อะไรคืออุปสรรค ที่ แมนยูฯ ของ อเลฮานโดร การ์นาโช่

“การตัดสินใจว่า ใครจะได้ลงสนามของผม คือ ผลงานในการฝึกซ้อม ผลงานในสนาม และการมีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมทีม ผมใส่ใจทุกอย่าง วิธีที่คุณกิน หรือ วิธีที่คุณแต่งตัวไปลงสนามแข่งขัน” รูเบน อโมริม เฮดโค้ชทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์กับสื่อ หลังตัดชื่อ “มาร์คัส แรชฟอร์ด” และ “อเลฮานโดร การ์นาโช่”  ออกจากทีมชุดใหญ่

และทั้งหมดนั้น น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ว่า เพราะอะไร “อเลฮานโดร การ์นาโช่” (Alejandro Garnacho) จึงต้องเตรียมตัวเก็บข้าวของ ออกจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้งๆที่ หลังการแจ้งเกิด ด้วยการโชว์การยิงจักรยานอากาศ อันสวยสดงดงาม ใส่เอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนเมษายน ปี 2022 เคยทำให้ Wonder Kid คนนี้ ถูกจับตาในฐานะ “โรนัลโดคนใหม่” แท้ๆ

“พัฒนาการความขัดแย้ง” ที่นำไปสู่ “จุดสิ้นสุด” ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เจ้าหนูอาร์เจนตินาที่เกิดในกรุงมาดริดรายนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร และมันค่อยทับถมจนกลายเป็นอคติที่ไม่อาจทำให้ สามารถอยู่ร่วมกันได้อีกแล้ว เพราะอะไร?

วันนี้ “เรา” ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่น่าจะพอเป็น “คำตอบ” เหล่านั้น มาให้ “คุณ” ได้ร่วมกันพิจารณา

ก้าวแรกที่ไม่ราบรื่นกับยูไนเต็ด :

ปี 2016 “เกราร์โด กุซมัน” (Gerardo Guzman) แมวมองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ประเทศสเปน รายงานกลับมาที่สโมสรปิศาจแดงว่า เขาค้นพบ “เพชรเม็ดงาม” ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา มาตั้งแต่สมัยยังทำงานให้กับสโมสรแอตเลติโก มาดริด และเจ้าหนูรายนี้ กำลังใกล้ที่จะหมดสัญญา กับ สโมสรตราหมีแล้ว

ต่อมาในปี 2020 คลิปวิดีโอการเล่นของ “อเลฮานโดร การ์นาโช่” ในวัย 16 ปี จึงถูกนำเข้าสู่การพิจารณาคัดเลือกในที่ประชุม เจ้าหน้าที่อเคเดมีของปิศาจแดง ในฐานะ “เป้าหมายที่น่าสนใจอันดับหนึ่ง” ในเวลาต่อมา

โดย “นิค ค็อกซ์” (Nick Cox) ผู้อำนวยการอเคเดมีของยูไนเต็ด ณ ขณะนั้น เคยให้สัมภาษณ์ถึงทักษะของเจ้าหนูอาร์เจนตินารายนี้เอาไว้ว่า…

“ยูไนเต็ด สนใจความสามารถในการเอาชนะคู่ต่อสู้ เขามีความเร็วที่ดี แต่ไม่ถึงกับเร็วจัดจ้าน มีจุดเด่นเรื่องการเล่นฟุตบอลด้วยเท้าทั้งสองข้าง อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้ถูกมองว่า เป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ระดับปรากฏการณ์แต่อย่างใด”

จากนั้น ทีมอเคเดมีของยูไนเต็ด จึงได้เริ่มต้นกระบวนการประสานงานเพื่อดึงตัว อเลฮานโดร การ์นาโช่ เข้าสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

หากแต่ อุปสรรคจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทำให้ ทีมอเคเดมีของยูไนเต็ด จำเป็นต้องฝืนกฎ “การไปติดตามดูฟอร์มที่ข้างสนามอย่างใกล้ชิดมากกว่า 1 ครั้ง ก่อนจะนำไปผสมผสานกับการศึกษาคลิปวิดีโอ รวมถึง จัดกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์กับนักเตะและครอบครัว ด้วยการพาชมสิ่งอำนวยความสะดวกและทำความรู้จักกับบรรดาเจ้าหน้าที่ของ อเคเดมียูไนเต็ด” ในแบบที่เคยเป็นมาตลอด

และจากปัญหาการนับหนึ่ง สู่การเริ่มต้นอาชีพใหม่ ที่ประเทศอังกฤษนี้เอง จึงทำให้ทีมอเคเดมี ต้องจัดคอร์สสอนภาษาอังกฤษ และโปรแกรมการฝึกซ้อมส่วนตัว ผ่านวิดีโอคอล เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้เจ้าหนูรายนี้ เรียนรู้เรื่องการปรับตัวสำหรับสโมสรใหม่แทน   

หากแต่ การเชื่อมสัมพันธ์ผ่านวิดีโอคอล นั้น ย่อมแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการสร้างสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวอย่างใกล้ชิด และเมื่อประกอบกับการที่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษมากนักในเวลานั้น จึงทำให้เขา “พลาดโอกาสสำคัญ” ในการเรียนรู้และเชื่อมต่อกับเหล่านักเตะตำนานสโมสรยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็น ไมเคิล คาร์ริค , พอล สโคลส์ หรือ ไรอัน กิ๊กส์ ที่ถูกส่งมาช่วยเหลือและสนับสนุนนักเตะรุ่นเยาว์ในการปรับตัวกับสโมสรอยู่เสมอๆ ในช่วงเวลาปกติ

ความมั่นใจในตัวเอง :

หลังได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ ในเดือนกรกฏาคม ปี 2021 “อเลฮานโดร การ์นาโช่” ได้ลงประเดิมสนามในระดับเยาวชนครั้งแรก กับ ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดย “นิค ค็อกซ์” ผู้อำนวยการอเคเดมีของยูไนเต็ด ณ ขณะนั้น บอกเล่าถึง เจ้าหนูคนนี้เอาไว้ว่า…

“อเลฮานโดร มั่นใจในตัวเองเสมอเวลาโลดแล่นอยู่ในสนาม เขาเชื่อมั่นในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ และบางครั้งเขามักพยายามเล่นเพื่อเอาใจแฟนบอล ที่เข้ามาชมการแข่งขัน ด้วยเหตุนี้ นัดไหนที่เป็นเกมใหญ่ มีคนดูในสนามมากๆ เขาก็มักจะเล่นได้ดีมากยิ่งขึ้น”

ด้วยเหตุนี้ “อเลฮานโดร การ์นาโช่” จึงโดดเด่นจนกระทั่งคว้ารางวัล Murphy Young Player of the Year หรือ รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีในระดับเยาวชนของสโมสรปิศาจแดง ก่อนพาทีมคว้าแชมป์ ยูธคัพ ในฤดูกาล 2021/22 ไปได้ในที่สุด

จากนั้น จึงได้ “ราล์ฟ รังนิก” อดีตผู้จัดการทีมขัดตาทัพ เรียกตัวขึ้นไปเล่นกับทีมชุดใหญ่ ในช่วงต้นปี 2022 ก่อนจะเข้าสู่ทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัวในช่วงการคุมทีมของ “เอริค เทน ฮาก”

ติดทีมชาติตอนอายุ 18 ปี :

ความมั่นใจในตัวเองของ “อเลฮานโดร การ์นาโช่” ที่ในเวลานั้น ติดทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  “ถูกขับให้สูงลิ่วมากยิ่งขึ้น” หลังถูกเรียกตัวติดทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่ครั้งแรกในเดือนมีนาคมปี 2022 ทั้งๆที่ เพิ่งมีอายุ เพียง 18 ปีเท่านั้น

ซึ่งประเด็นนี้ ทำให้ “นิค ค็อกซ์” ผู้อำนวยการอเคเดมีของยูไนเต็ด ณ ขณะนั้น รู้สึกไม่ค่อยสบายใจมากนัก จนกระทั่งถึงกับต้องมีการจัดประชุมหารือผ่านวิดีโอคอล กับ สมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินา

โดย “นิค ค็อกซ์” กล่าวถึงช่วงเวลานั้นเอาไว้ว่า…

“เขาเพิ่งอายุ 18 ปี และใครก็ตามที่อายุ 18 ปี ก็มักจะทำตัวเหลวไหลเล็กๆน้อยๆได้เสมอ คือมันเป็นเรื่องปกติ ในช่วงเวลานั้น ที่คุณอาจสวมรองเท้าแตะแทนรองเท้าผ้าใบ หรือ คุณอาจไม่ได้นำขวดน้ำมา เมื่อคุณควรนำมันมา สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ

อย่างไรก็ดี ความผิดพลาดเหล่านั้น มันจะยิ่งชัดเจนมากขึ้น เมื่อคุณไปยืนอยู่เคียงข้าง นักเตะอย่าง กาเซมีโร ในฐานะที่คุณเป็นเด็กใหม่ในที่ทำงาน กับคนที่ใช้ชีวิตแบบมืออาชีพมาร่วม 20 ปี”

ในขณะที่ “นีล วู้ด” (Neil Wood) อดีตโค้ชเยาวชนรุ่น U-23 ของ ยูไนเต็ด กล่าวถึงอดีตนักเตะในความดูและเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า…

“แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ในการเล่นเกมรุก แต่ยังต้องเรียนรู้และพัฒนาอีกมาก ในเรื่องการจ่ายบอล การป้องกันและครอบครองบอล รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเล่นบอลสุดท้ายที่มีประสิทธิภาพเพื่อทำแอสซิสต์ให้มากขึ้น”  

เริ่มสร้างปัญหาให้กับตัวเอง :

ในยุคการคุมทีมของเอริค เทน ฮาก กุนซือชาวดัชต์ นั้น “อเลฮานโดร การ์นาโช่” เริ่มสร้างปัญหาให้กับตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น กรณีมาสายในมื้ออาหารเช้า ขณะที่ทีมกำลังทัวร์ปรีซีซั่นในปี 2022 จนกระทั่งถูกตัดออกจากทีมในเกมที่เหลือ

รวมถึง เป็นหนึ่งในกลุ่มนักเตะที่ออกจากสนามก่อนหมดเวลา พร้อมกับ โรนัลโด ในนัดอุ่นเครื่องนัดสุดท้าย ที่เจอกับ สโมสรราโย บาเยกาโน  

ขณะเดียวกัน ทั้งๆที่ เอริค เทน ฮาก ถือเป็นผู้สนับสนุนให้เขาได้ลงสนามในทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าตัวก็กลับสร้างรอยร้าวฉาน ด้วยการไป “กดไลค์” โพสต์ที่วิพากวิจารณ์แท็คติก การเล่นของกุนซือชาวดัชต์เข้าให้อีก

แต่ก็ถือเป็นความ “โชคดี” ที่อดีตกุนซือไม่ถือสาและสามารถร่วมงานกันได้ต่อไป จนกระทั่ง เมื่อ เอริค เทน ฮาก ถูกปลด “อเลฮานโดร การ์นาโช่” ก็ยังโพสต์ข้อความสุดซึ้งถึงอดีตเจ้านายว่า…

"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างครับบอส ผมจะสำนึกบุญคุณ ที่คุณให้โอกาสและความไว้วางใจให้ผมได้เล่นให้กับสโมสรแห่งนี้เสมอ แม้ว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่เราปราถนา แต่ผมจะจดจำช่วงเวลาดีๆ ที่เราได้ทำงานร่วมกัน และขอให้คุณโชคดีในอนาคต"

การปะทะกับ รูเบน อโมริม :

หลังรับไม้ต่อจาก “เอริค เทน ฮาก” กุนซือคนเก่าได้เพียงเดือนเดียว “รูเบน อโมริม” ตัดสินใจใช้ไม้แข็งตัดชื่อ “อเลฮานโดร การ์นาโช่” ออกจากทีมพร้อมกับ “ลูกพี่ใหญ่” อย่าง “มาร์คัส แรชฟอร์ด” โดยให้เหตุผลว่า “ผมจะตัดสินให้ใครลงสนาม จากผลงานในการฝึกซ้อม ผลงานในสนาม และการมีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมทีม"

และแม้ว่า ในเวลาต่อมา เจ้าหนูอาร์เจนตินา จะได้รับโอกาสครั้งที่สองจาก รูเบน อโมริม จนกระทั่งได้รับการชมเชยว่า “มีความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับแท็กติกไม่มีตัวรุกริมเส้นที่แสนคุ้นเคย ที่เจ้านายคนใหม่ กำลังนำมาติดตั้งให้กับทีม”

แต่แล้วเมื่อได้รับโอกาส เจ้าหนูอาร์เจนตินา ก็สร้างปัญหาให้กับตัวเองอีกครั้ง เมื่อ แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด และไม่ยอมกลับมานั่งที่ม้านั่งสำรอง รวมถึงยังโพสต์ไอจีขณะตัวเองเดินเข้าอุโมงค์หลังถูกเปลี่ยนตัว  เมื่อทีมมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเขาออก หลังเหลือผู้เล่นในสนามเพียง 10 คน จากการที่ “แพทริค ดอร์กู” แบ็กซ้ายของทีม ถูกไล่ออกในนัดที่เจอกับอิปสวิช เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา  

และ “อีกครั้ง” เมื่อ รูเบน อโมริม ให้โอกาส ด้วยการยืนยันว่าจะพยายามไปทำความเข้าใจ ด้วยตัวเอง และอ้างว่าจะให้ “การ์นาโช่” ไปเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อนร่วมทีม เพื่อเป็นการ “ไถ่โทษ”

แต่แล้ว ปัญหาที่เขาสร้างขึ้นมาครั้งใหม่ ก็ทำให้ทุกอย่างเดินทางมาถึง “จุดแตกหัก” ในที่สุด เมื่อไปให้สัมภาษณ์โจมตีเจ้านายตัวเอง ต่อสาธารณชน ที่ว่า…

“มันเป็นเรื่องยาก สำหรับทุกคนหลังฤดูกาลแห่งหายนะ เราแพ้ในรอบชิงชนะเลิศยูโรปาลีก และไม่ชนะใครได้อีกเลยในลีก” และ “ผมได้ลงเล่นในยูโรปาลีกมาตลอด แต่ในนัดชิงผมกลับได้ลงเล่นแค่ 20 นาที”

ขณะเดียวกัน พี่ชายและเอเจ้นท์ส่วนตัวของเขา “โรเบร์โต้ การ์นาโช่” ยังได้ออกมาสุมไฟแห่งความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น ด้วยการโพสต์บนโชเชียลมีเดียที่ว่า…

“ทำงานอย่างมืออาชีพ ช่วยเหลือในทุกเกม ทำประตูได้ในรอบรองชนะเลิศ เพียงเพื่อจะได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศเพียง 19 นาที ก่อนจะถูกโยนความผิดทั้งหมดให้”

ปัญหาในสนามของ การ์นาโช่  :

นอกจากปัญหานอกสนามแล้ว อีกประเด็นที่น่าถูกหยิบมาวิเคราะห์ คือ “ผลงานในสนาม” ของ “อเลฮานโดร การ์นาโช่”

โดยฤดูกาลที่ผ่านมา กองหน้าของยูไนเต็ดรายนี้ “พลาดโอกาสทองในการทำประตู” (Big Chances Missed) สูง ถึง 14 ครั้ง!  โดยทำไปได้ 6 ประตู กับอีก 2 Assists จากการลงเล่นในลีกรวม 36 นัด รวมเวลาในการลงเล่น 2,195 นาที เท่านั้น  

หากแต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ... บรรดากลุ่มนักเตะที่มีสถิติ “พลาดโอกาสทองในการทำประตู” เท่ากับเขา อีก 5 คน ล้วนแล้วแต่สามารถ “ยิงประตูได้มากกว่าทั้งสิ้น”  

นั่นคือ... น้อยที่สุดคือ “เจมี วาร์ดี” ของเลสเตอร์ ซิตี้ ยิงได้ 9 ประตูกับอีก 4 Assists ส่วนมากที่สุด คือ “โคล พาลเมอร์” ของ เชลซี ซึ่งยิงได้ถึง 15 ประตูกับอีก 8 Assists หรือ มากกว่ากันเกือบครึ่งต่อครึ่ง

ส่วนในกรณีของ “ดีโอโก้ โชต้า” ที่ยิงได้ 6 ประตู กับ 3 Assists นั้น ก็ลงเล่นในลีกน้อยกว่า โดยลงเล่นไปเพียง 26 นัด รวม 1,194 นาทีเท่านั้นด้วย!

ซึ่งประเด็นนี้ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ดาวรุ่งจากอาร์เจนตินาผู้นี้ ยังต้องถูกขัดเกลาอีกมากหากต้องการจะมุ่งไปให้ถึง “ไอดอลของเขา” อย่าง โรนัลโด R7

คำสอนสุดท้ายจาก รูเบน อโมริม :

“รูเบน อโมริม” มีคำพูดที่ทั้งน่ารับฟังและน่าเก็บไป “คิดวิเคราะห์” หลังเกิดเหตุการณ์ที่ “อเลฮานโดร การ์นาโช่” ถูกเปลี่ยนตัวออกในนัดที่ยูไนเต็ด เจอกับ อิปสวิช ว่า…

"เขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่ม ที่ยังต้องการ การเรียนรู้ เขาต้องเข้าใจว่าภาพลักษณ์ที่นี่สำคัญมาก แต่คุณสามารถจัดการกับสิ่งเหล่านั้นได้ในวันถัดไป เพื่อเดินหน้าไปต่อ ดังนั้นเรามาเดินหน้าต่อไปด้วยกันเถอะ

ส่วนเมื่อถูกถามว่า “การ์นาโช่” เข้าใจคำอธิบายดังกล่าวหรือไม่? นายใหญ่ปิศาจแดงคนปัจจุบัน ระบุว่า…

“ผมคิดว่าเขาเข้าใจ แต่ก็อย่างที่ผมบอก นักเตะควรทำความเข้าใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ทั้งหมด ผมรู้จักนักฟุตบอลดี เพราะผมเคยเป็นนักฟุตบอลมานานพอสมควร ผมเข้าใจดีว่าเขาอาจรู้สึกหงุดหงิด เพราะเขาถูกเปลี่ยนตัวออก ในช่วงที่เขากำลังเล่นได้ดี แต่มีความจำเป็นต้องออกไปในจังหวะนั้นของเกม

ซึ่งแน่นอนว่า มันอาจจะยากที่เข้าใจและจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมก็เพียงแค่ พยายามอยากช่วยให้เขาเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้น”

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

คำตอบความอดทนของอาร์เซนอล ทำไมจึงต้องเป็น มาร์ติน ซูบิเมนดี้ (ชมคลิป)

รำลึกถึงความมุ่งมั่น ดีโอโก้ โชต้า นายจะอยู่กับเดอะค็อปตลอดไป (ชมคลิป)

มิลอส เคอร์เคซ กับ ลิเวอร์พูล ตัวสำรอง หรือ แทนที่ ร็อบโบ้ (ชมคลิป)

ความทันสมัย ของ โคตะ ทาคาอิ กองหลังสัตว์ประหลาดแห่งเจลีก (ชมคลิป)

เบื้องหลังความสำเร็จซอน เฮือง มิน พ่อ และทุกอย่างที่เริ่มจาก Basic (ชมคลิป)