ความทันสมัย ของ โคตะ ทาคาอิ กองหลังสัตว์ประหลาดแห่งเจลีก

by Trust News, 30 มิถุนายน 2568

ความทันสมัย ของ โคตะ ทาคาอิ กองหลังสัตว์ประหลาดแห่งเจลีก

ความสามารถของนักฟุตบอลญี่ปุ่น ได้รับการตอบรับ จากลีกระดับท็อปของโลกอีกครั้ง หลัง “โคตะ ทาคาอิ” (Kota Takai) กองหลังวัย 20 ปี เจ้าของส่วนสูง 192 เซนติเมตร หนัก 90 กิโลกรัม ของ สโมสรคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ (Kawasaki Frontale) ถูก สโมสรทอตแนม ฮอตสเปอร์ ยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ ทุ่มเงินมากกว่า 5 ล้านปอนด์ (220ล้านบาท) ดึงตัวไปเล่นในเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

เพราะอะไร? “สโมสรไก่เดือยทอง” จึงตัดสินใจคว้าตัว “นักเตะดาวรุ่ง” ที่เริ่มต้นจากการเป็นศูนย์หน้า หากแต่…หลังจากได้เข้าสู่ระบบของอเคเดมี ของ สโมสรคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ จู่ๆ เขาก็ถูกจับมาเล่นเป็น “เซนเตอร์ฮาลฟ์” ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึก “ชื่นชอบ” มาตั้งแต่แรก

แต่แล้ว... “ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาลฟ์” นี้เอง กลับทำให้ “เด็กหนุ่ม” จากจังหวัดคะนะงะวะ (Kanagawa) ผู้นี้ กลายเป็น หนึ่งในกลุ่มนักเตะดาวรุ่งมากพรสวรรค์รุ่นต่อไป ที่จะเข้ามารันวงการฟุตบอลญีปุ่น เพื่อมุ่งหน้าไปสู่การเป็น “แชมป์ฟุตบอลโลก” ให้จงได้

“โคตะ ทาคาอิ” มีความพิเศษมากเพียงพอ สำหรับลงเล่นในลีกที่แข็งแกร่ง อย่าง พรีเมียร์ลีกอังกฤษ หรือไม่? วันนี้ “เรา” มีข้อมูลที่น่าสนใจมาให้ “คุณ” ได้ร่วมกันพิจารณา…

จุดกำเนิด โคตะ ทาคาอิ :

โคตะ ทาคาอิ เกิดที่จังหวัดคะนะงะวะ เมื่อวันที่ 4 กันยายน ปี 2004 เริ่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ โดยลงเล่นให้กับสโมสร River FC ที่อยู่ในละแวกบ้านเกิดในตำแหน่ง กองหน้า

อย่างไรก็ดี หลังได้รับการตอบรับ ให้เข้าร่วมคลาสพิเศษ กับ อเคเดมี่ของสโมสรโยโกฮาม่า เอฟ มารีนอส (Yokohama F. Marinos) ในช่วงเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

“โคตะ ทาคาอิ” ตัดสินใจเลิกเรียนเปียโน ว่ายน้ำ และ คาราเต้ เพื่อหวังมุ่งเอาดีในเรื่องการเล่นฟุตบอลเพียงอย่างเดียวทันที

หากแต่...การที่ อเคเดมี่ของสโมสรโยโกฮาม่า เอฟ มารีนอส ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมตัว ของบรรดา “Wonder Kids” จากทั่วประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้ “โคตะ ทาคาอิ” ซึ่งยอมรับว่าในเวลานั้น ตัวเองน่าจะเป็นผู้เล่นที่แย่ที่สุดในทีม ต้องพบกับความผิดหวังในที่สุด

อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 “โคตะ ทาคาอิ” ก็สามารถผ่านการคัดเลือกเข้าสู่
อเคเดมี่ ของ สโมสรคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ซึ่งเป็นสโมสรที่คุณแม่ของเขาชื่นชอบ ได้สำเร็จ

แต่แล้ว... ตำแหน่งที่เขาได้ลงเล่นที่ “ฟรอนตาเล่” นั้น กลับไม่ใช่ตำแหน่ง “ศูนย์หน้า” ที่ตัวเองผ่านการคัดเลือกมาแต่อย่างใด

เพราะหลังจากได้ฝึกฝนกับทีมเพียง 1 สัปดาห์ จู่ๆ โค้ชก็จับเขาไปเล่นเป็น “เซนเตอร์ฮาลฟ์” ด้วยเหตุผลที่ว่า “ แม้จะเป็นศูนย์หน้า ที่สูงที่สุดในทีม แต่ไม่มีความเร็วมากพอ” ดังนั้น การนำจุดเด่นเรื่องความสูงไปเล่นเกมรับ น่าจะสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากกว่า!

กฎเหล็กของ ฟรอนตาเล่ :

อเคเดมี่ ของ สโมสรคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ มีกฎเหล็กสำคัญคือ “นักเตะเยาวชนทุกคนจะไม่มีสิทธิเข้าร่วมการฝึกซ้อม จนกว่าจะมีทักษะพื้นฐาน เรื่องการเดาะฟุตบอลได้อย่างคล่องแคล่วเสียก่อน”

นั่นเป็นเพราะ “ฟรอนตาเล่” ต้องการให้ “นักเตะทุกคน” สามารถคอนโทรลลูกฟุตบอลได้อย่างอิสระและไร้ซึ่งแรงกดดัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งในสนาม

โดย “โคตะ ทาคาอิ” ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงประเด็นนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า…

“ตอนนั้น ผมต้องฝึกซ้อมเดาะลูกบอลด้วยตัวเองอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นทั้งช่วงการฝึกซ้อมกับสโมสร หรือเวลาที่ไปเล่นฟุตบอลในสวนสาธารณะ ซึ่งการฝึกพื้นฐานจนชำนาญนี้ ทำให้เมื่อผมโตขึ้น จึงได้ตระหนักว่า การเริ่มต้นฝึกสัมผัสบอลให้เชื่องเท้ามาตั้งแต่ยังเด็ก นั้นมีความสำคัญกับการเล่นฟุตบอลอาชีพในเวลาต่อมามากแค่ไหน”

ส่วนการที่ถูกเปลี่ยนจากตำแหน่งจากกองหน้า ไปเล่นเป็น เซนเตอร์ฮาลฟ์ นั้น “โคตะ ทาคาอิ” ยอมรับในช่วงแรกๆ เขาไม่ค่อยชื่นชอบกับตำแหน่งนี้มากนัก แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อ ได้ไปทัวร์ยุโรป และต้องเผชิญ กับ ศูนย์หน้าเยาวชนที่เก่งฉกาจ จาก อเคเดมี่ของสโมสร รีล เบติส และ ยูเวนตุส

นั่นเป็นเพราะ...การที่เขาสามารถรับมือ กับบรรดากองหน้าเยาวชนชั้นยอดเหล่านั้นได้ ทำให้เขารู้สึกมีความมั่นใจ และสนุกสนาน กับบทบาทใหม่ที่ได้รับมากขึ้น!

ต่อสู้กับแรงกดดัน :

หลังเห็นศักยภาพการพัฒนาอันโดดเด่นเกินวัย ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 “โคตะ ทาคาอิ” ที่เพิงอายุได้เพียง 18 ปี ก็ได้รับโอกาสครั้งสำคัญ ด้วยการได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ กับ สโมสรคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ และถือเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

อย่างไรก็ดี การที่ถูกรายล้อมไปด้วย กลุ่มนักเตะชั้นยอดและโดยมากผ่านการเป็นแชมป์ J1 มาแล้วถึง 4 สมัยใน 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ทำให้ กองหลังดาวรุ่งผู้นี้ ถึงกับ ยอมรับว่า...

“ผมแทบสิ้นหวังในทุกๆวันที่ลงฝึกซ้อม และสิ่งเดียวที่สามารถทำในเวลานั้นได้ก็คือ…ต้องอดทนต่อไป!

นอกจากนี้ ในทุกวันๆ โค้ชจะคอยพูดกรอกหูกับผมซ้ำๆอยู่เสมอว่า เทคนิคการเล่นฟุตบอลของผมแย่มากๆ ในเวลาที่ลงเล่นกับทีม ดังนั้น ผมจึงต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อผ่านบททดสอบนี้ไปให้จงได้”

และแล้ว “โคตะ ทาคาอิ” ก็ใช้ความอดทน เอาชนะสภาพแวดล้อมอันกดดันนี้ได้สำเร็จ เมื่อได้ลงประเดิมสนามในฐานะตัวสำรอง ในนัดที่ ฟรอนตาเล่ เอาชนะ กว่างโจว เอฟซี ในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันที่ 18 เมษายน ปี 2022

รวมถึง ยังติดทีมชาติญี่ปุ่น ชุด U-20 ไปร่วมแข่งขันฟุตบอลบอลโลก อายุต่ำกว่า 20 ปี และ กีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีส เมื่อปี 2023 รวมถึงยังได้ลงประเดิมสนามกับทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่ ไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2024 ที่ผ่านมาด้วย

ความพิเศษของ โคตะ ทาคาอิ :

เจ้าของส่วนสูง 192 เซนติเมตร หนัก 90 กิโลกรัม ได้ชื่อว่าเป็น “เซนเตอร์ฮาลฟ์สมัยใหม่” ที่มีความคล่องตัว ความเร็วสูง การยืนตำแหน่งและจังหวะการเข้าปะทะที่ดี รวมถึงยังสายตาในการอ่านเกมที่เฉียบคม สำหรับบทบาทในการเข้าสกัดแนวรุกฝ่ายตรงข้าม

ส่วนความได้เปรียบในเรื่อง “ส่วนสูง” ช่วยทำให้เขาโดดเด่นเรื่องการป้องกัน โดยเฉพาะการดวลกลางอากาศ ซึ่งสำคัญกับพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มากแค่ไหนน่ะหรือ?

คำตอบ คือ ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา “โคตะ ทาคาอิ” มีอัตราความสำเร็จในการดวลเอาชนะฝ่ายตรงข้ามในศึก J1 สูงถึง 59% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองหลังในลีกญี่ปุ่นโดยทั่วไป ซึ่งอยู่ที่ 57.7%

ส่วนสถิติการดวลเอาชนะลูกกลางอากาศ นั้น กองหลังคนใหม่ของทอตแนม ฮอตสเปอร์ รายนี้ ทำสถิติสูงถึง 62.1% ซึ่ง “สูงกว่า” ค่าเฉลี่ยกองหลังเจลีก ซึ่งอยู่ที่เพียง 59% อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ความสูง 192 เซนติเมตร ยังช่วยให้เขา มีสถิติโดดเด่นในเรื่องการเล่นลูกเตะมุมและฟรีคิกด้วย โดย “โคตะ ทาคาอิ” ทำสถิติเป็นผู้เล่นคนสุดท้ายที่สัมผัสบอล จากการเล่นลูกเตะมุมและฟรีคิก ได้ถึง 7 ครั้ง และ 33 ครั้งตามลำดับ ซึ่งสูงที่สุดในทีมคาวาซากิ ฟรอนตาเล่

นอกจากนี้ สถิติการเคลื่อนที่และความแม่นยำในการผ่านบอล ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญสำหรับ “เซนเตอร์ฮาลฟ์” สมัยใหม่นั้น จากการผ่านบอลรวม 1,063 ครั้ง มีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลสำเร็จ 88.2%

ขณะที่ สถิติ Progressive Carries หรือ สถิติการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเพื่อเข้าหาประตูฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับลูกฟุตบอล อย่างน้อย 5 เมตร นั้น มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.9 ครั้งต่อ 90 นาที และยังพาบอลไปข้างหน้าได้เฉลี่ย 48.5 เมตร ต่อ 90 นาที ซึ่ง “ค่าเฉลี่ย” ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึง “ความทันสมัย” ของ “โคตะ ทาคาอิ” ได้เป็นอย่างดี

ด้วยเหตุนี้ บรรดากองหลังในเจลีกหลายต่อหลายคน จึงยกย่องให้เขาเป็น “สัตว์ประหลาด” ที่แข็งแกร่งที่สุด คนหนึ่งของลีกสูงสุดญี่ปุ่น

การพัฒนาเรื่องทัศนคติ :

“โคตะ ทาคาอิ” ยอมรับว่า ในช่วงแรกๆ ที่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ นั้น เขาพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติเสมอเวลาอยู่ในสนาม เพราะเขาคิดว่า การเล่นฟุตบอลด้วยอารมณ์ โดยเฉพาะการแสดงความหงุดหงิดกับบรรดาคู่ต่อสู้จะรบกวนสมาธิในการเล่นของเขา

อย่างไรก็ดี เมื่อได้ชมสารคดี Together Treble Winners ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเปิดเผยเบื้องหลัง การสร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ของสโมสรเรือใบสีฟ้า ทัศนคติในเรื่องนี้ก็เปลี่ยนไปในทันที

“ในห้องแต่งตัว หลังเกมที่แมนฯซิตี้แพ้ โจเซป กวาร์ดิโอลา มักตั้งคำถามอย่างเกรี้ยวกราดเรื่องทัศนคติ กับ บรรดาผู้เล่นว่า ทำได้ดีเพียงพอแล้วหรือยัง

นอกจากนี้ รูเบน ดิอาซ เซนเตอร์ฮาลฟ์คนสำคัญ ยังแสดงออกในสนาม ด้วยการปรบมือให้ชื่นชมเพื่อนร่วมทีมที่ป้องกันและเล่นได้ดี รวมถึงในห้องแต่งตัวก่อนเกม เขายังมักตะโกนใส่เพื่อนร่วมทีมอย่างทรงพลัง ด้วยถ้อยคำว่า ไม่สำคัญว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร เราแต่ต้องมุ่งมั่นไปที่เกมของเรา แสดงความปราถนาที่จะชนะเหมือนที่พวกเราทำทุกครั้ง เราจะเป็นแชมป์ได้ ก็ต่อเมื่อเราเอาชนะที่นี่ได้ เราต้องร่วมเอาชนะด้วยกันในฐานะทีม

สิ่งนี้ทำให้พฤติกรรมในสนามของผมเปลี่ยนไป เพราะผู้เล่นที่สามารถนำทีมให้ชนะได้ต้องมีความทัศนคติและความมุ่งมั่นแบบนี้เท่านั้น”

ขณะเดียวกัน ครั้งหนึ่งเมื่อถูกสื่อญี่ปุ่นถามว่าเซนเตอร์ฮาลฟ์ในอุดมคติของเขา เป็นอย่างไร?

กองหลังสัญชาติญี่ปุ่น คนใหม่ของ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ให้คำตอบเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า...

“สิ่งสำคัญคือต้องมอบความรู้สึกมั่นคงให้กับทีมว่า พวกเขาจะไม่แพ้ หากมีผมอยู่ตรงนั้น เพราะมีเพียงผู้รักษาประตูเท่านั้น ที่อยู่ข้างหลังคุณ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือ การทุ่มเทร่างกายทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้เสียประตู ผมไม่คิดว่ากองหลังจะมีค่าอะไรเลย ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ส่วนการช่วยเกมรุกนั้นเป็นเพียงโบนัสเพิ่มเติมเท่านั้น”

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?