พลาดพลั้ง สู่การกำเนิดใหม่ ชีวิตที่พลิกผัน ของ อูโก้ เอกิติเก้  

หนึ่งในนักเตะที่มีเส้นทาง “พลิกผัน” ราวกับ “รถไฟเหาะ” จากนักเตะดาวรุ่งแห่งลีกเอิง ของประเทศฝรั่งเศส ที่ได้รับการจับตาในฐานะ “เธียร์รี่ อองรี คนใหม่” จนได้รับข้อเสนอมากมาย จากหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป

หากแต่การตัดสินใจใน “ครั้งแรก” ที่ต้องการลงเล่นให้กับทีมในลีกประเทศบ้านเกิดต่อไป กับ สโมสรยักษ์ใหญ่ระดับอภิมหาเศรษฐี อย่าง “ปารีส แซงต์ แชร์กแมง” ที่ ณ เวลานั้น มี 3 แนวรุกระดับโลก อย่าง “คิลิยัน เอ็มบัปเป้ , ลิโอเนล เมสซี่ และ เนย์มาร์ ” กลับทำให้ “กองหน้าดาวรุ่งผู้นี้” โดนดองยาวบนม้านั่งสำรอง จนแทบหมดสิ้นอนาคต!

อย่างไรก็ดี การตัดสินใจ “แก้ตัว” ในครั้งที่ 2 เพื่อเดินทางไปผจญภัยกับสโมสรที่เล็กลงกว่าเดิม อย่าง “ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต” ในเวทีบุนเดสลีก้า ก็ทำให้ “เธียร์รี่ อองรี MARK II” ผู้นี้ กลับมาเฉิดฉายในวงการฟุตบอลได้อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง

จนกระทั่ง ทำให้ทีมแชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 20 สมัย อย่าง ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องแสดงความพร้อม “ทุ่มเงินก้อนโต” เพื่อซื้อตัวมาร่วมทีม

“อูโก้ เอกิติเก้” (Hugo Ekitike) หัวหอกวัย 23 ปี ที่ ลิเวอร์พูล “รุกหนัก” จนกระทั่งทำให้ “นิวคาสเซิล” ที่พยายามดึงตัวดาวรุ่งผู้นี้มายัง ถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ต้องผิดหวังอีกเป็นครั้งที่ 2 มีความ “น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน?”  

วันนี้ “เรา” ได้รวบรวม “ข้อมูลต่างๆ” ที่อาจจะพอเป็น “คำตอบ”  ที่ว่านั้น มาให้ “คุณ” ได้ร่วมกันพิจารณา แล้ว

ฟุตบอลคือความสนุก :

“ผมเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ผมเล่นมันด้วยความหลงใหล เพราะว่ามันสนุก ด้วยเหตุนี้ ความทรงจำในวันเด็กของผมส่วนใหญ่ จึงเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ผมพาทีมชนะ ส่วนทัวร์นาเมนต์ไหนที่แพ้ ผมก็จะพยายามลืมๆมันไป (หัวเราะ)”

“อูโก้ เอกิติเก้” ลูกครึ่งแคเมอรูน-ฝรั่งเศส เกิดเมื่อวันที่ 20มิ.ย.2002 ที่เมืองแรนส์ ประเทศฝรั่งเศส เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่วัยเพียง 5 ขวบ กับ สโมสรท้องถิ่นที่มีชื่อว่า “คอร์มองค์ทรุยส์ FC” (Cormontreuil FC)

จากนั้น เมื่อความโดดเด่นไปเตะแมวมอง ของ สโมสรสตาด เดอ แรนส์ (Stade de Reims) จึงได้ถูกดึงตัวเข้าสู่อเคเดมีของสโมสรตั้งแต่อายุ 11 ปี ก่อนจะได้เลื่อนชั้น ไปลงเล่นให้กับ ทีมชุด B ของ แรนส์ ด้วยวัยเพียง 17 ปี ในเดือนตุลาคม ปี 2020

อย่างไรก็ดี เพื่อให้ “เจ้าหนูนักเตะ” รายนี้ สั่งสม “Skill” ในสนามมากขึ้น “สโมสรแรนส์” จึงได้ปล่อยตัวเขาให้ “สโมสรไวเลอ” ทีมในดิวิชั่น 2 ของ เดนมาร์ก ยืมตัวไปหาประสบการณ์ ในเดือนมกราคมปี 2021

ทั้งนี้ การได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ในทีมไวเลอ นั้น “อูโก้ เอกิติเก้” ยอมรับว่า ถือเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” สำหรับการค้าแข้งเป็นอย่างยิ่ง โดยกองหน้ารายนี้ พูดถึงการตัดสินใจในครั้งนั้นเอาไว้ว่า…

“สิ่งที่ดีที่สุด คือ การได้ลงสนาม แต่ถ้าหากสโมสรที่คุณอยู่ในเวลานั้น มีนักเตะคนอื่นที่ทำผลงานได้ดีอยู่แล้ว มันถือเป็นเรื่องจำเป็น ที่ควรออกไปหาประสบการณ์และโอกาสในการลงเล่น ที่สโมสรอื่นดู ซึ่งการถูกยืมตัวไปลงเล่นในลีกรอง หรือ แม้แต่ในประเทศอื่นก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ”

ด้วยเหตุนี้ เมื่อหมดสัญญายืมตัว และกลับมาลงเล่นให้กับ “แรนส์” อีกครั้ง “อูโก้ เอกิติเก้” ก็กลายเป็นกองหน้า ที่ได้รับการจับตามองไปในทันที หลังโชว์ฟอร์มยิง 11 ประตู กับอีก 5 Assists จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 27 นัด รวม 1,463 นาที ให้กับ สโมสรแรนส์ ในฤดูกาล 2021/22 บนวัยเพียง 19 ปี

เธียร์รี่ อองรี MARK II :

สำหรับ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “อูโก้ เอกิติเก้” ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ยอดศูนย์หน้าฝรั่งเศส อย่าง “เธียร์รี่ อองรี” นั้น ก็เป็นเพราะ…

กองหน้าดาวรุ่งผู้นี้ มีร่างกายที่แข็งแกร่ง (สูง 190 เซนติเมตร) แต่มีความคล่องตัวสูง สามารถคอนโทรลบอลได้อย่างนุ่มนวล และมักใช้ความเร็วกระชากบอลตัดจากปีกซ้าย เข้าไปจบสกอร์ อย่างเฉียบคม เหมือนกับ อดีตกองหน้าทีมอาร์เซนอล นั่นเอง

โดย “ออสการ์ การ์เซีย” (Oscar Garcia) อดีตผู้จัดการทีม แรนส์ เคยอธิบายถึง “จุดเด่น” ของ “อูโก้ เอกิติเก้” เอาไว้ว่า…

“เขาเป็นผู้เล่นแนวรุก ที่ไม่ชอบการเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า แบบหมายเลข 9 ขนาดแท้ เพราะเขาชอบที่จะเคลื่อนที่ จุดเด่นของเขา คือ มีความเร็ว เล่นได้ทั้งสองเท้า และจะดียิ่งขึ้นหากมีเพื่อนร่วมทีม มาร่วมเล่นใกล้ๆ

อย่างไรก็ดี จุดอ่อนแอสำคัญของเขา คือ แม้จะมีร่างกายสูงใหญ่ แต่ยังไม่แข็งแกร่งมากนักในการเล่นลูกโหม่ง และนั่นคือจุดที่เขาต้องเร่งปรับปรุง”

ขณะที่ “ฟรองค์ ชาร์ลงซง” (Franck Chalencon) อดีตโค้ชสโมสรแรนส์ ชุดบี กล่าวถึงความพิเศษของอดีตลูกทีม เมื่อตอนอายุ 17 ปี เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า…

“เมื่อลูกฟุตบอลอยู่ที่เท้าของ อูโก้ เอกิติเก้ เขาจะรู้ว่าจะทำให้มันเกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็น การครอบครองบอล หรือ การจ่ายบอลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ เขาสามารถเล่นมันได้ดี ทั้งสองเท้าด้วย  

ขณะเดียวกัน การพัฒนาที่ก้าวกระโดด แสดงให้เห็นว่า เขามีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับการพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ”   

ก้าวสะดุดที่ เปแอสเช :

"ผมมีความสุขที่ แรนส์ แต่หลังจาก สิ่งที่ผมต้องพบเจอที่ ปารีส ผมกลับมามีความสุขกับการได้เล่นฟุตบอลแบบเต็ม 10 อีกครั้งที่ สโมสรไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต”

แล้วอะไร คือ สิ่งที่ “อูโก้ เอกิติเก้” ต้องเผชิญที่ปารีส น่ะหรือ?

หลังกลายร่างเป็น Wonder Kids ผู้ร้อนแรงแห่งยุโรป บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ต่างแห่มาให้ความสนใจในตัว “อูโก้ เอกิติเก้” อย่างมากมาย ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น มีรายงานว่าคือ สโมสรนิวคาสเซิล จากเกาะอังกฤษ รวมอยู่ด้วย เพียงแต่ในเวลานั้น “ทีมเจ้าสาลิกาดง” เกี่ยงงอนเรื่องค่าตัวที่สูงเกินไปเท่านั้น

อย่างไรก็ดี กองหน้าดาวรุ่งผู้นี้ ตัดสินใจเลือกสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง หรือ  เปแอสเช ทีมมหาเศรษฐีแห่งฝรั่งเศส ที่ยอมจ่ายแพงถึง 23.6 ล้านปอนด์ (1,026ล้านบาท) เพื่อแลกกับกองหน้าดาวรุ่งอายุ 19 ปี ในเวลานั้น  

แต่แน่นอนว่า ในเมื่อ “เปแอสเช” มี 3 แนวรุกที่ดีที่สุดในโลก อย่าง “คิลิยัน เอ็มบัปเป้ , ลิโอเนล เมสซี่ และ เนย์มาร์ ” อยู่ในทีม นั้น นอกจากจะสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลแล้ว ยังทำให้ “อูโก้ เอกิติเก้” แทบไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามด้วย

ด้วยเหตุนี้ กองหน้าตัวสำรองรายนี้ จึงทำได้เพียง 4 ประตู กับอีก 4 Assists จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 32 นัด รวมเวลา 1,396 นาที ในฤดูกาล 2022/23

และแม้ว่าในฤดูกาลถัดมา เนย์มาร์ และ เมสซี่ จะย้ายออกไปจากทีม หากแต่การถูกแทนที่ด้วยการซื้อแผงแนวรุกอย่าง “อุสมาน เด็มเบเล” , “ร็องดาล โคโล่ มูอานี่” , “อี คังอิน” และ “กอนซาโล่ รามอส” เข้ามาพร้อมๆกัน

ก็ทำให้โอกาส ของ “อูโก้ เอกิติเก้” มืดมิดลงในที่สุด จนกระทั่ง ได้ลงเล่นในลีกเพียง 1  นัด และ “ถูกตัดชื่อออก” จากการลงเล่นในเวทีแชมเปียนส์ลีก ในเดือนกันยายนปี 2023 ซึ่งไม่ต่างอะไรกับ “สัญญาณที่ชัดเจน” ว่า กองหน้าดาวรุ่งผู้นี้ ถึงเวลาต้องย้ายออกไปจาก สโมสรมหาเศรษฐี แล้ว!

คืนชีพที่แฟร้งค์เฟิร์ต :

“อูโก้ เอกิติเก้” อยู่ภายใต้การจับตาของ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต สโมสรที่ได้ชื่อว่า “ปั้นเด็กแล้วขาย” ได้เก่งที่สุดในยุคนี้ มาตั้งแต่ช่วงยังอยู่กับสโมสรแรนส์ แล้ว

ด้วยเหตุนี้ เมื่อพวกเขาต้องเสีย “ร็องดาล โคโล่ มูอานี่” กองหน้าตัวจริงของทีมไปให้กับเปแอสเช เมื่อฤดูกาล 2022/23 พวกเขาก็พยายามดึงเอา “อูโก้ เอกิติเก้” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย ที่ในเวลาต่อมา มีมูลค่ามากกว่า 95 ล้านยูโร (3,575ล้านบาท) ในช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์ด้วย หากแต่ถูก เปแอสเช “ปฏิเสธ”

จนกระทั่งในช่วงตลาดนักเตะฤดูหนาว ปี 2024 ความพยายามคว้าตัวศูนย์หน้า ที่พวกเขาต้องการมาเนิ่นนาน ของ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ก็ประสบความสำเร็จ ด้วยสัญญายืมตัวพร้อมอ็อปชั่นซื้อขาด 16.5 ล้านยูโร (621ล้านบาท) ในที่สุด

อย่างไรก็ดี การได้ลงสนามเพียง 1 นัด แถมอยู่ในสนามเพียง 9 นาที ตลอดระยะเวลาเกือบ 6 เดือนในลีกเอิง ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ  “ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต” ทำให้ “อูโก้ เอกิติเก้” ต้องประสบปัญหาเรื่องสภาพความฟิตอย่างหนัก

โดยในนัดแรกที่ลงเป็นตัวจริงให้กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต นั้น เขาลงเล่นได้เพียง 77 นาที ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก เนื่องจากมีอาการเป็นตะคริวไปทั่วทั้งร่างกาย! แถมช่วง 10 เกมแรกในบุนเดสลีกา ยังลงเล่นในสนาม ได้รวมกันเพียง 312 นาที จากทั้งหมด 900 นาที หรือคิดเป็นเพียง 34.67% เท่านั้น  

ด้วยเหตุนี้ ฤดูกาลแรกสำหรับ “นักเตะดาวรุ่ง” ที่รื้อสนามมานาน จึงทำได้เพียง 4 ประตู กับอีก 2  Assists จากการลงเล่นรวม 14 นัด 719 นาที เฉพาะในบุนเดสลีก้า

Show time :

“ผมสนุกกับฤดูกาลนี้มาก ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้ลงเล่นเกือบ 50 เกมในปีเดียว ผมแข็งแกร่งขึ้นทางจิตใจและพัฒนาขึ้นในฐานะนักเตะ อย่างไรก็ดี ผมยังปราถนาที่จะพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้ได้มากกว่านี้”

ฤดูกาล 2024/25 ลงเล่นรวมทุกรายการ 48 นัด (รวมเวลาในสนาม 2,582นาที) ยิง 22 ประตู กับอีก 12  Assists!

ภายใต้การคุมทีมของ เฮดโค้ชหนุ่ม “ดิโน ท็อปป์โมลเลอร์” (Dino Toppmoller) ลูกชายของ “เคลาส์ ท็อปโมลเลอร์” อดีตกุนซือผู้พา “ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น” เข้าชิงแชมเปียนส์ลีกเมื่อปี 2002 รวมถึงยังทำงานเป็นผู้ช่วยของ จูเลียน นาเกลส์มันน์ สมัยคุมทีมแอร์เบ ไลป์ซิก และ บาเยิร์น มิวนิค

ด้วยวิถีการยึดนักเตะดาวรุ่งเป็นแกนหลักของทีม ภายใต้ระบบ 4-2-3-1 และ 3-4-3 ที่มาพร้อมกับปรัชญา ความรวดเร็ว , สร้างแรงกดดัน , เปลี่ยนจากรับเป็นรุก หรือ รุกเป็นรับอย่างฉับพลัน

พร้อมกับนำ “จุดเด่น” ของ “อูโก้ เอกิติเก้” โดยเฉพาะ “ความเร็วเร่ง” ในการบุกโจมตี มาใช้อย่างเต็มศักยภาพ ขณะเดียวกัน “การโจมตีด้วยความเร็วเร่ง” ที่ว่านี้ มันยังถูกขับให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อ เขาได้เล่นร่วมกับ “คู่ขาคนสำคัญ” อย่าง “โอมาร์ มาร์มูซ” (ปัจจุบันย้ายไปอยู่กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว)  

จนกระทั่งพา ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต คว้าอันดับ 3 ในลีก ได้สิทธิ์ไปเล่นแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลนี้ (2025/26) ได้สำเร็จ

ความท้าทายที่ แอนฟิลด์ :

“ผมชอบดูคลิปวิดีโอการเล่นของนักเตะที่ผมชื่นชอบ เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจเสมอ และคลิปส่วนใหญ่ที่ผมใช้ศึกษา คือ การเล่นของ คาริม เบนเซมา เพราะเขาคือกองหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผม”

เพราะอะไร ลิเวอร์พูล จึงต้องการตัว “อูโก้ เอกิติเก้” ?

เครื่องหมายคำถาม จากสภาพร่างกายของ “เฟเดริโก เคียซ่า” , การจากไปอย่างกระทันหันของ “ดีโอโก้ โชต้า” , การร้องขอย้ายทีมของ หลุยส์ ดิอาซ , และฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวาของ ดาร์วิญ นูนเญซ

ทำให้ในเวลานี้ ลิเวอร์พูล อาจเหลือแนวรุก ที่น่าไว้วางใจเพียง “โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โคดี้ กัคโป” คือ คำตอบแรก สำหรับคำถามที่ว่านั้น อย่างไม่ต้องสงสัย

ลำดับถัดมา คือ คุณรู้ไม่? ว่า… ใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

“อูโก้ เอกิติเก้” เป็น 1 ใน 4 นักเตะที่ลงเล่นอย่างน้อย 1,500 นาที ที่มีค่าเฉลี่ยการยิงมากกว่า 4 ครั้งต่อ 90 นาที รวมถึงยังมีสถิติการสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษของคู่ต่อสู้ มากกว่า 7 ครั้งต่อ 90 นาที ร่วมกับ นักเตะระดับท็อปอย่าง “ลามีน ยามาล” , คิลิยัน เอ็มบัปเป้” และ “อุสมาน เด็มเบเล”

ซึ่งแสดงให้เห็น “สัญชาติญาณกองหน้า” ที่มีจมูกไว ต่อการหาพื้นที่ว่างโดยเฉพาะในกรอบเขตโทษเพื่อหาจังหวะยิงประตูได้เป็นอย่างดี

และ...คุณรู้หรือไม่?

ฤดูกาลที่ผ่านมา มีเพียง “ทีมเดียว” ใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปเท่านั้น ที่ทำสถิติยิง 12 ประตูจากการเล่น Fast-Breaks ที่จบด้วยการยิงประตูรวม 53 ครั้ง ได้ดีกว่า “ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต”

และทีมที่ว่านั้นก็คือ “ลิเวอร์พูล” ที่ยิงได้ถึง 14 ประตู จากความพยายามเล่น Fast-Breaks ที่จบด้วยการยิงประตูรวม 66 ครั้ง   

และสุดท้ายอีก “หนึ่งสถิติ” ที่บ่งชี้ ถึง “ความน่าจะเป็น” ว่า “อูโก้ เอกิติเก้” น่าจะเข้ากันได้ดีกับลิเวอร์พูล ก็คือ กองหน้าฝรั่งเศสรายนี้ มีสถิติค่าเฉลี่ย High Pressure สูงถึง 15.3 ครั้ง ต่อ 90 นาที ซึ่งสูงที่สุดในทีม ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ด้วย

ทั้งการหาจังหวะในการยิงประตู , ความถนัดเรื่องการใช้เร็วเร่ง สำหรับการเล่น Fast-Breaks หนำซ้ำยัง มีความขยันขันแข็งในการวิ่งไล่กดดันคู่ต่อสู้ในแดนบน

แบบนี้...น่าจะไม่มีข้อสงสัยแล้วใช่ไหมว่า? เพราะอะไร ลิเวอร์พูล จึงยินดีที่จะจ่ายแพงอีกครั้ง เพื่อกองหน้าที่มีชื่อว่า “อูโก้ เอกิติเก้”

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

โคล พาลเมอร์ เรียนรู้ที่ แมนฯซิตี้ เพื่อไปประสบความสำเร็จกับเชลซี (ชมคลิป)

อะไรคืออุปสรรค ที่ แมนยูฯ ของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ (ชมคลิป)

คำตอบความอดทนของอาร์เซนอล ทำไมจึงต้องเป็น มาร์ติน ซูบิเมนดี้ (ชมคลิป)

รำลึกถึงความมุ่งมั่น ดีโอโก้ โชต้า นายจะอยู่กับเดอะค็อปตลอดไป (ชมคลิป)

มิลอส เคอร์เคซ กับ ลิเวอร์พูล ตัวสำรอง หรือ แทนที่ ร็อบโบ้ (ชมคลิป)