาร์เน สล็อต” (Arne Slot) ผู้เป็นกุนซือ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 นักเตะกำลังหลัก อย่าง “ไรอัน กราเฟนเบิร์ช” , “อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์” และ “โดมินิก โซบอสซไล” เล่นกันได้อย่างเข้าขาลงตัว และน่าจะจับจองตำแหน่งตัวจริง เอาไว้ได้อย่างมั่นคงแล้ว
“ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” แตกต่าง หรือ มีความพิเศษ มากกว่า แผงมิดฟิลด์ชุดปัจจุบัน ของ ทีมแชมป์ลีก 20 สมัย มากจนถึงขนาดที่ ผู้บริหารกลุ่มทุน "เฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป" (Fenway Sports Group) หรือ FSG เจ้าของทีมลิเวอร์พูล ซึ่งขึ้นชื่อลือชา ในเรื่องการซื้อนักเตะคุณภาพ ภายใต้ราคาที่เหมาะสม “ยินดีที่จะยอมจ่ายราคาแพง” สำหรับนักเตะเพียงคนเดียว จริงๆใช่ไหม?
วันนี้ “เรา” ลองไปพยายามค้นหา “คำตอบ” ที่น่าสนใจนี้ จากข้อมูลที่ “เรา” ได้รวบรวมมาให้ “คุณ” ได้ร่วมพิจารณากันดู…

Wonder Kid ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ :
“ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” เกิดที่เขตเบราไวเลอร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี โดยเด็กหนุ่มผู้นี้ได้รับ “พรสวรรค์ทางด้านกีฬา” มาจากคนในครอบครัวอย่างแท้จริง เนื่องจากทั้งพ่อและแม่ รวมไปจนกระทั่งถึงพี่สาว ต่างเป็นนักกีฬาด้วยกันทั้งหมด
โดยพ่อของเขา ซึ่งนอกจากในอดีตจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว ปัจจุบันยังทำหน้าที่เป็น ประธานสโมสรเอสวี กรุน-ไวส์ เบราไวเลอร์ (SV Grun-Weiss Brauweiler) ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นอีกด้วย
ขณะที่ พี่สาวนั้น ปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลอาชีพสังกัดสโมสรไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เช่นเดียวกับน้องชาย โดยลงเล่นในลีกอาชีพ (บุนเดสลีกาหญิง) รวมถึงติดทีมชาติเยอรมนีชุดเยาวชน มาตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี เท่านั้นอีกด้วย! (เริ่มลงเล่นลีกอาชีพในปี 2018)
สำหรับ “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” ฉายแววความเป็นอัจฉริยะนักเตะ มาตั้งแต่ได้ลงเล่นในทีมระดับเยาวชนของสโมสรโคโลญจน์ ด้วยวัยเพียง 7 ปี! จนกระทั่งครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอย่าง “Kolner Express” ถึงกับยกย่องเจ้าหนูรายนี้เอาไว้อย่างเลอเลิศว่า... “นี่คือมิดฟิลด์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสโมสรโคโลญจน์ในรอบ 30 ปี”
turning point :
“คุณต้องให้โอกาสกับนักเตะมากพรสวรรค์แบบนี้ เพื่อให้เขาได้รังสรรค์ในสิ่งที่สุดพิเศษบนสนาม”
ชาบี อลอนโซ อดีตผู้จัดการทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
สำหรับ “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ในเส้นทางการค้าแข้งของ “หมายเลข 10” แห่งไบอารีนา ก็คือ การโชว์ฟอร์มอันแสนเจิดจ้า ด้วยการยิง 8 ประตู จาก 10 เกม แถมหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นการยิงประตูจากครึ่งสนาม! จนกระทั่งพาทีมเยาวชนโคโลญจน์ คว้าแชมป์ U-17 บุนเดสลีกา ได้สำเร็จในปี 2019
จากนั้นเป็นต้นมา บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บาเยิร์น มิวนิก, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, แอร์เบ ไลป์ซิก หรือแม้แต่ ลิเวอร์พูล จากเกาะอังกฤษ ต่างแห่ส่งตัวแทนมารุมจีบ Wonder Kid ที่มี “ลิโอเนล เมสซี” เป็นไอดอลในดวงใจกันอย่างชนิดจ้าละหวั่น
แต่สุดท้าย “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” ตัดสินใจเลือกเซ็นสัญญากับ “ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน” ในช่วงต้นปี 2020 ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากที่ไบอารีนามีสิ่งที่เรียกว่า “โอกาส และเวลา” สำหรับการพัฒนาเพื่อลงเล่นในทีมชุดใหญ่มากกว่าสโมสรยักษ์ใหญ่อื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ เมื่ออายุเพียงแค่ 17 ปี 16 วัน “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” จึงได้ลงประเดิมสนามในศึกบุนเดสลีกา นัดที่ทีมนายห้างขายยา สามารถเอาชนะ เบรเมน ไปได้ 4 ประตูต่อ 1 ในเดือนพฤษภาคมปี 2020 ซึ่งสถิติการลงสนามดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันเขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในลำดับที่ 3 ที่ได้ลงเล่นในบุนเดสลีกา
และจากนั้นเป็นต้นมา “พรสวรรค์บนฟลอร์หญ้า” ของเด็กมหัศจรรย์คนนี้ ก็ยิ่งเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็น “ระดับปรากฏการณ์โลกลูกหนัง” เมื่อเป็นแกนนำสำคัญของ “ทีมแชมป์ไร้พ่าย” ภายใต้การคุมทีมของ “ชาบี อลอนโซ” ในฤดูกาล 2023/24
สำหรับเส้นทางสู่ทีมชาติเยอรมนีนั้น “เวียร์ตซ์” ทำสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ที่ลงเล่นให้กับทีมชาติเยอรมนีชุด U-21 ด้วยวัยเพียง 17 ปี 159 วัน เมื่อเดือนตุลาคมปี 2020
ส่วนการก้าวเข้าสู่ทีมชาติชุดใหญ่นั้น เจ้าหนูเวียร์ตซ์ ถูกเรียกมาติดธงครั้งแรกในเดือนมีนาคม ปี 2021 แต่กว่าจะได้รับโอกาสให้ลงเล่นเป็น 11 คนแรกในสนามนั้น เจ้าตัวก็ต้องอดทนรอจนถึงเดือนกันยายนปี 2021 หรือ 4 เดือนหลังจากวันเกิดอายุครบ 18 ปี และนั่นทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ลำดับที่ 3 ที่ลงเล่นให้ทีมชาติเยอรมนี นับตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา

จอมทัพหมายเลข 10 :
“ผมเป็นนักเตะเกมรุกโดยธรรมชาติ ผมชอบที่จะมีพื้นที่สำหรับการสร้างสรรค์เกม, เคลื่อนที่ และพาบอลไปข้างหน้า ผมรู้สึกสบายใจมากๆ สำหรับการเล่นในฐานะผู้เล่นเบอร์ 10 แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังคงสนุกกับการได้ลงเล่นในบทบาทผู้เล่นริมเส้น หรือบทบาทอื่นๆ ในเกมรุก ผมรู้สึกว่าผมสามารถใช้จุดแข็งของตัวเอง สำหรับการลงเล่นในตำแหน่งเหล่านั้นได้”
เป็นที่ทราบกันดีว่า “ยุทธวิธีลูกหนังในยุคปัจจุบัน” ซึ่งเน้นเกมบีบสูงในแดนบน และพยายามลดพื้นที่บริเวณกลางสนามของฝ่ายตรงข้ามให้เหลือน้อยที่สุดนั้น ถือเป็นศาสตร์ลูกหนังที่ทำให้ “มิดฟิลด์จอมทัพหมายเลข 10” แทบสาบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ หรือถ้าจะเหลือรอดก็ต้องปรับตัวเองให้มีความคล่องตัว รวมถึงสามารถโยกออกไปเล่นทางริมเส้นได้ ซึ่งกรณีของ “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” ก็ถูกตัดแต่งพันธุกรรมให้เหมาะสม สำหรับการอยู่รอดในฐานะเบอร์ 10 เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ แท็กติกของเลเวอร์คูเซน “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” เป็นได้ทั้ง มิดฟิลด์จอมทัพหลังกองหน้า ในระบบ 3-4-1-2 หรือ โยกออกไปเป็นผู้เล่นทางด้านซ้าย ในระบบ 3-4-2-1 ส่วนในทีมชาติอินทรีเหล็กนั้น “เจ้าหนูเวียร์ตซ์” มักได้รับมอบหมาย ให้ทำหน้าที่ก่อกวนกองหลังฝ่ายตรงข้าม จากริมเส้นฝั่งซ้ายมากกว่า
แล้วอะไรคือ “จุดแข็ง” ที่ทำให้ “เด็กมหัศจรรย์แห่งเยอรมนี” สามารถเล่นทั้งสองบทบาทนี้ได้อย่างลงตัวและกลมกลืน
เทคนิค-การผ่านบอลอันแม่นยำ :
ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์ฟุตบอลในบุนเดสลีกา วิเคราะห์ตรงกันว่า สิ่งที่ทำให้มนุษย์เบอร์ 10 ที่ไบอารีนา ประสบความสำเร็จในโลกฟุตบอลยุคนี้ คือ ความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการสัมผัสบอลแรกอันนิ่มนวลเชื่องเท้า ซึ่งนอกจากจะทำให้ฝ่ายตรงข้าม ไม่สามารถแย่งบอลได้แล้ว มันยังทำให้ศิลปินลูกหนังผู้นี้ “มีเวลามากพอ” สำหรับการมองหาเพื่อนร่วมทีมเพื่อเล่นเกมรุกในลำดับถัดไปด้วย
ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ กับ ลิเวอร์พูล :
แล้วเพราะอะไร “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” จึงเป็นเป้าหมายของลิเวอร์พูล?
1. การสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตู
เฉพาะในศึกบุนเดสลีก้า ฤดูกาลที่ผ่านมา (2024/25) ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการลงเล่น 31 นัด ยิง 10 ประตู กับอีก 12 Assists
และหากเจาะลึกลงไปในรายละเอียด เพื่อค้นหา “ความพิเศษ” จากสถิติดังกล่าว จะพบว่า ประเด็นแรกในเรื่องการเลี้ยงบอล และการสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตู ในฐานะนักเตะเบอร์ 10 นั้น ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ มีค่าเฉลี่ยการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จสูงถึง 50.9% หรือ หากคิดเป็นค่าเฉลี่ยต่อ 90 นาที อยู่ที่ 3.13 ครั้ง ซึ่งสูงกว่านักเตะลิเวอร์พูลชุดแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ทุกคน
ส่วนมันสมองในเรื่องการจ่ายบอล Killer Pass นั้น เจ้าหนูเบอร์ 10 ผู้นี้ ทำสถิติสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูรวม 57 ครั้ง และในจำนวนนี้มากถึง 17 ครั้ง หรือ 29.8% เป็น “Big Chances Created” ซึ่งเป็นรองเพียง “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” เพียงคนเดียวเท่านั้นในทีมลิเวอร์พูลชุดแชมป์ ซึ่งทำสถิติ Big Chances Created 30.3%
ขณะที่ “คุณภาพ” เรื่องการผ่านบอล นั้น เจ้าตัวทำสถิติความแม่นยำเฉลี่ย ในการผ่านบอลสูงถึง 82.3% หรือ คิดเป็นค่าเฉลี่ยผ่านบอลสำเร็จ ต่อ 90 นาที สูงถึง 50.03 ครั้ง
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ที่ นักเตะหมายเลข 10 ผู้นี้ จะมีสถิติการวัดโอกาสการส่งบอลสำเร็จและกลายเป็น Assists หรือ xA สูงถึง 9.44
2. การยิงประตู
ศึกบุนเดสลีก้า ฤดูกาลที่ผ่านมา ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยิงไป 10 ประตู จากการยิงทั้งหมด 78 ครั้ง โดยในจำนวนนี้ เป็นการยิงเข้ากรอบประตูมากถึง 39 ครั้ง หรือ มากกว่า 50%
นอกจากนี้ ในจำนวนการสับไกยิงทั้ง 78 ครั้ง นั้น ยังเป็นการยิง จากนอกกรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้าม ถึง 30 ครั้ง ซึ่งสูงกว่า “โมฮาเหม็ด ซาลาห์” ที่หาจังหวะยิงนอกกรอบเขตโทษเพียง 11 ครั้ง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาด้วย
สำหรับ สถิติความน่าจะเป็นของการได้ประตู (Expected Goals) หรือ ค่า xG ของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ นั้น สูงถึง 9.40 ซึ่งนั่นเท่ากับว่า เจ้าหนูคนนี้ สามารถพาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่อันตราย เพื่อหาจังหวะยิงประตูที่ได้เปรียบ ได้อยู่เรื่อยๆ
3. การเข้าปะทะและการเล่นเกมรับ :
เป็นที่ทราบกันดีว่าแท็กติกของ “อาร์เน สล็อต” นั้น ผู้เล่นทุกคนในสนาม จะต้องเล่นเกมรับเพื่อร่วมกันกดดันฝ่ายตรงข้าม ซึ่งแน่นอนว่า นักเตะหมายเลข 10 ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น อย่างไรก็ดี หากมองไปที่สถิติการเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ แล้ว “เกมรับสำหรับเขาไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด”
เพราะนอกจากเจ้าตัวจะ “ขยันวิ่ง” ด้วยทำสถิติวิ่งด้วยระยะทางรวมถึง 301.9 กิโลเมตร แล้ว “เวียร์ตซ์” ยังมีสถิติค่าเฉลี่ย การดวลเอาชนะคู่ต่อสู้ สูงถึง 6.19 ครั้ง ต่อ 90 นาที และหากเจาะไปที่เฉพาะการแย่งบอลในแดนบน เขายังทำสถิติค่าเฉลี่ย การแย่งบอลได้สูงถึง 1.34 ครั้ง ต่อ 90 นาที ซึ่งสูงกว่า นักเตะลิเวอร์พูลที่ทำได้ดีที่สุด คือ “หลุยส์ ดิอาซ” และ “เคอร์ติส โจนส์” ซึ่งทำได้ 0.8 ครั้ง ต่อ 90 นาที ด้วย

ตำแหน่ง ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ที่ ลิเวอร์พูล :
แม้ว่า ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ จะสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนหน้า และเจ้าตัวดูเหมือนจะพึงพอใจกับการเล่นเป็นเบอร์ 10 หลังกองหน้า มากกว่าตำแหน่งอื่นๆ หากแต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา “ชาบี อลอนโซ” มักจับเขาไปเล่นเป็นเป็นเบอร์ 10 เยื้องไปริมเส้นฝั่งซ้ายบ่อยครั้งที่สุด โดยคิดเป็นถึง 68% จากจำนวนนัดทั้งหมด ที่ลงเล่นในบุนเดสลีก้า
ดังนั้น นับตั้งแต่ กองหน้า , ปีก เรื่อยไปจนถึงกระทั่งถึงตำแหน่งมิดฟิลด์ “อาร์เน สล็อต” สามารถนำ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ไปวางได้ในทุกตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึง “ความพิเศษ” ของเจ้าหนูผู้นี้ บวกกับเงินที่ยอมทุ่มเทมากกว่า 100 ล้านปอนด์ จึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ น่าจะถูกจับไปวางในตำแหน่งเกมรุก ที่ใกล้กับกองหน้าตัวเป้า และสามารถเข้าไปในพื้นที่กรอบเขตโทษฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุด เพื่อทำหน้าที่ “สร้างสรรค์โอกาสและผลิตสกอร์” ให้กับทีม
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง นักเตะที่มีความเสี่ยงว่า อาจจะต้องตกไปเป็นตัวสำรองในฤดูกาลหน้ามากที่สุด ย่อมหนีไม่พ้น เจ้าหนุ่มฮังการี “โดมินิค โซบอสซ์ไล” ที่มักออกอาการหมดแรงช่วงท้ายเกม ในช่วงปลายฤดูกาล รวมถึง มีจุดอ่อนแอสำคัญในเกมรับ ในขณะที่การขับเคลื่อนเกมรุกนั้น ก็ดูเหมือนยังไม่ค่อยน่าพึงพอใจมากนัก เนื่องจากยิงไปได้เพียง 6 ประตู กับอีก 6 Assists ในลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สื่อในต่างประเทศส่วนหนึ่ง คาดว่า ในกรณีที่ ลิเวอร์พูล ไม่ซื้อกองหน้าตัวเป้าคนใหม่เข้ามาเสริมทีมในฤดูกาลหน้า มันก็อาจมีความเป็นไปได้เช่นเดียวกันว่า บางที “อาร์เน สล็อต” อาจจับ “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” ไปเล่นเป็น กองหน้าตัวหลอก หรือ False Nine ก็เป็นได้
ทั้งนี้ แม้ว่าเทรนด์ฟุตบอลในยุคปัจจุบัน ซึ่งนิยมการใช้แท็กติกเพรซซิ่ง เข้าบดขยี้คู่ต่อสู้ จะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เหล่านักเตะอัจฉริยะหมายเลข 10 เริ่มค่อยๆ “สูญหาย” ไปจากสนามหญ้ามากขึ้นเป็นลำดับ
หากแต่บางที แฟนบอลยุค 80-90 ที่ยังคงมี “กลิ่นความทรงจำ” ถึง นักเตะหมายเลข 10 คลาสสิกหลายต่อหลายคน ในยุคที่ฟุตบอล ยังคงเป็นศิลปะอันงดงามนั้น น่าจะพอเริ่ม “มีความหวัง” ที่จะได้กลับมาเห็น โมเม้นท์อันงดงามนั้นอีกครั้ง ก็เป็นได้
หาก “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” ที่ถูกซื้อมาด้วยราคาแพงแสนแพง นั้น สามารถฉายแสงได้อย่างเจิดจ้ากับ ลิเวอร์พูล จนกระทั่งเป็นผลให้ หลายๆสโมสรในโลกฟุตบอล เริ่มหันกลับไป ผลิตอัจฉริยะหมายเลข 10 กันให้มากขึ้น เพื่อเก็งกำไรสำหรับอนาคต
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :
สำรวจ5ปัญหาของแมนยูฯ ที่นำไปสู่ฤดูกาลแห่งฝันร้าย (ชมคลิป)
เบื้องหลังความสำเร็จซอน เฮือง มิน พ่อ และทุกอย่างที่เริ่มจาก Basic (ชมคลิป)
เจมี วาร์ดี และ ตำนานความสำเร็จ บทเรียน เปลี่ยนแปลง นักสู้ (ชมคลิป)
ถอดรหัสความพิเศษ ลามีน ยามาล พรสวรรค์ที่ไร้ซึ่งความเกรงกลัว (ชมคลิป)
แชมป์แรกในชีวิต แฮร์รี เคน ที่มาจาก Hard Work & Self-Belief (ชมคลิป)
You might be intertested in this news.
Mostview
โบอิ้ง 787 แอร์อินเดียแจ้ง "MAYDAY" ก่อนเครื่องตกใส่เขตชุมชนพร้อม 242 ชีวิต
เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ส ของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค ตกกระแทกพื้นกลางย่านชุมชน หลังเพิ่งออกจากสนามบินพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 242 คนบนเครื่อง ทั้งนี้ มีรายงานว่านักบินแจ้งฉุกเฉิน เมย์เดย์ ก่อนร่วงพื้น
พร้อมตั้งแต่เมื่อวาน ทอ.โชว์ติดระเบิดนำวิถี KGGB เขี้ยวเล็บ เอฟ-16 ฝูง 103 โคราช
กองทัพอากาศไทย เผย วิดีโอคลิปบนเฟซบุ๊ก โชว์การติดตั้งอาวุธให้กับเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 ฝูงบิน 103 นครราชสีมา ทั้งการโหลดกระสุนขนาด 20 มม.การติดตั้งมิสไซล์นำวิถีไซด์วายเดอร์ และ อาวุธใหม่ ระเบิดร่อนนำวิถีด้วย GPS แบบ KGGB ที่ซื้อจากเกาหลีใต้
"ตั๊ก - สุนารี - ฮาย” 3 เพื่อนซี้พร้อมฟาด! ใน “สามตัวบน คอนเสิร์ต”
ตั๊ก - สุนารี - ฮาย” 3 เพื่อนซี้พร้อมฟาด! ใน “สามตัวบน คอนเสิร์ต” จองบัตร 14 มิถุนายนนี้ ....
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (10มิ.ย.68) เก็งทําไรในกรอบ
แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (10มิ.ย.68) เก็งทําไรในกรอบ
เครื่องบิน 787 แอร์อินเดียตกทับหอพักแพทย์ พบร่างแล้ว 204 ศพ มีรอดชีวิต 1 ราย
ความคืบหน้าเหตุ โบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์สของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI 171 เส้นทางอาเมดาบัด-ลอนดอน แกตวิค พร้อมคนบนเครื่อง 242 ชีวิตตกที่เมืองอาเมดาบัด โดยซากเครื่องทับหอพัก นศ.แพทย์ ล่าสุด พบผู้โดยสารรอดชีวิต 1 รายเป็นชายวัย 38 ปี ขณะที่พบศพแล้ว 204 ศพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
