วันศุกร์, สิงหาคม 15, 2568

สำรวจวงจรเชื่อมผลประโยชน์ สายใยที่ยึดโยงตระกูลฮุน

by Trust News, 15 สิงหาคม 2568

สำรวจวงจรเชื่อมผลประโยชน์ สายใยที่ยึดโยงตระกูลฮุน

“คำถาม” ที่น่าสนใจใคร่อยากรู้ จากโลกภายนอก ซึ่งอาจ “ยกเว้น” เฉพาะชาวเขมร (บางส่วน) ที่ในเวลานี้ อาจจะอยู่ใน “โลกคู่ขนาน” เสียจนอาจ “หลงลืม” ข้อเท็จจริง ที่พวกเขาเอง น่าจะควรใช้เวลาตรึกตรองอย่างรอบคอบ เพื่อพิจารณาถึง “ประเด็นสำคัญ” ที่ว่า เพราะเหตุใด “ฮุนเซน” จึงสามารถครองอำนาจในประเทศกัมพูชา ได้อย่างเบ็ดเสร็จและยาวนานร่วม 40 ปี   

อาณาจักรธุรกิจตระกูลฮุน :

อ้างอิงข้อมูลจากรายงาน ของ “รัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน” (ASEAN Parliamentarians for Human Rights) หรือ APHR ปี 2023 ระบุถึงบทบาทของคนในตระกูลฮุน เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า…

นับตั้งแต่ใช้ “สารพัดเล่ห์กลทางการเมือง” ค่อยๆช่วงชิงอำนาจมาอยู่ในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ นับตั้งแต่ปี 1993 เป็นต้นมา ฮุนเซน ได้ส่งบรรดาญาติสนิทและคนใกล้ชิด เข้าดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ทั้งใน รัฐบาล ตำรวจ กองทัพ รัฐสภา ศาล หรือแม้กระทั่ง องค์กรการกุศล เพื่อให้แน่ใจได้ว่า "สามารถควบคุมกลไกของรัฐ" ได้อย่างสมบูรณ์

จากนั้น "โครงสร้างอุปถัมภ์" เหล่านี้ จึงได้ค่อยๆขยายไปสู่ภาคเอกชน ทีละเล็กทีละน้อย ไม่ว่าจะเป็นในรูปของ ตำแหน่งประธาน , กรรมการบริษัท หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ จนกระทั่งสามารถครอบครองทุกตารางนิ้วของประเทศกัมพูชา เพื่อใช้สำหรับวงจรหาผลประโยชน์ “ปรนเปรอทั้งคนในครอบครัวและเหล่าบุคคลใกล้ชิด” ได้อย่างสมบูรณ์

แล้ว “คนในตระกูลฮุน” สามารถสร้าง “วงจรหาผลประโยชน์” ที่ว่านี้ ได้อย่างไร?  

วันนี้ “เรา” จึงอยากเชิญชวนให้ “คุณ” ลองไปร่วมสำรวจ “ข้อมูลต่างๆ” เพื่อร่วมกันค้นหา “คำตอบที่น่าสนใจ” นี้ ร่วมกัน…

ฮุน เซน (Hun Sen) :

แม้ว่าจะส่งต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับบุตรชายในปี 2023 หากแต่ในความเป็นจริง “ฮุนเซน” ยังคงสถานะ “ผู้มีอำนาจสูงสุด” ใน ประเทศกัมพูชาอยู่ต่อไป ผ่านเครือข่ายอำนาจที่ฝังรากลึก ไม่ว่าจะเป็นทั้งคนในตระกูลและบุคคลใกล้ชิด

ปัจจุบัน นอกจาก ฮุนเซน จะดำรงตำแหน่งประธานพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party) หรือ CPP แล้ว ยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะองคมนตรี รวมถึง “ประธานวุฒิสภา” ซึ่งตำแหน่งหลังนี้ “เป็นหนึ่งในองค์คณะที่ทำหน้าที่คัดเลือก “พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ของกัมพูชา” ด้วย

ซึ่งจากมุมมองของนักวิเคราะห์ภายนอกแล้ว การนั่งตำแหน่งประธานวุฒิสภา ของ ฮุนเซน นั้น เป็นเพราะต้องการ “ควบคุมสถาบันกษัตริย์ของกัมพูชา” ให้อยู่ภายใต้อำนาจของตัวเองต่อไป รวมถึง ยังสามารถใช้ตำแหน่งดังกล่าวนี้ แสดงบทบาทบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อรักษาคอนเนกชัน กับ บรรดามิตรประเทศต่างๆได้ด้วย

สำหรับประเด็นเรื่อง “ทรัพย์สิน” ของ ฮุนเซน ผู้นำของชาวเขมร มาเนิ่นนานร่วม 40 ปี นั้น ในเดือนเมษายนปี 2011 เป็นเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น ที่ "ผู้นำตลอดกาลคนนี้" ยอมพูดถึง “ทรัพย์สินส่วนตัว” ต่อสาธารณชน

หลังมีการผ่านร่างกฎหมายต่อต้านการทุจริต ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การบังคับให้ข้าราชการของกัมพูชามากกว่า 25,000 คน ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของตัวเองทุกๆ 2 ปี โดยมีบทลงโทษสำหรับผู้กระทำผิด คือ ปรับสูงสุด 500 ดอลลาร์สหรัฐ (16,158บาท) และ จำคุกสูงสุด 1 ปี

โดยในครั้งนั้น ฮุนเซน อ้างว่า “รายได้เพียงทางเดียวของเขา” คือ เงินเดือนในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ที่เพียง 1,150 ดอลลาร์สหรัฐ (37,164บาท) หรือ คิดเป็น 13,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี (445,974) เท่านั้น!

พร้อมกันนี้ ฮุนเซน ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าว “วรรคทอง” ในประเด็นนี้ เอาไว้อย่างน่าเห็นใจด้วยว่า…

“ผมได้ปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการทุจริตฉบับนี้แล้ว อย่างไรก็ดี ผมคิดว่า ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า ทรัพย์สินของผมคงจะลดลง เพราะนอกเหนือจากเงินเดือนแล้ว ผมไม่มีรายได้อื่นใด แต่ผมคิดว่า บรรดาลูกๆคงจะช่วยดูแลผม พวกเขาคงไม่ปล่อยให้ผมอดตายแน่ๆ”

นางบุน รานี (Bun Rany) :

ภรรยาของ ฮุนเซน ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งประธานสภากาชาดกัมพูชา ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

อย่างไรก็ดี ตำแหน่งดังกล่าวถูกมองจากบรรดานักวิเคราะห์ตะวันตกว่า มีหน้าที่ขับเคลื่อน “ภาพลักษณ์อันสวยงาม” ให้กับ “พรรคประชาชนกัมพูชา” (Cambodian People’s Party) หรือ CPP เนื่องจาก คณะกรรมการบริหารเต็มไปด้วยบรรดาคนใกล้ชิดของตระกูลฮุน และเหล่าคอนเนกชันจากภาคธุรกิจที่มีผลประโยชน์เชื่อมโยงกับผู้นำตลอดกาลของชาวเขมร

นอกจากนี้ “นางบุน รานี” ยังมักถูก “ตั้งคำถาม” ที่ไร้ซึ่ง “คำตอบ” ถึง “ที่มา” ของ เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับสุดลักซ์ชัวรี อย่าง Versace , Hermes ด้วยว่า เพราะเหตุใดจึง “ขัดแย้ง” กับ แหล่งที่มาของรายได้ เช่นที่ “ฮุนเซน” เคยประกาศต่อสาธารณชนก่อนหน้านี้ด้วย!

ฮุน มาเนต (Hun Manet) :

บุตรชายคนโต และทายาททางการเมืองของ ฮุนเซน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Military Academy) ปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (New York University) และปริญญาเอก สาขาเศรษฐศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) ประเทศอังกฤษ

โดยก่อนได้รับช่วงต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากบิดา “ฮุน มาเนต” เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพบก แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (The Royal Cambodian Armed Forces) หรือ RCAF , ผู้บัญชาการหน่วยอารักขานายกรัฐมนตรี และ กองกำลังเฉพาะกิจต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้ความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐในปี 2008

ปึช จันทมนนี (Pich Chanmony) :

บุตรสาวของ “นายปึช โสพณ” (Pich Sophoan) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและฝึกวิชาชีพ ของกัมพูชา ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท 7 แห่ง ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา เช่น ตำแหน่งกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท Brands Management Limited ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านแฟรนไชส์อาหารและเครื่องดื่มจากต่างประเทศเป็นหลัก

นอกจากนี้ ภรรยาของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน ยังมีชื่อเป็น ประธานบริษัท Legend Cinema ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกในประเทศกัมพูชา ที่ได้รับสิทธิให้ฉายภาพยนตร์ระดับ Blockbusters จาก ฮอลลีวูด

รวมถึง ตำแหน่งประธานบริษัท G Gear Group ซึ่งเป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวในประเทศกัมพูชา ที่ได้รับสิทธิสำหรับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ LG แบรนด์ชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้ด้วย

ฮุน มานิต (Hun Manith) :

บุตรชายคนที่ 2 ของ ฮุนเซน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา (Hofatra University) ประเทศสหรัฐอเมริกา และปริญญาโทสาขาธุรกิจระหว่างประเทศ จาก มหาวิทยาลัยดีคิน (Deakin University) ประเทศออสเตรเลีย  

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองทัพบก และผู้บัญชาการกรมข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกลไกด้านข่าวกรองและตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการหาข่าวและปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเป็นหลัก

ขณะเดียวกัน ฮุน มานิต ถูกพบว่ามีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท Cambodia Electricity Private ซึ่งเป็นบริษัทด้านการจัดหาพลังงานรายใหญ่ที่สุดลำดับที่ 2 ของประเทศด้วย ทั้งๆที่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 ของกัมพูชา ห้ามกำลังพลที่ยังประจำการในกองทัพ มีชื่อเป็นคณะกรรมการ หรือ ทำหน้าที่บริหารในบริษัทเอกชน ก็ตามที

ฮก จันดาวี (Hok Chendavy) :

ภรรยาของ ฮุน มานิต เป็น บุตรสาวของ “นายฮก ลุนดี” (Huk Lundy) อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของกัมพูชา และ อดีตสมาชิกคณะกรรมการบริหารพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party) หรือ CPP

ซึ่งถือเป็น “คนสนิท” ที่ “ฮุนเซน” ไว้ใจได้ชนิด 100% เนื่องจากเป็นผู้ที่บทบาทอันสำคัญยิ่งในการ “ปราบปราม” ขบวนการต่อต้านฮุนเซนอย่างดุดันมาโดยตลอด

โดยอดีตผู้บัญชาการตำรวจรายนี้ ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในปี 2008 ถูกบรรดานักการทูตตะวันตก ตั้งฉายาว่า “จอมวายร้าย” หลังสร้างเกียรติประวัติครั้งสำคัญ จากการจงใจปล่อยให้ ชาวเขมรที่กำลังคลุ้มคลั่งจาก Fake News เข้าทำร้ายและทำลายทรัพย์สินของคนไทย ก่อนบุกเผาสถานเอกอัคราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ เมื่อปี 2003

นอกจากนี้ ตามรายงานของ Human Right Watch ในปี 2006 ยังระบุด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ เคยปฏิเสธวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐฯ ของ “อดีตผู้ใกล้ชิดฮุนเซน” รายนี้ เนื่องจาก มีส่วนพัวพันกับ “แก๊งค้ามนุษย์” และ “ค้ายาเสพติด” ด้วย

ขณะเดียวกันจากรายงานการสืบสวนของ Global Witness เมื่อปี 2015 ยังระบุด้วยว่า “นางฮก จันดาวี” และมารดาของเธอ “เมน เพรียกดี” (Men Pheakdey) ยังได้รับใบอนุญาต มูลค่า 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,685ล้านบาท) สำหรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone) ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี และการสนับสนุนด้านการลงทุนต่างๆจากรัฐบาลกัมพูชา ที่มีชื่อว่า D&M Bavet SEZ ในจังหวัดสวายเรียง (Svay Rieng) ซึ่งมีอายุสัปทานระหว่างปี 2006 - 2025

ฮุน มานี (Hun Many) :

บุตรชายคนเล็กของ ฮุนเซน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จาก มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา (Hofatra University) ประเทศสหรัฐอเมริกา , ปริญญาโท จาก มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และ ปริญญาโทใบที่สองจาก มหาวิทยาลัยป้องกันประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (National Defense University) หรือ NDU ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกิจการพลเรือน

ยิม ชัย ลิน (Yim Chhay Lin) :

ภรรยา ของ ลูกชายคนเล็กฮุนเซน นอกจากจะเป็นบุตรสาวของ “นายยิม ชัย เลียง” (Yim Chhay Leang) อดีตรองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา แล้ว

เธอยังมีพี่ชาย คือ “ยิม เลียง” (Yim Leang) หนึ่งในนายพลผู้ใกล้ชิด “นายกตลอดกาลของเขมร” ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปฏิบัติการ “ลิดรอนอำนาจ” ของ “สมเด็จเจีย ซิม” อดีตนายเก่าและคู่แข่งทางการเมืองของฮุนเซนในอดีต

ปัจจุบัน “ยิม ชัย ลิน” มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัปทานรัฐ , บริษัทยา และ บริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศกัมพูชามากถึง 6 แห่ง เป็นอย่างน้อย

ฮุน มานา (Hun Mana) :

บุตรสาว ของ ฮุนเซน รายนี้ มีผลประโยชน์ใน 22 บริษัทชั้นนำของประเทศกัมพูชา ซึ่งมีทุนจดทะเบียน รวมกันมากกว่า 66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,135ล้านบาท) โดยบริษัทเหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็น กิจการหนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ และแม้กระทั่งแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งมุ่งนำเสนอข่าวสนับสนุน ฮุนเซน และ พรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party) หรือ CPP อย่างเปิดเผย รวมถึง ยังมี ธุรกิจพลังงาน , เครื่องดื่ม , ก่อสร้าง , โทรคมนาคม , การท่องเที่ยว , สายการบิน , ธุรกิจพนัน และ ภาคการเงิน อยู่ในมือด้วย

ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจดังกล่าว ยังมีความเชื่อมโยงกับ “นายเลา เมง คิน” (Lao Meng Khin) นายทุนผู้ทรงอิทธิพลและผู้ใกล้ชิดของฮุนเซน ที่มักได้รับสัปทานอันสุดคุ้มค่าจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินผืนงามในกรุงพนมเปญ , สัปทานการค้าไม้ รวมถึง สัปทานธุรกิจภาคการเกษตร อยู่เสมอๆ ด้วย

ดาย วิชัย (Dy Vichea) :

สามีคนปัจจุบัน ของ ฮุน มานา รายนี้ เป็นบุตรชายของ “นายฮก ลุนดี” (Huk Lundy) อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของกัมพูชา และ อดีตสมาชิกคณะกรรมการบริหารพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party) หรือ CPP

โดยก่อนหน้าที่จะสมรสกับสามีคนปัจจุบัน นั้น “นางฮุน มานา” เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วกับ “นายเมือง กุมภาค” (Moeung Kumpheak) บุตรชาย ของ อดีตนายพลกัมพูชาที่มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น กับ ฮุนเซน

ขณะเดียวกัน “นายดาย วิชัย” เอง ก่อนที่จะแต่งงานกับ บุตรสาวคนโตของผู้นำตลอดกาลกัมพูชา ก็เคยผ่านการเข้าหอลงโรงมาแล้วเช่นกัน กับ “นางฮุน จันทา” (Hun Chatha) ซึ่งถือเป็นญาติผู้พี่ของ “นางฮุน มานา” มาแล้วเช่นกัน  

ฮุน มาลี (Hun Maly) :

บุตรสาวคนเล็ก ของ ฮุนเซน มีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท Moon Media บริษัทวางแผนสื่อโฆษณากลางแจ้งที่คลอบคลุมพื้นที่สำคัญๆในประเทศกัมพูชา

นอกจากนี้ จากรายงานการสืบสวนของ Global Witness เมื่อปี 2015 ยังระบุด้วยว่า “นางฮุน มาลี” เป็นผู้บริหาร TK Avenue ห้างสรรพสินค้าสุดลักซ์ชัวรี แห่งแรกในกรุงพนมเปญด้วย

นายซก พุทธิวุฒิ (Sok Puthyvuth) :

เช่นเดียวกับ พี่ๆน้องๆ คนอื่นๆ “ฮุน มาลี” ต้องแต่งงานเพื่อสร้างคอนเนกชันทางการเมืองให้กับผู้เป็นพ่อ โดยเธอ สมรส กับ “นายซก พุทธิวุฒิ” ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมของกัมพูชา รวมถึงยังเป็น บุตรชายของ “นายซก อาน” (Sok An) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ อดีตรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา “คู่หูคู่คิดคนสำคัญของฮุนเซน” ที่มีส่วนร่วมสำคัญในเหตุพิพาทปราสาทพระวิหาร กับ ไทย เมื่อปี 2008 ด้วย

นอกจากนี้ “นายซก พุทธิวุฒิ” ยังมีตำแหน่งบริหารและ “ทุนเรือนหุ้น” (Share Capital) มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (324ล้านบาท) ใน Soma Group กลุ่มบริษัทที่มีผลประโยชน์หลากหลายจากสัปทานรัฐ ไม่ว่าจะเป็น โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจพลังงานในกัมพูชา

โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานนั้น Soma Group เคยมีข้อตกลงด้านพลังงานชีวมวลมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (97ล้านบาท) กับ บริษัท General Electric ของสหรัฐเมื่อปี 2011 ด้วย

บทสรุปธุรกิจตระกูลฮุน :

“เครือข่ายตระกูลฮุน” ยังมีวิธีหาเงินทุนสนับสนุนรวมถึงสร้างคอนเนกชันทางธุรกิจที่แสดงให้เห็นถึงพลังในการ “ควบคุม” สถาบันกษัตริย์กัมพูชา เอาไว้ในกำมือได้อย่างเบ็ดเสร็จด้วย

โดยหากอ้างอิงจากรายงานของ Radio Free Asia เมื่อปี 2021 ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของ ฮุนเซน ได้ออกพระราชกฤษฎีกา พระราชทานบรรดาศักดิ์ “ออกญา” (Oknha) แก่บุคคลใดก็ตาม ที่ “บริจาคเงินให้กับรัฐบาล” หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ “ฮุนเซน” อย่างน้อย 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ (16ล้านบาท)

ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากเดิมในปี 1994 ซึ่งอยู่ที่เพียง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (3.2ล้านบาท) เท่านั้น

หากแต่ที่ “เลวร้ายมากไปกว่านั้น” คือ บรรดาศักดิ์อันสำคัญนี้ ซึ่งแต่เดิม “สถาบันกษัตริย์กัมพูชา” จะพระราชทานแก่บุคคลที่ทำคุณงามความดีให้กับประเทศนั้น กลับถูก คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮุนเซนโดยตรง พิจารณามอบตำแหน่งดังกล่าวไปให้กับ “บรรดานายทุน” ที่มุ่งหวังได้รับสัปทานจากรัฐบาล รวมถึง กลุ่มอาชญากรที่กระทำการละเมิดกฎหมายและสิทธิมนุษย์ชนต่างๆ ที่ปราถนา “ยศถาบรรดาศักดิ์”

จนเป็นผลให้มีผู้ได้รับ พระราชทานตำแหน่งนี้ มากกว่า 1,000 คน ทั้งๆที่แต่เดิม มีผู้ได้รับพระราชทานตำแหน่งดังกล่าว เพียง 20 คนเท่านั้น ในช่วงเริ่มต้นการฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์หลังการเลือกตั้ง ที่จัดขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติ

ซึ่งทั้งหมดนี้ “สอดคล้อง” กับรายงานการสืบสวนของ Global Witness เมื่อปี 2015 ที่ได้ผลสรุปว่า เครือข่ายตระกูลฮุน ได้เข้าไปมีส่วนในการบริหาร หรือ ถือครองหุ้น ในบริษัทเอกชนต่างๆ ในประเทศมากกว่า 114 แห่ง ที่มีทุนจดทะเบียนรวมกันมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6,500ล้านบาท)

ซึ่งตัวเลขนี้ “ยังไม่รวมบริษัทอีก 16 แห่ง” ที่ไม่มีข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือ ทุนจดทะเบียนบริษัท ซึ่งคลอบคลุมธุรกิจต่างๆ ดังต่อไปนี้…

1. ธุรกิจ Trading 2. ภาคการเงิน 3. ธุรกิจโรงแรมและความบันเทิง 4. ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว 5. ธุรกิจค้าปลีก 6. ธุรกิจด้านการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์

7. สัปทานเหมือง 8. ธุรกิจด้านพลังงาน 9. ธุรกิจสื่อ 10. ภาคการขนส่ง 11. ภาคการเกษตร 12. ธุรกิจโทรคมนาคม 13. ธุรกิจด้านการพนัน 14. บริการที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย 15. ภาคการผลิต 16. ธุรกิจในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ 17. ธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัย 18. ธุรกิจด้านสิ่งทอ 19. ธุรกิจสัปทานป่าไม้

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จากบทความอันแสนยาวยืด “คุณ” มีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง?

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

สำรวจวีรเวร ที่ไม่ ใช่วีรกรรม BHQ องค์รักษ์ประจำตัว ฮุนเซน (ชมคลิป)

เรียนรู้ถึงตัวตนของฮุนเซน ผ่านการดิ้นรนเพื่อไปสู่อำนาจ (ชมคลิป)

จับ กริพเพน เทียบ F-35 และแนวคิดพึ่งตัวเองของสวีเดน (ชมคลิป)

อาวุธข่มขวัญทางยุทธศาสตร์ เครื่องบินล่องหน B-2 Spirit (ชมคลิป)

ย้อนรอย จลาจลเผาสถานทูตไทย บทเรียนข่าวเท็จ กัมพูชา ปี2546 (ชมคลิป)

ย้อนสงครามไทย-กัมพูชา 2554 BM 21 VS ปืนใหญ่ “บิ๊กตู่” ลั่น อยากรบก็รบ! (ชมคลิป)


You might be intertested in this news.

Mostview

รีวิว “Weapons” หนังฉีกแนว กับสาเหตุเด็กหายที่คิดไม่ถึง..

“Weapons” เป็นหนังที่ผิดจากที่คาดไว้ นึกว่าเป็น “หนังผี” แต่ปรากฎว่าหนังเรื่องนี้ มีสิ่งที่เหนือความคาดหมาย อยากให้ใครที่คิดจะชมเรื่องนี้ เข้าไปดูเอง…

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (14ส.ค.68) ดีดตัวระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคําวันนี้ (14ส.ค.68) ดีดตัวระยะสั้น

15 วีรชนทหารกล้าผู้พลีชีพในสมรภูมิ การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ปี 2568

กองทัพบก ยกย่องและประกาศชื่อ15 วีรชนทหารกล้า ผู้สละชีพ ปกป้อง พิทักษ์แผ่นดินไทย จากเหตุการณ์สู้รบที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จากทุกแนวรบ ตลอดแนวรบ ทุกสมรภูมิ เพื่อให้เป้นที่จดจำและระลึกถึงความกล้าหาญครั้งนี้สืบไป

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (14ส.ค.2025)

8 ประเด็นสำคัญต้องรู้ ก่อนคิดลงทุนวันนี้ (14ส.ค.2025)

แนวโน้มSETวันนี้(14ส.ค.68) Fund Flow ยังไหลเข้า

แนวโน้มSETวันนี้(14ส.ค.68) Fund Flow ยังไหลเข้า

TrustNEws Line